เขียนบท
พัคซึลกี | ชเวมินโฮ | อีบม
กำกับ
พัควอนกุก
ช่องทางรับชม ซีซัน 1 (12 ตอนจบ)
NETFLIX, Wetv (ซับไทย) VIU (พากย์ไทยและซับไทย)
ช่องทางรับชท ซีซัน 2 (10 ตอนจบ)
VIU (ซับไทย)
Our score
7.7[รีวิว]Poong, the Joseon Psychiatrist ซีซัน 1-2: จิตแพทย์แห่งโชซอน ฮาเบา ๆ แต่ฮีลใจดี๊ดี
จุดเด่น
- เรื่องนี้เป็นการแสดงซีรีส์แนวย้อยยุคเรื่องแรกของ คิมฮยางกี นางเอกของเรื่อง ก้ถือว่าน้องทำได้ดี และน่ารักแปลกตาไปอีกแบบ
- บทมีความลึกซึ้งและเกือยจะกลายเป็นซีรีส์ดราม่าหนัก ๆ ได้เลย แต่ก็ยังใช้คาแร็กเตอร์ของตัวละครมาสร้างความคอมเมดี้ให้น่าดูจนได้
จุดสังเกต
- ในส่วนของมุมดราม่าเชื่อว่าจะสามารถใส่เนื้อหาที่เข้มข้นได้อีกเป็นสองเท่า และหากมีการชงเข้มในส่วนของคอมเมดี้ เชื่อว่าเรื่องนี้จะเป็นซีรีส์ที่ขึ้นหิ้งอีกเรื่องไม่แพ้ Mr.Queen เลยทีเดียว
-
บท
7.5
-
นักแสดง
8.0
-
โปรดักชัน
8.0
-
การดำเนินเรื่อง
7.0
-
ความสนุกตามแนวซีรีส์
8.0
ซีรีส์การแพทย์แนวย้อนยุค ดราม่าคอมเมดี้ ฮากรุบกริบที่สร้างจากนิยายชื่อดังของ ‘อีอึนโซ’ เจ้าของรางวัล Excellence Award จากการประกวด Korea Story Contest 2016 ที่เขียนให้พระเอกของเราเป็นหมอหนุ่มสุดหล่อจนสาวหลง ฉายาเทพฝังเข็มแห่งวังหลวง ก่อนที่จะกลายเป็น ‘หมอรักษาใจ’ (จิตแพทย์) ในที่สุดเพราะโรคของคนไข้ที่เขารักษา ล้วนมีส่วนเกี่ยวข้องกับจิตใจภายในทั้งสิ้น ในขณะที่ตัวหมอเองก็ไม่สามารถฝังเข็มได้อีกต่อไปแล้ว เพราะใจหมอก็สะเทือนไม่ต่างกัน
‘Poong, the Joseon Psychiatrist’ หรือในชื่อไทย ‘ยูเซพุง ยอดจิตแพทย์โชซอน’ ss1 และ 2 : เล่าเรื่องราวของ ‘ยูเซยอบ’ (คิมมินแจ) หัวหน้าหมอฝังเข็มมือหนึ่งแห่งวังหลวง ที่ต้องระเห็จออกไปจากฮันยางเพราะต้องโทษเนรเทศจากการถูกใส่ร้าย ว่าเป็นผู้ปลงพระชนม์พระราชา เรียกว่างานนี้หมอหนุ่มถึงกับหมดตัวกันเลยละค่ะ พ่อก็ถูกฆ่าตาย ทั้งเนื้อทั้งตัวไม่เหลือเงินสักก้อน มีเพียง ‘มันบก’ (อันชางฮวาน) ทาสรับใช้ผู้ซื่อสัตย์ คอยติดตามอารักขาอยู่ไม่ห่างเท่านั้นเอง แต่การถูกเนรเทศครั้งนี้คือความปราณีและการตั้งใจช่วยเหลือของพระราชาองค์ใหม่ เพราะยูเซยอบเป็นพระสหายร่วมเรียน แถมพระราชายังไม่เชื่อเลยสักนิดว่าพระบิดาสวรรคตด้วยฝีมือของยูเซยอบ เรื่องนี้มันต้องมีเงื่อนงำแน่ ๆ ข้ามั่นใจ
เป็นเหตุให้ยูเซยอบพกจิตใจเหี่ยว ๆ เดินทางไปถึงเมืองโซรัค และคิดว่าจะจบชีวิตตัวเองด้วยการโดดหน้าผาลงมาตายให้มันจบ ๆ กันไป แต่เขาเป็นพระเอกค่ะ ซีนนี้จึงเป็นเพียงซีนของการพบนางเอกครั้งแรกเท่านั้นเอง เมื่อสาวงามในชุดฮักบกนามว่า ‘ซออึนอู’ (คิมฮยางกี) บุตรีของเจ้าเมืองโซรัคที่มีความสามารถในการชันสูตรศพมาห้ามเขาไว้ได้ทันด้วยประโยคที่ว่า “บางสิ่งเราจะมองเห็น ได้ยินและรู้สึกได้แค่ตอนที่ยังมีชีวิตอยู่เท่านั้นนะ” ทำให้เขามีชีวิตรอดกลับไปเป็นหมออีกครั้งด้วยการให้ความช่วยเหลือแบบกวน ประสาทของ ‘คเยจีฮัน’ (คิมซังกยอง) หมอปากร้าย เจ้าของโรงหมอแห่งเดียวในเมืองโซรัค ที่สูบเงินคนรวยแต่รักษาฟรีให้คนจน
จนการพบกันครั้งที่ 2 ของพระนางได้เกิดขึ้น เมื่ออยู่ ๆ สาวงามที่เคยเตือนสติและช่วยชีวิตเขาบนหน้าผา กลับกลายมาเป็นคนที่พยายามฆ่าตัวตายซะเอง ด้วยเหตุของการเป็นม่ายสามีตายในคืนวันแต่งงาน และความขมขื่นที่ถูกกระทำจากแม่สามี ทำให้คุณหนูซออึนอูได้กลายมาเป็นคนไข้คนแรกที่ยูเซยอบรักษาอาการป่วยที่เกิดจากจิตใจ เรียกว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการเป็นจิตแพทย์สมัยโชซอนของเขาเลยก็ว่าได้ เรื่องราวความรักและเคสของความป่วยไข้ต่าง ๆ ของชาวเมืองโซรัคก็เริ่มต้น ณ บัดนั้น
ซึ่งโรงหมอแห่งนี้ก็เต็มไปด้วยเหล่าอเวนเจอร์สประจำโรงหมอ ที่ไม่มีโรงหมอแห่งไหนในยุคโชซอนเสมอเหมือน เพราะที่นี่มีทั้ง ‘จางกุน’ (ฮันชอองมิน) เด็กชายที่มีความผิดปกติทางสติปัญญาแต่มีความเป็นอัจฉริยะทางด้านความจำ และสามารถจำแนกสมุนไพรได้ทุกชนิดแบบไม่มีผิดเพี้ยน ‘นายหญิงนัมเฮ’ (ยอนโบรา) แม่ครัวประจำโรงหมอที่ทั้งทำกับข้าวเก่งและปรุงยาเก่งไม่แพ้กัน ‘คเยอิบบุน’ ลูกสาวปากแจ๋วของหมอคเยจีฮันที่วาดรูปเก่งมากกว่าการจัดยาให้คนไข้ และ ‘ยาย’ (จอนกุกยาง) หญิงชราที่เป็นโรคสมองเสื่อมแต่ก็เป็นลูกมือในโรงหมออย่างขยันขันแข็ง แถมยังเข้าใจว่ายูเซยอบ คือ ‘พุง’ ลูกชายของตัวเอง จนพระเอกของเรายินดีที่จะถูกเรียกว่า ‘ยูเซพุง’ นับแต่นั้น
ซีรีส์สายฮาที่มีมิติและเน้นสาระ
เรื่องนี้เป็นดราม่าคอมเมดี้ที่เราจะสามารถพบความฮาได้ประปรายตลอดเส้นทาง แต่สิ่งที่จะได้พบมากกว่าคือดราม่าของเหล่าตัวละครต่าง ๆ ที่เริ่มตั้งแต่ดราม่าของพระ-นาง และดราม่าของเหล่าอเวนเจอร์สประจำโรงหมอทั้งหลายแบบเคสบายเคสกันไปเลยค่ะ โดยที่ฉากหลังของเรื่องคือเรื่องราวของการก่อกบฏและการกุมอำนาจของ ‘โจแทฮัก’ (ยูซังจู) อัครเสนาบดีฝ่ายซ้ายที่คิดการใหญ่และเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังการปลงพระชนม์ของพระราชาองค์ก่อน ก็เรียกว่าเป็นการผสมผสานซีรีส์แนวการแพทย์โบราณ และเรื่องราววุ่นวายของวังหลวงกับการสืบสวนสอบสวน หาต้นตอของโรคต่าง ๆ ที่แต่ละเคสเป็น และหาตัวการร้ายที่ทำให้พระราชาองค์ก่อนสิ้นพระชนม์
ซีรีส์ปูให้นางเอกของเรื่องนี้มีความสามารถและความคิดผิดแผกไปจากหญิงสาวคนอื่น ๆ ในยุคนั้น ด้วยการให้เธอเป็นสตรีที่มีความสามารถในการชันสูตรศพ ช่างสังเกต แต่ต่อให้เก่งและแตกต่างแค่ไหนก็ไม่สามารถแหวกขนบของประเทศไปได้ เมื่อสามีตายในวันแต่งงานโดยไม่ทราบสาเหตุและมอบสถานะแม่ม่ายให้กับเธอ ความกดดันจากแม่สามี ความกดดันจากขนบประเพนีและกฎบ้านกฎเมืองในสังคมชายเป็นใหญ่ กลับบีบคั้นและทำให้เธอคิดว่าตัวเองเป็นฝ่ายผิด จนทำให้เกือบจะพบจุดจบถ้าไม่เจอกับพระเอกซะก่อน
เรียกว่าเป็นการปูคาแรกเตอร์ตัวละครที่สมจริงและไม่มีใครเก่งเวอร์วัง ทุกตัวละครมีมิติที่จับต้องได้ เป็นไปได้และน่าเชื่อถือ แม้กระทั่งพระเอกที่เก่งชั้นเซียนจนพระราชายกย่องให้เป็นเทพฝังเข็ม ก็ยังตกม้าตายกลายเป็นเหยื่อของคนเลวได้ง่าย ๆ จนไม่สามารถฝังเข็มได้อีกต่อไปเพราะเหตุการที่พบเจอมันช่างฝังใจซะเหลือเกิน หรือแม้แต่ตัวละคร จางกุน เด็กออทิสติกเบา ๆ ที่มีความเป็นอัจฉริยะจนกลายเป็นเภสัชกรวัยเยาว์คนสำคัญของโรงหมอไปซะฉิบ พล็อตไม่ง่ายเลยนะคะ ถ้าไม่ได้รับการเขียนบทที่ดีนี่บอกเลยว่ามีแป้ก
แต่ผู้เขียนบทสามารถทำออกมาให้ดูสนุก ดูเพลินและขำขันได้แบบง่ายดาย ในขณะเดียวกันความขำขันนั้นกลับซ่อนดราม่าน้ำตารื้นเอาไว้อย่างแยบยลซะด้วยสิ เรียกว่าแต่ละฉากแต่ละตอนชวนติดตามและทำให้เราลุ้นไปกับเรื่องราวต่าง ๆ ที่สองพระนางจะช่วยกันไขคดี สืบหาสาเหตุของความป่วยไข้ ก็จัดได้ว่าเป็นซีรีส์ที่ไม่หวือหวา แต่มานิ่ม ๆ แบบฟาดเงียบ ๆ ไปเลยจ้ะ
ปมหลอก ๆ ที่ภาวนาว่าอย่านะ
เรื่องนี้มีตัวร้ายอยู่ตัวหนึ่งแน่ ๆ คือ เสนาบดีฝ่ายซ้าย สำหรับแฟน ๆ ซากึกเกาหลีหากได้ยินตำแหน่งนี้โผล่มาเมื่อไหร่ก็หมายหัวได้เลยว่าคนใหญ่คนโตผู้นี้เป็นตัวโกงแหง ๆ เพราะร้อยละ 90 ล้วนเป็นตัวโกงทั้งสิ้น และแน่นอนว่าเรื่องนี้ต้องมีพระรองไม่ต่างจากเรื่องไหน ๆ ซึ่งบทก็ยังอุตส่าห์หลอกลวงเราเบา ๆ ให้ลังเลสงสัยว่า ‘ท่านผู้ตรวจ’ (จุงวอนชาง) จะเป็นตัวร้ายหรือเป็นคนดีกันแน่ อย่านะ อย่าเป็นคนเลวนะเฟ้ยพ่อรูปหล่อ แถมยังทำให้เราคิดไปเองได้อีกว่าบทจะมาในทางศึกชิงนางรึเปล่านะ แต่สุดท้ายก็กลายเป็นดราม่าน้ำดีที่ไร้กลิ่นน้ำเน่าจนน่าชื่นชม ว่าละครย้อนยุคของเกาหลีช่างเขียนบทได้มีมิติขนาดนี้
ถึงแม้ว่าบรรยากาศต่าง ๆ ภายในเรื่องจะทำให้เราคุ้นชินและไม่รู้สึกถึงความแตกต่างไปจากซากึกเรื่องไหน ๆ แต่เนื้อหาสาระที่อัดแน่นอยู่ในนั้น กลับกลายเป็นสมุนไพรเคลือบน้ำตาล ที่กินอร่อยกินเพลิน แถมยังได้สุขภาพดีอีกต่างหาก เพราะได้สอดแทรกความเป็นจริงของโลกไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นสัจธรรมของความเจ็บป่วยที่ใจเป็นนายกายเป็นบ่าว เรื่องขำขันในชีวิตที่แอบซ่อนความเศร้าไว้ไม่มิด แต่ชีวิตก็ต้องสู้ เป็นขนมผสมน้ำยาที่ไม่มีด้านไหนเด่าเกินหน้าเกินตาอีกด้านไปได้เลย เรียกว่าเป็นดราม่าคอมเมดี้ที่พอดี๊พอดี แต่ก็มีความโบ๊ะบ๊ะให้หลุดฮากระจัดกระจายอยู่เหมือนกัน
ซีซัน 2 ร้อวว้าว สนุกกว่าซีซันแรกอีกแน่ะ
ใครที่ดูซีซัน 1 จบไปตั้งแต่เมื่อกลางปีที่แล้ว ก็คงจะตั้งตารอซีซัน 2 อยู่แน่นอน เพราะเรื่องราวของพระนางได้ค้างคาเอาไว้ที่ต้นไม้ต้นนั้น คือคนเขาจะลงเอยกันอยู่รอมร่อ ทั้งพ่อนางเอกและพระราชาก็มาวุ่นวายทำให้เค้าต้องแยกกันไปจนได้ เพื่ออะไรคะ เพื่อให้มีเรื่องราวจิ้น ๆ หวาน ๆ ต่อไปในซีซัน 2 น่ะสิ เพราะซีซัน 1 นั้นทั้งสองพระนางก็วิ่งวุ่นอยู่กับการรักษาคนไข้ ตัวร้ายก็มีอยู่ตัวเดียว แถมพระรองก็ดันเป็นคนดีอีกต่างหาก แล้วไหนจะสืบคดีนั้น สืบเรื่องราวนี้ ไอ้เรื่องหวานแหววก้เลยมีประปรายให้เราพอได้ชื่นหัวใจกันบ้าง
แต่ในซีซันนี้เมื่อเขาสองคนจบซีซัน 1 ด้วยการแยกจากกัน ความรักความคิดถึงของตัวละครก็ส่งมาถึงคนดูอย่างจังในรูปแบบของความคลลาสสิก ด้วยการใช้มุกรักระยะไกลให้เราแอบลุ้นว่าเมื่อไหร่เขาสองคนจะได้มาร่วมงานที่โรงหมอกันอีก ซึ่งก็มาเร็วเคลมเร็วซะยิ่งกว่าอะไร แหม คราวนี้สองคนกลับมากุ๊กกิ๊กกันยิ่งกว่าเดิม แถมยังเชื่อใจกันชนิดที่ไม่หวั่นแม้จะมีตัวป่วน เพราะซีซันนี้ได้จัดให้มีตัวอิจฉาของสองฝั่งเข้ามาเพิ่มอรรถรสให้มากยิ่งขึ้นกว่าซีซันที่แล้ว ตัวอิจฉาฝ่ายชายนี่ต้องบอกเลยว่าน่าหมั่นไส้ ดูไปด่าไปค่ะบอกแค่นี้
‘คังยองซอก’ รับบทเป็น ‘จอนกังอิล’ หมอหลวงหน้ามึนที่ไม่ยอมรับว่าตัวเองวินิจฉัยผิดได้น่าหมั่นไส้มาก กับมาดกวน ๆ ที่พกความอิจฉาตาร้อนพระเอกมาแต่ไหนแต่ไร เพราะสอบหมอได้ที่ 2 รองจากยูเซยอบ และดูท่าจะมีความหลังฝังใจกับคเยจีฮันอีกด้วยแน่ะ และอาจมีใจให้กับนางเอกของเราอีกด้วย เรียกว่าตั้งใจมาเป็นคู่แข่งในทุก ๆ ด้าน ถัดมาที่ฟากฝั่งหญิง ก็ได้ส่ง ‘อูดาบี’ เข้ามารับบทเป็น ‘องค์หญิงอีซอยี’ น้องสาวต่างมารดาของพระราชา ที่ช่างเอาแต่ใจ แก่นเซี้ยวและหลงตัวเองเป็นที่สุด
ซึ่งตัวละครสองตัวนี้ก็ได้เข้ามาสร้างสีสันให้เนื้อเรื่องเข้มข้นขึ้น สนุกสนานครบรสและสร้างเสียงหัวเราะมากขึ้นอีก 1 ระดับแต่ในทางกลับกันก็ทำให้เกิดมิติตรงกันข้ามกับตัวละครตัวอื่น ๆ ที่ใส่เต็มทั้งความสมจริงและความเป็นไปได้ในหลาย ๆ บริบถเอาไว้อย่าง แต่ในเมื่อเรื่องนี้เป็นซีรีส์การแพทย์ยุคโบราณที่พระเอกเป็นจิตแพทย์หรือหมอที่เชี่ยวชาญทางด้านจิตใจมนุษย์ เชื่ออิชั้นเถอะค่ะว่าในตอนต่อ ๆ ไป ทั้งองค์หญิงและตาหมอขี้อิจฉา จะต้องกลายเป็นคนไข้ของยูเวยอบเข้าจนได้ เพราะอารมณ์ แววตาและความประพฤติต่าง ๆ ที่แสดงออก สองคนนี้ต้องป่วยด้วยปัญหาภายในจิตใจอะไรสักอย่าง เชื่อดิฉันเถอะค่ะ ดิฉันดูจบมาซีซันนึงแล้ว
สำหรับใครที่ยังไม่เคยติดตามซีซัน 1 ตอนนี้ก็มีหลายช่องทางให้ติดตามเลยค่ะ ส่วนใครที่เป็นแฟนซีรีส์เรื่องนี้อยู่แล้ว ก็อย่าลืมไปให้กำลังใจ พุงของยายกันนะตอนนี้ออกอากาศไป 4 ตอนแล้วจ้า กำลังสนุกเลย
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส