Release Date
13/06/2024
จำนวนตอน
8 ตอน
ผู้กำกับ
ไพรัช คุ้มวัน และ คงเดช จาตุรันด์รัศมี
ผลงานเด่นผู้กำกับ
็Hungerเกมหิวคนกระหาย, สยิว, Where we belong
นักแสดง
ฉันทวิชช์ รัตนเสวี , อรัชพร โภคินภากร, เฌอมาวีร์ สุวรรณภาณุโชค
สตรีมมิง
Netflix
Our score
8.2[รีวิวซีรีส์] Doctor Climax ปุจฉาพาเสียว – การเมืองเรื่อง “เสว”
การเมืองเรื่อง "เสว"
"เซ็กส์" ใน 'ปุจฉาพาเสียว' สัมพันธ์กับ "อำนาจ" อย่างแยกไม่ออกทั้งในกรณีของการกำหนดความหมายของศีลธรรมอันดีของประเทศตามความคิดของหมอพรชัยที่ปะทะกันตรง ๆ กับเรื่องราวในจดหมายของผู้อ่านที่ส่งมาถึงหมอนัท นั่นทำให้เห็นอีกหนึ่งอำนาจคือ "ความรู้ในเรื่องเพศศึกษา" ก็กลายเป็นอำนาจต่อรองเล็ก ๆ ระดับปัจเจกที่ซีรีส์นำเสนอได้อย่างน่าสนใจ
บทหนังของคงเดชกับทินพัฒน์ บัญญัติปิยพจน์ กลับลงไปสำรวจประเด็นที่น่าสนใจทั้งอำนาจทางเพศที่ผู้ชายเป็นคนกำหนดนิยามความสุขในเรื่องเซ็กส์และผู้หญิงถูกตีกรอบให้จำกัดการหาความสุขในเรื่องเพศ แต่กระนั้นด้วยความเป็นซีรีส์ที่มีเส้นเรื่องหลักและตัวละครที่น่าสนใจเยอะไปหมด ก็อดไม่ได้ที่จะเสียดายองค์ประกอบหลายอย่างของซีรีส์หล่นหายไประหว่างทาง
จุดเด่น
- นำเสนอประวัติศาสตร์เรื่องเพศศึกษาในไทยได้น่าสนใจ
- ก้อย อรัชพรและแพรว เฌอร์มาวี เสน่ห์ล้นเหลือจนยากจะวางตา
- ้เต๋อ ฉันทวิชช์ กับ ต็อบ ชัยวัฒน์ แสดงได้สมบทบาทมาก
จุดสังเกต
- เสียดายเรื่องการเมืองในหนังที่ถูกกล่าวแบบผ่าน ๆ ไปหน่อย
-
บทซีรีส์
8.0
-
โปรดักชัน
7.5
-
การแสดง
9.0
-
ความน่าติดตามของซีรีส์แต่ละตอน
8.5
-
ความคุ้มค่าในการรับชม
8.0
หากได้เห็นแวบแรกของตัวอย่างซีรีส์ ‘ปุจฉาพาเสียว’ ก็คงอดได้ยากที่จะไม่นำไป “วัดขนาด” กับบรรดาซีรีส์ที่เอาจุดขายเรื่องเซ็กส์มาเป็นธีมหลักในการขายทั้ง ‘Sex Education’ จากฝั่งอังกฤษ และ ‘The Naked Director’ ของฝั่งญี่ปุ่นที่กล่าวถึงอุตสาหกรรมหนังเอวี แต่พอซีรีส์พะยี่ห้อ ไพรัช คุ้มวัน กับคงเดช จาตุรันต์รัศมี ที่ปั้นซีรีส์ ‘Hunger เกมหิวคนกระหาย’ เมื่อปีก่อนก็เป็นการบอกกลาย ๆ ว่าเรื่องเพศที่ว่าก็คงไม่ต่างกับอาหารที่แม้เราจะ ‘อร่อยใครอร่อยมัน’ ก็ดันหนีไม่พ้นเรื่องการเมืองอยู่ดี
สำหรับเรื่องราวของ ‘ปุจฉาพาเสียว’ จะพาเราไปรู้จักกับตัวละครศูนย์กลางของเรื่องอย่างหมอนัท (รับบทโดย ฉันทวิชช์ ธนะเสวี) แพทย์หนุ่มที่โตมากับครอบครัวอนุรักษ์นิยมเต็มขั้นทั้งการถูกจับแต่งงานกับตุ๊กตา (รับบทโดย เฌอมาวีร์ สุวรรณภาณุโชค) และถูกคุณแม่ (รับบทโดย อุทุมพร ศิลาพันธ์) บังคับให้หมอนัทมีลูกกับเมียไว ๆ เพื่อครอบครัวที่สมบูรณ์ แต่ ณ คลินิกของหมอนัทที่เปิดเพื่อรักษาโรคผิวหนังเขากลับเป็นที่พึ่งของสตรีทั้งการตรวจภายในและให้คำปรึกษาเรื่องเพศ ในช่วงรุ่งอรุณของการเอาวิชาเพศศึกษาเข้าสู่โรงเรียนครั้งแรกของประเทศไทยในปี พ.ศ. 2521
แต่ชีวิตอีกด้าน อาชีพนักเขียนนิยายกลับเป็นความฝันที่เขาอยากไขว่คว้ามาตลอด จนได้รับโอกาสจากทองเทียน (รับบทโดย ชัยวัฒน์ ทองแสง) นักเขียนนิยายผจญภัยที่หมอนัทมองเป็นไอดอลชวนไปเขียน “ปุจฉาพาเสียว” คอลัมน์ตอบปัญหาทางเพศในหนังสือพิมพ์บางกอกรายวัน ในนามด็อกเตอร์ไคลแม็กซ์ แต่แม้คอลัมน์ดังกล่าวจะทำเพื่อประโยชน์ของคนไทยในวันที่เพศศึกษาเริ่มเข้าไปอยู่ในตำราเรียน แต่เนื้อหาการตอบจดหมายของเขากลับสร้างความไม่พอใจให้กับคุณหมอพรชัย (รับบทโดย นิมิตร ลักษมีพงศ์) สส. หัวอนุรักษ์ที่ต้องการกระชากหน้ากากของด็อกเตอร์ไคลแม็กซ์ และยุติคอลัมน์ปุจฉาพาเสียวให้หายไปจากสังคมไทย
ตามที่ได้กล่าวไปในย่อหน้าแรกว่าในเมื่อมีชื่อทั้งไพรัช คุ้มวัน กับคงเดช จาตุรันต์รัศมี นั่นหมายถึงการที่ซีรีส์จะไม่ได้เล่าด้วยเจตนาเพียงแค่เป็นซีรีส์ที่ขายฉากโป๊เท่านั้น ยิ่งพิจารณาจากผลงานที่ผ่านมาของคงเดช จาตุรันต์รัศมี อย่าง ‘สยิว’ ที่พูดถึงอาชีพนักเขียนเรื่องเซ็กส์ในนิตยสารปลุกใจเสือป่าของไทยในช่วงพฤษภาทมิฬด้วยแล้ว ‘ปุจฉาพาเสียว’ ก็มีหน้าที่แฝงคือการพาผู้ชมไปแรกเริ่มเรียนรู้เรื่องเพศศึกษาในช่วงเริ่มต้นของประเทศไทย
ดังนั้นเราจะเห็นทั้งการใช้อำนาจที่มองเห็นได้ในกรณีของคุณหมอพรชัยที่เอาตำแหน่ง สส. มาคอยกำหนดทิศทางของสังคม โดยยื้อไม่ให้การเปลี่ยนแปลงมาสั่นคลอนอำนาจของตน หรือกระทั่งอำนาจที่มองไม่เห็น อย่างอำนาจของสื่อมวลชนที่ซีรีส์หยิบแรงบันดาลใจของสงครามหน้าหนึ่งในช่วงเริ่มต้นของทศวรรษ พ.ศ. 2520 ที่ใช้เซ็กส์เป็นตัวกระตุ้นยอดขายระหว่างหนังสือพิมพ์ แนวสยาม กับ บางกอกทันข่าว ซึ่งทำให้เห็นเลยว่าในยุคแอนะล็อกหนังสือพิมพ์นี่แหละที่มีส่วนในการชี้ทิศทางของสังคม
ทำให้นิยามของ “เซ็กส์” ใน ‘ปุจฉาพาเสียว’ สัมพันธ์กับ “อำนาจ” อย่างแยกไม่ออก ทั้งในกรณีของการกำหนดความหมายของศีลธรรมอันดีของประเทศตามความคิดของหมอพรชัยที่ปะทะกันตรง ๆ กับเรื่องราวในจดหมายของผู้อ่านที่ส่งมาถึงหมอนัท นั่นทำให้เห็นอีกหนึ่งอำนาจคือ “ความรู้ในเรื่องเพศศึกษา” ก็กลายเป็นอำนาจต่อรองเล็ก ๆ ระดับปัจเจกที่ซีรีส์นำเสนอได้อย่างน่าสนใจ ทั้งท่าทีของครูที่อ่านหนังสือเพศศึกษาในชั้นเรียนด้วยทัศนคติที่ใกล้เคียงกับคำว่าขยะแขยง หรือกระทั่งการกล่าวถึงประวัติศาสตร์ของ LGBTQ ในประเทศไทยที่ผูกติดความเกลียดชังกับข้อมูลข่าวสารที่ป้ายสีให้เกย์เป็นแพะรับบาปต่อการระบาดของโรคเอดส์ในวันที่ความรู้เรื่องเพศเป็นสิ่งน่าอาย
ไม่ใช่แค่นั้นบทหนังของคงเดชกับทินพัฒน์ บัญญัติปิยพจน์ กลับลงไปสำรวจประเด็นที่น่าสนใจทั้งอำนาจทางเพศที่ผู้ชายเป็นคนกำหนดนิยามความสุขในเรื่องเซ็กส์และผู้หญิงถูกตีกรอบให้จำกัดการหาความสุขในเรื่องเพศ ซึ่งอำนาจดังกล่าวก็ถูกนำเสนอทั้งผ่านตัวละคร ตุ๊กตา ภรรยาของหมอนัทที่ถูกจับคลุมถุงชน ซึ่งมีบทบาทบนเตียงเป็นเพียงเครื่องผลิตลูก และลินดา (รับบทโดย อรัชพร โภคินภากร) หัวหน้าฝ่ายศิลป์ของคอลัมน์ปุจฉาพาเสียว ที่แสดงบทบาทของผู้หญิงหัวก้าวหน้าที่เลือกตักตวงความสุขเรื่องเซ็กส์เป็นภาพตรงกันข้าม ซึ่งน่าสนใจว่าแม้จะถูกนำเสนอในตอนแรก ๆ เสมือนเป็นตัวละครประกอบฉาก แต่พอซีรีส์ดำเนินเรื่องราวไปครึ่งทาง ทั้งตุ๊กตาและลินดากลับทวีความสำคัญ และกำหนดความเข้มข้นของเรื่องราวและสารที่ซีรีส์ต้องการสื่อ จนกลายเป็นไฮไลต์สำคัญไปเลย
ผลลัพธ์ของมันเลยทำให้ประเด็นที่ดูล่อแหลมอย่างเรื่องเซ็กส์ สามารถพูดได้เต็มที่ในซีรีส์สตรีมมิงทางเน็ตฟลิกซ์ และแน่นอนว่าเสรีภาพดังกล่าวยังทำให้เราเห็นสิ่งต้องห้ามในละครไทยทั้งฉากเปลือยท่อนบน ซึ่งไม่ใช่ของใหม่ ไปจนถึงการปรากฏของเซ็กซ์ทอยที่ยอมรับว่าแม้จะเห็นในซีรีส์ต่างประเทศจนชินตา แต่พอมันมาปรากฏในซีรีส์ไทยก็ทำให้รู้สึกเซอร์ไพรส์ไม่น้อย แม้จะนำเสนอในสไตล์คอเมดีก็ตาม
อีกจุดหนึ่งที่อยากชื่นชมสำหรับซีรีส์เรื่องนี้ คือความแหลมคมของการแคสติงโดยทีม “สร้อยทิพย์” ทั้งการเลือกดาราที่เป็นที่รู้จักอยู่แล้วอย่าง เต๋อ ฉันทวิชช์ ธนะเสวี และก้อย อรัชพร โภคินภากร มาสร้างภาพลักษณ์ใหม่ ๆ โดยกรณีของเต๋อคือการเลือกนำเสนอด้านที่น่าจะเป็นผู้ใหญ่สุด ๆ และความเป็นมนุษย์ที่ผิดพลาดเป็นในตัวเต๋อออกมาได้อย่างดี ส่วนกรณีของก้อย อรัชพร ที่ตัวละครลินดาน่าจะทำให้ก้อยดูสวยและน่าหลงใหลมากที่สุดบทบาทหนึ่งแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ที่สำคัญคือบทดราม่าของเธอยังเป็นข้อพิสูจน์ได้ดีว่าทำไมตัวละครลินดาจะกลายเป็นตัวละครที่คนดูรักมากที่สุดตัวหนึ่งของซีรีส์เรื่องนี้
แต่สำหรับไฮไลต์สำคัญจริง ๆ คงยกให้การแคสต์ แพรว เฌอมาวีร์ สุวรรณภาณุโชค ในบทตุ๊กตา และต๊อบ ชัยวัฒน์ ทองแสง ในบททองเทียน โดยในกรณีแรกคือ แพรว เฌอมาวีร์ ที่เป็นที่รู้จักแค่กลุ่มติดตามดาราละครช่อง 7 ที่ทำให้ตัวละครตุ๊กตาดูมีมิติและชวนมองจนไม่อาจละสายตา โดยเฉพาะในช่วงหลังของซีรีส์ที่ตุ๊กตาเริ่มเข้าสู่ด้านมืดที่รับรองว่ามีผลต่อหัวใจหนุ่ม ๆ ไม่แพ้ตัวละครลินดาของก้อยเลยทีเดียว ส่วนต็อบ ชัยวัฒน์ แม้จะหนีไม่พ้นการต้องโชว์รูปร่างสุดแมน แต่บททองเทียนน่าจะพิสูจน์แล้วว่าเขามีดีมากกว่าแค่หน้าตาและรูปร่าง และซีรีส์เรื่องนี้น่าจะเป็นครั้งแรก ๆ ที่พะยี่ห้อนักแสดงคุณภาพให้กับเขาได้อย่างเต็มภาคภูมิ
ส่วนนักแสดงสมทบทั้ง ต้นหน ตันติเวชกุล, สมเล็ก-สมชาย ศักดิกุล, บ็อบบี้-นิมิตร ลักษมีพงศ์, อัด-อวัช รัตนปิณฑะ และ จุ๊กกู้-สลิตา กลิ่นจันทร์ ต่างก็เพิ่มดีกรีความร้อนแรงและความเข้มข้นให้เรื่องราว ทำให้การชม ‘ปุจฉาพาเสียว’ ต่อเนื่องจนแทบไม่อยากพักสายตาเลยทีเดียว
แต่กระนั้นด้วยความเป็นซีรีส์ที่มีเส้นเรื่องหลักและตัวละครที่น่าสนใจเยอะไปหมด ก็อดไม่ได้ที่จะเสียดายองค์ประกอบหลายอย่างของซีรีส์ ทั้งเรื่องราวตอบปัญหาทางเพศในช่วงหลังของซีรีส์ที่ถูกนำเสนอแบบผ่าน ๆ หรือเลือกหาทางลงแบบเพลย์เซฟเข้าข้างรสนิยมทางเพศแบบแมสมากไปหน่อย และที่น่าเสียดายมาก ๆ คือการที่ซีรีส์มีแฝงประเด็นนักศึกษาเข้าป่าหลังเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 เอาไว้ แต่ไม่ได้ขยี้ต่อมากนัก หวังว่าหากซีรีส์ได้สานต่อในซีซันที่ 2 ก็อยากให้ ‘ปุจฉาพาเสียว’ แตะประวัติศาสตร์การเมืองช่วงดังกล่าวให้มากกว่านี้ และจะกลายเป็นของขวัญสำหรับผู้ชมสายลึกมากหากได้สานต่อไปจนถึงเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ที่จะส่งผลต่อสื่อหนังสือโป๊ อีกหนึ่งสื่อใต้ดินที่ท้าทายอำนาจรัฐและผูกพันกับการเมืองเรื่องเพศอย่างเข้มข้นในประเทศไทย