กว่าที่ เพโดร พาสคาล (Pedro Pascal) นักแสดงหนุ่มชาวอเมริกันเชื้อสายชิลี วัย 48 ปี จะกลายมาเป็นนักแสดงที่ทุกวันนี้แฟน ๆ ต่างรู้จักเขาในฐานะสุดยอดคุณพ่อของฮอลลีวูด เพราะหลัง ๆ เขามักจะได้รับบทเป็นคุณพ่อจำเป็นที่ต้องคอยดูแลปกป้องตัวละครวัยเด็กที่มีความสำคัญ ไม่ว่าจะทั้งการรับบทเป็น ดิน จาร์ริน (Din Djarin) นักรบเผ่าแมนดาลอร์ในซีรีส์ ‘The Mandalorian’ (1999) หรือในซีรีส์ ‘The Last of Us’ (2023) ที่เขารับบทเป็น โจล มิลเลอร์ (Joel Miller) ที่ทำให้เขากลายเป็นอีก 1 ตัวเต็งคว้ารางวัลจากปีนี้ไปมากมาย ทั้งรางวัล SAG Awards, รางวัล MTV Movie & TV Awards และรางวัลขวัญใจคณะกรรมการ หรือ Critics’ Choice Awards
แต่ถ้าหากย้อนกลับไปในช่วงแรก ๆ ที่เขาเริ่มเข้าวงการ พาสคาลก็ไม่ต่างจากนักแสดงหลาย ๆ คนที่ต้องต่อสู้ดิ้นรนกับความยากจน เพื่อยืนหยัดทำงานในวงการบันเทิง ย้อนกลับไปเมื่อ 2 ทศวรรษที่แล้ว พาสคาลในวัย 24 ปี เพิ่งจะเริ่มเข้าวงการบันเทิงด้วยการแสดงในหนังสั้น จนกระทั่งต่อมา เขาได้มีโอกาสทำงานในสเกลฮอลลีวูดครั้งแรก ด้วยการปรากฏตัวเป็นนักแสดงรับเชิญในตอนเปิดของซีซันที่ 4 ของทีวีซีรีส์แวมไพร์วัยรุ่น ‘Buffy the Vampire Slayer’ (1997–2003) ที่ฉายทางช่อง The WB
แม้จะเป็นการปรากฏตัวเพียงแค่ 1 ตอนถ้วน แต่นั่นก็เรียกได้ว่าเป็นการช่วยชีวิตนักแสดงหนุ่มในเวลานั้นอย่างพาสคาลได้อย่างไม่น่าเชื่อ พาสคาลได้เปิดเผยเรื่องนี้ในการสัมภาษณ์ของ Entertainment Tonight โดยเขาได้มีโอกาสเล่าถึงช่วงแรกในชีวิตการเป็นนักแสดง ซึ่งเพียงตอนเดียวของซีรีส์เรื่องนี้มีความสำคัญตรงที่ทำให้เขาสามารถต่อชีวิตไปได้อีกเล็กน้อย ในยามที่เขากำลังสุ่มเสี่ยงกำลังจะกลายเป็นคนไร้ที่อยู่ เพราะทั้งเนื้อทั้งตัวของเขามีเงินอยู่ในบัญชีธนาคารเพียง 7 เหรียญ หรือไม่ถึง 300 บาทด้วยซ้ำ
“ช่วงเริ่มต้นอาชีพของผมกินเวลาอยู่ประมาณ 15 ปี และผมกำลังพูดถึงว่า (ด้วยเงินเพียงเท่านี้) ยังไงก็ไม่สามารถป่วย ไปหาหมอ เข้าผ่าตัดได้แน่ ๆ รวมถึงการจ่ายค่าเช่า (ที่อยู่อาศัย) เพราะผมมีเงินอยู่ในบัญชีน้อยกว่า 7 เหรียญเอง ก่อนที่ผมจะได้ส่วนแบ่งค่าตัวจาก ‘Buffy the Vampire Slayer’ ที่ผมได้รับและช่วยชีวิตผมเอาไว้ในวันนั้น เช็กใบนั้นเป็นเหตุผลที่ผมสามารถยืนหยัดอยู่ในฮอลลีวูดได้โดยไม่คิดจะยอมแพ้”
แม้จะเป็นการแสดงรับเชิญเพียตอนเดียว แต่ซีรีส์ ‘Buffy the Vampire Slayer’ ก็นับเป็นผลงานแรก ๆ ของเขาในระดับฮอลลีวูด หลังจากที่พาสคาลเคยมีงานแสดงหนังสั้นมาบ้าง ซึ่งซีรีส์เรื่องนี้กำกับและทำหน้าที่ครีเอเตอร์โดยผู้กำกับชื่อคุ้นอย่าง จอสส์ วีดอน (Joss Whedon) ผู้กำกับ ‘The Avengers’ (2012)
พาสคาล ที่ในเวลานั้นยังใช้ชื่อในวงการว่า เพโดร บัลมาเซดา (Pedro Balmaceda) ได้ร่วมแสดงในบทรับเชิญในตอนเปิดของซีซันที่ 4 ที่มีชื่อตอนว่า ‘The Freshman’ ที่ออกอากาศในเดือนตุลาคม ปี 1999 เขาต้องรับบทเป็น เอ็ดดี นักศึกษาน้องใหม่ของมหาวิทยาลัย University of California แห่งเมืองซันนีเดล (Sunnydale) ที่ได้พบเจอและสนิทสนมกับ บัฟฟี ซัมเมอร์ส (Buffy Summers) สาวน้อยนักปราบปีศาจ แต่มิตรภาพของทั้งคู่ก็ต้องจบลงอย่างรวดเร็วหลังจากพบว่าเอ็ดดีกลายเป็นแวมไพร์
และด้วยความไม่ยอมแพ้ครั้งนั้น ก็ส่งให้เขาเริ่มมีผลงานการแสดงมากยิ่งขึ้น นอกจากในหนัง ‘The Equalizer 2’ (2018) และ ‘Wonder Woman 1984’ (2020) เขากลายเป็นนักแสดงที่โดดเด่นในสายการแสดงทีวีซีรีส์ เขาได้รับบทบาทที่สำคัญมากขึ้น ตั้งแต่การรับบทเป็น โอเบริน มาร์เทลล์ (Oberyn Martell) ในซีรีส์ ‘Game of Thrones’ (2011-2019) และในซีรีส์ ‘The Mandalorian’ (1999) หรือในซีรีส์ ‘The Last of Us’ ที่ส่งให้เขาได้รับคำชื่นชมในการแสดงแบบพูดน้อยแต่ต่อยหนัก
และในส่วนของผลงานใหม่ เขากำลังจะมีผลงานหนังเพิ่มขึ้น ทั้งการร่วมแสดงในภาคต่อหนังมหากาพย์ ‘Gladiator 2’ ที่มีกำหนดฉายภายในปีนี้ และ ‘Eddington’ หนังคาวบอยร่วมสมัยของค่าย A24 ผลงานเรื่องล่าสุดของ อารี แอสเตอร์ (Ari Aster) ที่ร่วมแสดงกับนักแสดงระดับแม่เหล็กคับคั่ง อาทิ เอ็มมา สโตน (Emma Stone), ออสติน บัตเลอร์ (Austin Butler), และ วาคีน ฟีนิกซ์ (Joaquin Phoenix) รวมทั้งเขายังถูกวางตัวให้รับบทเป็น มิสเตอร์แฟนทาสติก (Mister Fantastic) หรือ รีด ริชาร์ดส์ (Reed Richards) ใน ‘The Fantastic Four’ ฉบับของ MCU ที่มีกำหนดฉายในปี 2025 นี้ด้วย
แม้ชีวิตช่วงนั้นของพาสคาลจะไม่ราบรื่น แต่เขาเองก็มีประสบการณ์ที่ดีในการถ่ายทำ โดยเฉพาะการเข้าฉากร่วมกับนางเอกของเรื่องอย่าง ซาราห์ มิชเชล เกลลา (Sarah Michelle Gellar) ผู้รับบทเป็นบัฟฟี ปีที่แล้ว มิชเชล เกลลา ได้โพสต์ภาพบน Instagram ภาพของเธอกับพาสคาลจากซีรีส์เรื่องนี้เพื่อย้อนรำลึกไปยังช่วงเวลานั้น จนกระทั่งภายหลัง พาสคาลได้มีโอกาสเล่าถึงความทรงจำดี ๆ ในการร่วมงานกับเธอหลังจากโพสต์ไปนานร่วมสัปดาห์
“ซาราห์ มิชเชล เกลลาร์ โพสต์ภาพเกี่ยวกับผมเหรอ ? เดี๋ยวผมคงต้องเข้าไปดูบนไซต์หน่อยแล้วล่ะ… ผมจำได้ทุกอย่างเลย เธอมีไอศกรีมอยู่ที่รถบ้านของเธอด้วยนะ และเธอก็แบ่งให้ผมด้วย ตอนนั้นผมต้องกินอาหารกลางวันพร้อมกับชุดหน้ากากแวมไพร์”