เขียนบท
เจี๊ยบ-วรรธนา วีรยวรรธน
กำกับ
ปุ๊ย-ผอูน จันทรศิริ
จำนวนตอน
16 ตอน (รีรวิวถึงตอนที่ 12)
ช่องทางรับชม
วันจันทร์-อังคาร เวลา 20.30 น. ทางช่อง one31
Our score
8.0[รีวิว] รักร้าย : รสชาติใหม่ของละครแย่งผู้ เข้มข้นตุ๋นเปื่อยแบบละลายในปาก
จุดเด่น
- บทที่ดีมักจะมีชัยไปกว่าครึ่ง และละครเรื่องนี้ก็เป็นแบบนั้น ทั้งสร้างความรู้สึกใหม่ และมีความสมเหตุสมผลน่าชื่นใจกว่าละครแนวเดียวกันเรื่องอื่น ๆ
- นักแสดงเอาอยู่ทุกบทบาท โดยเฉพาะลิลลี่ ภัณฑิลา, เจษ เจษฎ์พิพัฒ, และ นาน่า ศวรรยา ที่กำบทได้น่าชื่นชมเป็นพิเศษ
- การดำเนินเรื่องฉับไว ไม่ยืดเยื้อและมีการนำเสนอที่ทันสมัย จุดนี้ทำให้น่าติดตามมากยิ่งขึ้น
จุดสังเกต
- ขัดใจคอสตูมของทุกตัวละครอยู่หน่อย ๆ แต่ที่ขัดใจมากกว่าคือคอสตูมของนางเอก ที่ทำให้รู้สึกถึงความเหี่ยวเฉา อมทุกข์อยู่ตลอดเวลา ทั้ง ๆ ที่หลายชุดใช้สีสันสดใส หรืออาจจะเป็นความตั้งใจให้เข้ากับบทก็ถือว่าประสบความสำเร็จค่ะ
-
บท
9.0
-
การดำเนินเรื่อง
8.0
-
นักแสดง
9.0
-
โปรดักชัน
6.0
-
ความสนุกตามแนวละคร
8.0
หน้าฉากและการโปรโมต บวกกับเรื่องราวเริ่มต้นที่ทำให้เราเอนเอียงไปทางสายจิกตบ ก็เกือบจะทำให้เราดูเบาและเมินเฉยต่อ ‘รักร้าย’ ไปซะแล้ว แต่เมื่อได้เห็นชื่อของผู้เขียนบทเป็น วรรธนา วีรยวรรธน และผู้กำกับคือ ผอูน จันทรศิริ ก็เห็นทีจะปล่อยละครไทยเรื่องนี้ให้ผ่านสายตาไปไม่ได้ จนได้พบว่า รักร้ายในฉบับของเจี๊ยบ วรรธนา ช่างร้ายสมชื่อซะจริง ๆ
รักร้าย | เรื่องราวของ ‘เวนิการ์’ (ใหม่-ดาวิกา) เจ้าของธุรกิจเครื่องสำอางออนไลน์ ที่สร้างแบรนด์มาด้วยตัวเองจนโด่งดัง และอยากจะขยายธุรกิจให้ไปถึงจุดที่ประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้น ในชีวิตของเธอมีกัลยาณมิตรอยู่รอบกาย ‘เมนี่’ (ลิลลี่-ภัณฑิลา) เพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยเรียนเป็นที่ทั้งผู้ช่วยและหุ้นส่วนทางธุรกิจ ‘บรรเทา’ (มิว-ศุภศิษฏ์) เพื่อนสนิทผู้เชียวชาญด้านการเงินและแอบชอบเธอมาตลอด ‘พี่เชา’ (ป๋อมแป๋ม-นิติ) เพื่อนรุ่นพี่ที่เป็นที่พึ่งทางใจชั้นยอด คนเหล่านี้อยู่รอบกายเธอไม่เคยห่างหายไปไหน
จนวันหนึ่งเธอได้มาพบกับ ‘ธีรกิจ’ (เจษ-เจษฎ์พิพัฒ) นักธุรกิจหนุ่มหน้าตาดี โปรไฟล์เลิศ ที่กำลังมองหาธุรกิจที่น่าสนใจเพื่อเข้าร่วมลงทุน และกำลังมองหาใครสักคนที่จะตกหลุมรัก ขณะเดียวกันเหตุการณ์น่าปวดหัวก็ทำให้เธอมาพบกับ ‘ดั่งวาด’ (แหม่ม-คัทลียา) สุภาพสตรีบุคลิกดี ดูภูมิฐาน ที่เดินเข้ามาในช่วงเวลาเหมาะ ๆ และกำลังจะทำให้ชีวิตของเวนิการ์เปลี่ยนไปจากเดิม พร้อม ๆ กับปัญหารุมเร้า ทั้งเพื่อน งานและความรัก ที่เป็นทั้งบททดสอบและบทเรียนครั้งสำคัญและใหญ่หลวงกับชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่ง
ต้องได้แบบนี้สักทีสิน่า ละครไทย
ดูคนอย่างดูเพียงภายนอก จะเลือกผลไม้มารับประทานก็อย่ามองเพียงเปลือกสวย ๆ เพราะเนื้อในอาจจะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงก็เป็นได้ อย่างเช่นละครเรื่องนี้ที่เนื้อในกับตัวอย่างที่ตัดมาโปรโมต แทบจะเป็นหนังคนละม้วน และเป็นแกงหม้อใหญ่ซะมากกว่า บอกตามตรงเลยว่าผู้เขียนเมินเฉยต่อละครเรื่องนี้ในคราวแรก ด้วยชื่อเรื่อง ด้วยการโปรโมตที่ตัดช็อตเด็ดที่แซ่บซี้ดพริกสิบเม็ดมาให้ชม คือไม่อยากดูแนวนี้แล้วอ่ะ แถมเป็นช็อตที่มองไม่เห็นความแตกต่างไปจากละครแย่งผู้เรื่องอื่น ๆ เลยสักนิด
หนำซ้ำยังมีละครและซีรีส์ต่างประเทศเรื่องอื่นมาแข่งขัน สร้างความแตกต่างที่น่าสนใจอีกมากมาย ถ้าไม่เหลียวกลับมามองเพราะผู้เขียนบทและผู้กำกับแล้วละก็ คงอดได้ดูอะไรดี ๆ ที่ละครเรื่องนี้มีอยู่มากมายเป็นแน่ และอันดับแรกที่ทำให้รู้สึกชื่นชมขึ้นมาได้ คือความเป็นมนุษย์ของตัวละครที่จับต้องได้และรู้สึกได้ว่ามนุษย์เหล่านั้นที่โลดแล่นอยู่ในจอสี่เหลี่ยม เขามีตัวตนจริง ๆ นี่คือเสน่ห์แรกของละครเรื่องนี้ที่สัมผัสได้ในทันที
ด้วยบทที่เขียนให้เกิดความรู้สึกสมจริงในความเป็นมนุษย์ ที่ถึงแม้จะมีเกินเบอร์จนน่าหมั่นไส้ไปบ้างในบางบทของบางตัวละคร แต่ก็ยังยืนอยู่ในความเป็นไปได้อยู่ดี บทเขียนให้นางเอกเป็นตัวแทนของนักธุรกิจรุ่นใหม่ ที่สร้างตัวขึ้นมาได้แบบปากกัดตีนถีบ และด้วยหน้าตาที่สะสวยแถมรวยเพื่อนอีกต่างหาก การถีบตีนครั้งนี้ก็ทำให้เธอพุ่งและรุ่งในเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งแน่นอนว่าเวลาเพียงไม่กี่ปีที่เธอสร้างธุรกิจจากสองคนกับเมนี่เพื่อนซี้ จนมีพนักงานในบริษัทถึง 20 คน ไม่ได้หมายความว่าจะทำให้เธอเจนสังเวียนจนแก้ปัญหาที่ถาโถมได้ทุกอย่าง
บทจึงเล่นกับการตัดสินใจครั้งยิ่งใหญ่ของนักธุรกิจดาวรุ่ง ว่าจะเลือกโอกาสชิ้นโตที่เข้ามาในเวลาที่แสนจะวุ่ยวาย หรือจะตัดมันทิ้งไปเพื่อรักษาสัมพันธ์เอาไว้ ซึ่งบทในช่วงนี้ก็ขยี้หนักมาตั้งแต่ต้นด้วยการให้เวนิการ์มีใจให้ธีรกิจ พร้อม ๆ กับที่เมนี่ก็มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับธีรกิจโดยที่ไม่มีใครรู้ ซึ่งบทในช่วงนี้ถึงแม้คนดูจะสามารถเดาได้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น แต่การรับรู้ของคนดูก็ไม่ได้มากไปกว่าตัวละครเลยสักนิด นั่นจึงทำให้ละครเรื่องนี้น่าสนใจมากยิ่งขึ้น แถมการตัดสินใจที่ยากเหลือเกินว่าจะเลือกความสัมพันธ์หรือโอกาสที่กำลังจะเข้ามากันแน่ ยิ่งสร้างความรู้สึกร่วมให้กับผู้ชมได้มากกว่าเดิม
เราสามารถเดาได้ว่าผู้ชายคนนั้นของเมนี่เป็นใคร แต่เราไม่สามารถเดาใจเมนี่ได้เลยว่าเมนี่จะตัดสินใจอย่างไรกับความสัมพันธ์ครั้งนี้ เราสามารถมีความสงสัยร่วมไปกับเวนิการ์ได้ แต่เราก็ไม่ได้รู้อะไรมากไปกว่าที่เวนิการ์รู้ เรียกได้ว่าเป็นละครที่ทำให้เรามีความรู้สึกร่วมไปกับตัวละครอย่างเท่าเทียมกัน สงสัยไปด้วยกันและรับรู้ความรู้สึกนั้นร่วมกันอย่างง่าย ๆ แถมด้วยการรอคอย ลุ้นถึงการตัดสินใจของตัวละครที่เราแอบลุ้นไปในเวลาเดียวกัน ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ร้องเห้ย ว่านี่แหละ มนุษย์ที่มีศักดิ์ศรีมันต้องคิดแบบนี้ เพื่อนซี้กันมันต้องเป็นแบบนี้ ซึ่งหาได้ยากจากละครแนวเดียวกันเรื่องอื่น ๆ
ความท็อปฟอร์มของนักแสดง ที่ไม่มี MVP
ท็อปฟอร์มจริง ๆ ค่ะกับนักแสดงของเรื่องนี้ ที่จับบทของตัวเองกันได้แบบอยู่หมัด ไม่มีใครหลุดคาแรกเตอร์และกลายเป็นตัวละครตัวนั้นได้อย่างสมจริง จนไม่มีบทของใครเด่นเกินใคร นั่นยิ่งสร้างความสมจริงให้กับละครเรื่องนี้ไปอีก ไม่มีใครเลวจนเกินบรรยาย ไม่มีใครโง่จนน่าปวดหัวและไม่มีใครดีจนน่ากราบ ทุกตัวละครมีความเป็นสีเทาและตัดสินใจบนความเป็นมนุษย์ที่มีความรัก โลภ โกรธ หลง สำเร็จได้ก็พลาดได้อย่างที่ต้องจำเป็นบทเรียน แม้แต่ตัวละครที่เลวที่สุดก็ยังมีเหตุผลมารองรับความเลวนั้นแบบเข้าใจได้ว่าทำไมถึงได้เลวขนาดนี้
ถ้าตัวละครเวนิการ์ เป็นตัวแทนของผู้หญิงทะเยอะทะยานที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย และโดดเด่นจนกลายเป็นเหยื่ออันโอชะ ตัวละครเมนี่ก็เป็นตัวแทนของมวยรองที่กลายเป็นบันไดให้พาดไปถึงเหยื่อได้แบบไม่ตั้งใจ และเหตุการณ์ที่เมนี่ต้องเผชิญก็ช่างร่วมสมัย เมื่อมีการพูดถึงแอปพลิเคชันที่อาจทำให้ชีวิตใครหลายคนพังพินาศมาแล้วนักต่อนัก ถ้าตลาดที่ลงไปเล่นไม่ใช่ไลฟ์สไตล์ที่ตัวเองจะรับได้ ซึ่งต้องบอกว่าทั้งใหม่ ดาวิกา และ ลิลลี่ ภัณฑิลา จับบทบาทของตัวเองได้อยู่หมัด โดยเฉพาะลิลลี่ที่เล่นออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติ
และเป็นการทำให้บทรองโดดเด่นสูสีกับบทนางเอก จนน่าสนใจและไม่จมหายไปกับเนื้อเรื่องเลยสักนิด เรียกว่ามีซีนและห้วงเวลาให้คิดถึงอยู่ได้ตลอด เหมือนที่เราคิดถึงเพื่อนคนหนึ่งที่หายหน้าไปแม้ไม่ได้อยู่ในฉากนั้นก็ตาม และอีกบทหนึ่งที่จะไม่พูดถึงคงไม่ได้ ก็คือบทของ ‘เจน’ (นาน่า ศวรรยา) เมียน้อยตัวจี๊ดที่แรดแต๋นได้ใจ และมีจริตที่น่าเอาฝ่ามือฟาดปากสักฉาดสองฉาด เป็นแบบฉบับของผู้หญิงไร้ยางอายที่มีให้เห็นในโลกปัจจุบันอย่างปฏิเสธได้ยาก จนต้องเอ่ยปากชมนาน่าว่า เด็กเก่านาดาวนี่เขาแน่นอนจริง ๆ
รวมไปถึงเคมีนักแสดงที่ส่งให้ มิว ศุภศิษฏ์ ขึ้นแท่นพระเอกอย่างเต็มตัว จากที่เคยขึ้นแท่นพระเอกซีรีส์วายมาแล้วจนแฟนคลับร้องกรี๊ด แต่กับเรื่องนี้มิวก็ทำให้เห็นเลยว่าเขาสามารถเป็นพระเอกที่เคมีสาธารณะอีกคนหนึ่งได้ง่าย ๆ ยิ่งเมื่อเข้าคู่กับใหม่ ดาวิกา การรับส่งบทให้กันเละกันก็ยังเป็นธรรมชาติ ที่ถึงแม้จะมีบางห้วงเวลาที่ทำให้เรานึกถึงบทของ ‘ธาร’ ใน ‘เกลียดนักมาเป็นที่รักกันซะดี ๆ’ อยู่บ้าง เพราะความอบอุ่นและคลั่งรักที่มีต่อนางเอกช่างใกล้เคียง แต่การสวมบทเป็นบรรเทา ก็ทำให้ธารค่อย ๆ หายไปจากความทรงจำได้เรื่อย ๆ จนแทบจะไม่เหลือซากของธารอีกแล้วเมื่อละครดำเนินมาถึงตอนท้าย ๆ
เรียกได้ว่าเรื่องนี้นักแสดงทุกคนจับตัวละครของตัวเองได้อยู่หมัด แม้แต่ตัวแม่รุ่นใหญ่อย่าง แหม่ม คัทลียา ที่เรียกได้ว่าเป็นบิ๊กบอสของเรื่องได้สมศักดิ์ศรี เพราะความลับซับซ้อนล้วนซ่อนอยู่ในตัวละครตัวนี้อย่างน่าสงสัยมาตั้งแต่ต้น และเมื่อความจริงเปิดเผยใน Ep12 ก็โป๊ะเช๊ะกันเลยค่ะ “ฉันว่าแล้ว” ผู้เขียนเชื่อว่าหลายคนที่ดูมาถึงตอนนี้อาจร้องออกมาเป็นเสียงเดียวกัน และตบเข่าฉาดให้กับบทละครที่คาดไม่ถึง ทั้ง ๆ ที่เดาไว้แล้วไม่มีผิดก็ตามที
มันเป็นความรู้สึกดีที่ไม่คิดว่า จะมีใครสักคนผูกเรื่องแย่งผู้ให้ออกมาเป็นรสชาติที่ทันสมัยและน่าดีใจที่ละครไทยเรื่องหนึ่ง หลุดจากโลกเพ้อพกในจอสี่เหลี่ยม ที่อะไรมันจะแย่งกันอยู่ได้ผู้ชายคนเดียว มาสู่โลกโสมมในความเป็นจริงได้ขนาดนี้ เพราะสิ่งที่ละครนำเสนอนั้น เป็นเหตุการณ์ที่สามารถเกิดขึ้นจริงได้และเคยเกิดขึ้นมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน จนปูเสื่อ ต้มเผือกแบ่งกันกินไม่หวาดไม่ไหวเลยทีเดียว
และสุดท้ายที่จะไม่พูดถึงไม่ได้คือบทธีรกิจ ที่ทำเอาพระเอกสุดฮอตของเรากลายเป็นตัวร้ายที่น่าสงสาร บทนี้เจษเล่นได้ต่ำต้อยดีจริง ๆ เรียกว่าเป็นบทที่ทำเอาแฟนคลับเกือบรับไม่ได้ที่ทำไมเจษถึงได้ชั่วเบอร์นี้ เป็นการพลิกบทบาทที่น่าสนใจและน่าปรบมือให้ เพราะในบทนี้ธีรกิจต้องหลอกทั้งนางเอก หลอกคนอื่น ๆ ในเรื่อง ลามมาถึงหลอกคนดูให้งงงวยกับตัวตนของธีรกิจว่าเขาเป็นคนแบบไหนกันแน่ ซึ่งไม่แน่ว่าความเป็นละครที่คุ้นเคยและยังสิงอยู่ในเรื่องนี้ อาจจะเขียนบทให้เราสงสารเขาในที่สุดก็เป็นได้
แต่อย่างไรซะ บทก็ยังสามารถผนวกเข้ากับชีวิตจริงได้ว่า บรรดาสาว ๆ หรือหนุ่ม ๆ ที่เคยโดนคนประเภทนี้ต้มตุ๋น สามารถหลงเคลิ้มไปกับมายาที่เขาหรือเธอ ใช้หลอกใจได้ไม่ยากเลยสักนิด เพราะคนพวกนี้หัวแหลมและน่ากลัวขนาดนี้เลยละค่ะ
เอาเป็นว่าใครที่ยังไม่เคยดูและเมินเฉยละครเรื่องนี้ไป บอกเลยว่าเรื่องนี้มีดีกว่าที่คิด เหลืออีก 4 ตอนจะจบแล้วค่ะ ผู้เขียนนี่ยิงยาวดูรวดเดียว 2 วัน 12 ตอนกันไปเลย ตาแฉะตาค้างยันเช้าเพราะมันเข้มข้นกว่าที่คิดไปเยอะ จะมีที่ขัดใจอยู่อย่างเดียวคือคอสตูมของเรื่องนี้ ที่ทำให้ตัวละครแต่ละตัวดูดรอปลงไปจากที่ควรจะเป็นอยู่ 1 สเต็ป โดยเฉพาะแต่ละชุดของนางเอกที่สูบเอาความมีน้ำมีนวลไปอยู่ที่ชุดหมดแล้วจ้า
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส