Release Date
05/11/2022
แนวละคร
Fantasy Musical
ความยาว
ประมาณ 3 ชั่วโมงกว่า
รอบการแสดงปกติ
แสดงทุกวันพุธถึงวันอาทิตย์
รอบการแสดงพิเศษพร้อมวงออเคสตร้า
วันที่ 26-27 ธันวาคม 65 รอบ 1 ทุ่ม และ วันที่ 2-3 มกราคม 66 รอบ 1 ทุ่ม
สถานที่แสดง
คิว สเตเดียม (Q Stadium) ชั้น M ศูนย์การค้าเอ็มควอเทียร์ (The EmQuartier)
ราคาบัตร
2,190 และ 2,390 บาท
Our score
8.5[รีวิวละครเวที] เลือกข้าง-เข้าป่าไขปริศนาไปกับ Luna: The Immersive Musical Experience
จุดเด่น
- กิมมิกการเป็น Immersive Theatre ทำให้การชมละครเวทีเรื่องนี้กลายเป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำ
- ความสามารถนักแสดงทุกคนแม้กระทั่ง ออมซอม พิสูจน์การทำงานหนักมาตลอดได้ดี พลังในการแสดงยังอยู่ครบแม้จะเป็นรอบสุดท้ายของวันและใช้เวลาร่วม 3 ชั่วโมงกว่าในฉาก
- เทคนิกที่ถูกนำมาใช้ในละคร ทำได้ดี คนดูสัมผัสได้ถึงความมหัศจรรย์มาก ๆ
จุดสังเกต
- เวลา 3 ชั่วโมงกับการชมละครที่ต้องเดินและมีปฏิสัมพันธ์กับตัวละครอาจไม่เหมาะกับคนที่ร่างกายไม่พร้อมเท่าที่ควร
-
บทร้องและการประพันธ์เพลง
9.0
-
การแสดง
9.0
-
ฉาก
8.0
-
แสง สี เสียง
8.5
-
ความสนุกตามแนวละคร
8.0
ละครเวทีแบบ อิมเมอร์ซีฟ เธียร์เตอร์ (Immersive Theatre) เป็นหนึ่งในความบันเทิงจากการแสดงสดที่ผู้สร้างต้องทุ่มเท วางแผน คิดกิมมิกต่าง ๆ และอาศัยความสามารถของนักแสดงในการด้นสดให้สามารถทำงานกับคนดูที่เข้าสู่เรื่องราวของพวกเขาได้แนบเนียนและยังเล่าเรื่องราวในละครได้หลากหลายมุมมอง และ ‘Luna: The Immersive Musical Experience’ ถือเป็นละครเวทีแบบอิมเมอร์ซีฟ เธียร์เตอร์ แถมยังทำเป็นมิวสิคัลเรื่องแรก ๆ ของประเทศไทย จัดแสดงบนพื้นที่ 1 ไร่ของคิว สเตเดียม (Q Stadium) ชั้น M ศูนย์การค้าเอ็มควอเทียร์ (The EmQuartier)
โดยเรื่องราวของละครจะดัดแปลงมาจาก‘The Girl Who Drank the Moon’ เคลลี บาร์นฮิลล์ (Kelly Barnhill) คว้ารางวัลเหรียญนิวเบอรี (Newbery) รางวัลนวนิยายที่ให้คุณค่าสูงสุดแก่เยาวชนสหรัฐอเมริกาประจำปี 2017 ที่เล่าถึงเมืองโพรเทคเทอเรทที่ถูกปกครองด้วยคณะสงฆ์และภาคิณีแห่งดวงดาว ที่ทุกปีชาวเมืองจะต้องเสียสละเด็กทารกแรกเกิดนำไปสังเวยให้แม่มดในป่าลึกและในปีนั้น ลูน่า ทารกแรกเกิดก็ถูกเลือกให้เป็นเครื่องสังเวยดังกล่าวแต่ แซน แม่มดที่ทำพิธีสังเวยกลับให้นางดื่มกินแสงจันทร์จนมีเวทมนตร์กล้าแกร่ง แต่แซนจำต้องสะกดเวทมนตร์ลูน่าไว้และเลี้ยงเธอคู่กับมังกรน้อยและปีศาจหนองน้ำ
ในขณะเดียวกันที่เมืองโพรเทคเทอเรท พิธีกรรมความเชื่อในการสังหารเด็กทารกแรกเกิดยังคงวนเวียนมาทุกปีโดยมีคณะสงฆ์และภคิณีแห่งดวงดาวคอยรักษาความลับอยู่ จนกระทั่งแอนเธน ชายหนุ่มผู้ต้องสืบทอดตำแหน่งราชาคณะต่อจากพ่อของเขาเกิดตั้งคำถามถึงพิธีกรรมที่ปฏิบัติมาทุกปี ยิ่งหลังจากเขาได้แต่งงานกับเอไธน์ หญิงสาวอดีตภคิณีแห่งดวงดาวที่ไม่รังเกียจรอยแผลเป็นบนหน้าจากความสงสัยของเขาจนทั้งคู่ให้กำเนินทารก และกลายเป็นเป้าหมายของพิธีกรรมสังเวยครั้งใหม่ แอนเธนจึงต้องการยุติพิธีกรรมอำมหิตเพื่อลูกของเขาไปตลอดกาลด้วยการตามฆ่าแม่มดร้าย
เลือกข้าง เลือกความสนุก
‘Luna: The Immersive Musical Experience’ จะมีกติกาหลักในการเข้าชมคือผู้ชมจำเป็นต้องเลือกในรอบนั้น ๆ ว่าจะเข้าไปชมละครในฝั่งเมือง (Village Pass) หรือ ฝั่งป่า (Forest Pass) ซึ่งจะเล่าเรื่องในมุมมองที่ต่างกันโดยลักษณะเด่นของแต่ละฝั่งมีดังนี้
Village Pass
- ฝั่งหมู่บ้านจะเล่าเรื่องราวด้านการเมืองเสียเป็นส่วนใหญ่ โดยเรื่องราวหลัก ๆ จะเกี่ยวข้องกับพิธีกรรมสังเวยเด็กที่เหล่าชาวบ้านที่เป็นอองซอม (Ensemble) มักจะซุบซิบนินทาเรื่องราวเกี่ยวกับพิธีกรรม และการปกครองของคณะสงฆ์และภคินีแห่งดวงดาวซึ่งเต็มไปด้วยการคอรัปชันและความลับดำมืดที่กัดกินจิตใจคนในเมือง
- จุดโดดเด่นอีกอย่างของฝั่งเมืองคือการที่ผู้ชมได้พูดคุยและมีปฏิสัมพันธ์กับตัวละครในระดับใกล้ชิดมาก ๆ ทั้งแบบที่เป็นอองซอม ชาวบ้านหลากอาชีพที่คุยได้สนุกสนาน ซึ่งผู้ชมที่ได้กำไรที่สุดก็คือคนที่ใช้เวลาพูดคุยกับเหล่าชาวบ้านนี่แหละครับ
- สำหรับฉากร้องเพลงในฝั่งเมืองจะเน้นไปที่การร้องเพลงแบบคอรัสสุดอลังการ และมีความสนุกสนานเมื่อตัวละครเชิญชวนผู้ชมให้เต้นรำไปกับพวกเขา
Forest Pass
- เรื่องราวทางฝั่งป่า จะเป็นเรื่องราวในมุมมองของลูน่า และแม่มดแซน พร้อมเหล่ามังกรน้อยและปีศาจแห่งหนองน้ำ โดยตัวละครหลัก ๆ ที่จะใช้เล่าเรื่องในฝั่งนี้จะเป็นตัวละครหลัก 2 ตัวและเทคนิคหุ่นเชิดพร้อมเสียงพากย์ มีความเป็นแฟนตาซีและเหมาะกับเด็ก ๆ มากกว่า
- ในขณะที่ฝั่งป่าจะเน้นการเล่าเรื่องและเทคนิคหุ่นเชิดเสียส่วนใหญ่ ประกอบกับตัวละครที่มีไม่เยอะมาก ดังนั้นผู้ชมจะเสมือนเป็นผู้สังเกตการณ์เหตุการณ์เสียมากกว่า
- ในขณะที่ฉากร้องเพลงในฝั่งป่า จะเป็นการโชว์ศักย์ภาพของนักแสดงในการร้องเพลงที่เน้นโชว์พลังเสียง ซึ่งต้องยอมรับเลยครับว่าเสียงร้องแต่ละคนสะกดคนดูอยู่จริง ๆ
เลือกตามตัวละครแบบเกม RPG
อีกฟังก์ชันหนึ่งของละคร ‘Luna The Immersive Musical Experience’ คือการให้โอกาสผู้ชมได้เลือกมุมมองตัวละครในการติดตามเรื่องราวไปซึ่งในวันชมละคร ผมเลือกติดตามตัวละครแอนเธน สนุกมากทีเดียวเพราะเขาจะพาเรามุด ผุบ โผล่ ไปล่าแม่มดกับเขาและยังได้รู้ความลับต่าง ๆ ของเมืองนี้อีกด้วย ซี่งตัวนักแสดงจะเดินมาสอบถามกับเราเองว่าอยากจะไปร่วมเดินทางกับเขาหรือไม่ ไม่ต่างจากตอนเราเล่นเกมประเภทสวมบทบาทหรือ RPG (Role playing game) ที่ได้ติดตามตัวละคร ได้พูดคุยและมีบทบาทร่วมไปกับเนื้อเรื่อง
สนุกด้วย ได้บุญด้วย
ด้วยความที่ละครเวที ‘Luna The Immersive Musical Experience’ จัดขึ้นเพื่อระดมทุนช่วยเหลือมูลนิธิชัยพฤกษ์ของ แพทย์หญิงเคลียวพันธ์ สูรพันธ์ หรือป้าหมอผู้เปิดบ้านดูแลเด็กกำพร้าและด้อยโอกาสมานานกว่า 37 ปี โดยมีปณิธานแน่วแน่ในการดูแล ส่งเสริม และสร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชนผู้ขาดโอกาส ให้สามารถดำรงชีวิตในสังคม และประสบความสำเร็จไปแล้วมากกว่า 100 ชีวิต
ซึ่งผู้ชมสามารถมีส่วนร่วมด้วยการบริจาคเพิ่มเติมตั้งแต่ 400 บาทขึ้นไปต่อตั๋ว 1 ใบจะได้รับบัตรแบบพิเศษ (Limited Edition) เป็นที่ระลึกพร้อมสัญลักษณ์ Secret Pass เพื่อใช้ผ่านเข้าไปในเส้นทางลับที่มีการแสดงและเพลงพิเศษจากตัวละครหลัก
สำหรับผู้สนใจสามารถซื้อบัตรชมละครเวที ‘Luna: The Musical Experience’ ได้ทาง Ticketmelon ซึ่งการแสดงจะมีไปจนถึงวันที่ 28 มกราคม 2566 ณ คิว สเตเดียม (Q Stadium) ชั้น M ศูนย์การค้าเอ็มควอเทียร์ (The EmQuartier)
เรื่องและภาพฝั่งเมืองโดย มโน วนเวฬุสิต
ภาพฝั่งป่าโดย อาทิกา เลิศศลารักษ์
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส