เชื่อว่าแฟน ๆ Netflix หลายคนก็ยังคงรอคอยบทสรุปจบเรื่องราวของโลกกลับด้าน (Upside-Down) ดินแดนต่างมิติที่เต็มไปด้วยสัตว์ประหลาดต่างมิติ ปมปริศนาการวิจัยด้านพลังจิตของรัฐบาลที่เกี่ยวข้องกับการรั่วไหลของโลกกลับด้าน และชะตากรรมของแก๊งเด็ก ๆ ชาวเมืองฮอว์กกินส์ (Hawkins) รัฐอินเดียนา ในซีซันที่ 5 หรือซีซันสุดท้ายของซีรีส์สุดฮิต ‘Stranger Things’ ที่ทำสถิติยอดผู้ชมสูงเป็นประวัติการณ์ โดยเฉพาะทั้ง 2 ตอนในซีซัน 4 ที่ออกฉายในปี 2022 สามารถทำสถิติมียอดผู้ชมรวมกันมากกว่า 1,000 ล้านชั่วโมง
หลังจากที่ชะตากรรมของแก๊งเด็ก ๆ ชาวฮอว์กกินส์ยังต้องเผชิญกับเหล่าอสุรกายจากโลกกลับด้านในซีซัน 4 และหลังจากที่ปีที่แล้วที่มีการประท้วง จนทำให้ต้องเลื่อนการถ่ายทำออกไป จนกระทั่งเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมาถึงมีข่าวดีออกมาให้ได้ตื่นเต้นกันว่า ตอนนี้ทีมงานและนักแสดงทุกคน (โดยเฉพาะเหล่านักแสดงเด็ก ที่โตเป็นหนุ่มเป็นสาวกันหมดแล้ว บางคนก็แต่งงานแล้วด้วยซ้ำ) ได้เริ่มต้นเปิดกล้อง เดินหน้าถ่ายทำซีซันสุดท้ายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และมีกำหนดการฉายในปี 2025
เกเตน มาตาราซโซ (Gaten Matarazzo) นักแสดงเจ้าของบท ดัสติน เฮนเดอร์สัน (Dustin Henderson) หนุ่มน้อยผมหยิก 1 ในแก๊งเด็กแห่งฮอว์กกินส์ ที่ตอนนี้เติบโตกลายเป็นนักแสดงหนุ่มวัย 21 ปี ได้มีโอกาสให้สัมภาษณ์ในรายการพอดแคสต์ ‘Inside of You with Michael Rosenbaum’ ที่เขาได้มีโอกาสเล่าถึงเบื้องหลังของซีรีส์ที่แจ้งเกิดให้เขาเป็นที่รู้จัก และประสบการณ์การมีปฏิสัมพันธ์กับแฟนคลับบางคนที่รุกหนักจริงจังแบบไม่เล่น ที่เล่นเอานักแสดงหนุ่มถึงกับกระอักกระอ่วนไม่น้อย
“ผมเพิ่งเจอเรื่องหนึ่งมาเมื่อเร็ว ๆ นี้เลยครับ คือมันก็ไม่ได้ตลกเท่าไหร่หรอก แต่บรรยากาศรอบ ๆ ตัวผมมันค่อนข้างตลก ตอนนั้นมีผู้หญิงอายุประมาณ 40 ปี เดินเข้ามาพูดกับผมตรง ๆ ว่า ‘ฉันแอบชอบเธอมาตั้งแต่เธออายุ 13 ปีแล้วนะ’ ผมก็เลยแบบว่า ‘ชิบเป๋งแล้วไง’ เพราะผมมั่นใจว่าเธอคงแค่จะหมายถึงว่า ‘โอ้ว หนูน้อยคนนี้น่ารักจังเลย…’ แต่แล้วเธอก็เริ่มรุกหนักขึ้นเรื่อย ๆ”
มาตาราซโซย้ำกับโฮสต์ของพอดแคสต์ว่า เขาเองไม่สามารถรู้สึกขำ ๆ ไปกับเหตุการณ์นี้ได้สักเท่าไหร่ เพราะสาววัย 40 คนนั้นมีลูกสาวที่อายุ 13 ปีเท่ากับเขาในตอนนั้นเลย และเธอก็นั่งอยู่ข้าง ๆ แม่ของเธอในตอนนั้นด้วย
“เธอบอกกับผมว่า ‘ฉันเข้าใจเรื่องความแตกต่างของอายุดีจ้ะ’ แล้วผมก็แบบว่า ‘เคครับ…’ ลูกสาวของเธออยู่ข้าง ๆ เธอเลย แล้วลูกสาวของเธอก็บอกว่า ‘นี่แม่ทำบ้าอะไรเนี่ย…’ นี่ผมสาบานกับพระเจ้าเลยนะครับ”
แม้เขาเองจะไม่ค่อยปลื้มกับแฟนคลับบางคน เหมือนที่เขาเล่าเพิ่มเติมว่า “แน่นอนว่าคงมีใครแอบจับก้นผมตอนถ่ายรูปด้วยแน่ ๆ” แต่มาตาราซโซเองก็ยังคงรู้สึกขอบคุณโอกาสที่เขาได้รับจากซีรีส์เรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นชื่อเสียง รวมไปถึงเรื่องของเงินทองและโอกาสในอนาคตด้วย
“แน่นอนครับ ผมเข้าใจในสิ่งที่มหัศจรรย์ทั้งหมดที่ผมทำมานี้ก็เพื่อผมและครอบครัวของผม และเมื่อพูดถึงเรื่องความมั่นคงทางการเงิน นั่นเป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น เมื่อคุณโตขึ้น มันก็กลายเป็นสิ่งที่ยากลำบาก แต่จู่ ๆ ผมก็ไม่ต้องเจออะไรแบบนั้น”
“ตอนที่ผมยังเด็กขนาดนั้น ผมคงไม่สามารถไตร่ตรองหรือเข้าใจได้ว่า สิ่งนั้นมันน่าเหลือเชื่อจริง ๆ สำหรับครอบครัวและตัวผมเอง และมันก็เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตผมตอนที่ผมยังเด็กขนาดนั้น แล้วจู่ ๆ ผมก็กลายเป็นคนที่หาเลี้ยงครอบครัวได้เมื่อตอนอายุ 12 ปี มันจึงเป็นอะไรที่ไม่ใช่เรื่องปกติ”
มาตาราซโซเล่าเพิ่มเติมว่า หลังจากที่ซีรีส์ประสบความสำเร็จ พ่อแม่ของเหล่านักแสดงจึงต้องรวมตัวกันเพื่อเจรจาเรื่องการปรับอัตราค่าตัวใหม่ เนื่องจากนักแสดงหลายคนยังไม่บรรลุนิติภาวะ
“พวกเรารู้สึกปลาบปลื้มกับสิ่งเหล่านี้นะครับ สิ่งที่น่าสนใจก็คือ พ่อแม่ของพวกเราทุกคนต่างก็พูดคุยกันว่าอะไรจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับพวกเราทุกคนในอนาคต พวกเขาคือคนที่เจรจาเรื่องนี้ไว้แล้วก่อนที่พวกเราจะอายุครบ 18 ปี”
“เอาจริง ๆ แม้แต่ตอนนี้ พวกเราก็ยังแบบว่า ‘ฉันไม่เข้าใจว่าจะทำสิ่งเหล่านี้ไปทำไม’ เรายังคงเป็นรุ่นน้องในวิทยาลัยที่ส่วนใหญ่ก็ยังคงใช้ชีวิตด้วยการกินราเม็งและโอริโอเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยน ในแต่ละวันเราได้เรียนรู้อะไรมากมายจากพ่อแม่ของเรา ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ดีจริง ๆ ที่พวกเขารวมตัวกันอย่างใกล้ชิด และสามารถคุยเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาจะพูดในอนาคต ที่จะกลายมาเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเราทุกคน”
“อาชีพเหล่านั้นมักเกี่ยวกับเรื่องของจุดสูงสุดและการมีคุณค่าเสมอ และสิ่งนี้มันก็ชัดเจน ผมเองก็ตระหนักในเรื่องนี้ดี และผมก็อยากให้ทีมงานมืออาชีพเข้าใจว่า ผมโอเคนะที่ ‘Stranger Things’ น่าจะกลายมาเป็นผลงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ผมเคยทำ และมันน่าจะเป็นสิ่งที่ผมจำได้ แม้ผมจะต้องออกไปทำงานอย่างอื่นต่อหลังจากนี้”
“และผมเองก็สบายใจมากกับสิ่งเหล่านั้น ถ้ามันจะช่วยทำให้มีความสุข มีความมั่นคง และมีงานทำมากขึ้นในอนาคต ผมจะอยากได้อะไรอีกล่ะ ? ผมไม่ได้อยากจะรักษาภาพลักษณ์ดูดีหรือมีคนรู้จักมากเท่าไหร่ มันไม่ใช่สิ่งที่ผมจะต้องหลงใหลอะไรมากขนาดนั้นอยู่แล้ว”