เมื่อปี 2022 นิตยสาร New York เป็นสื่อแรก ๆ ที่หยิบเรื่องของความเป็นลูกหลานดารา หรือที่จำกัดความว่า ‘Nepo Baby’ ให้กลายเป็นกระแสในวงกว้าง คำนี้เป็นคำที่ใช้อธิบายถึงนักแสดง ศิลปิน หรือคนดังที่เป็นทายาท หรือมีเครือญาติที่มีชื่อเสียง ที่ตามมาด้วยคอนเน็กชันจากวงการต่าง ๆ สิ่งเหล่านี้กลายเป็นข้อถกเถียง ตั้งแต่ความเหมาะสมของการให้ Nepo Baby เข้าสู่เส้นทางบันเทิงได้โดยบุญพ่อ-บารมีแม่ ทั้งที่อาจจะไม่ได้มีความสามารถที่ถึงพร้อมเพียงพอ
ในขณะเดียวกัน นักแสดงที่เป็นลูกหลานดาราต่างก็ออกมาโจมตีคำว่า Nepo Baby ว่าเป็นการดูถูก ทำร้าย และลดทอนคุณค่าถึงความพยายามของลูกหลานดาราที่ก็ต้องลงแรงไม่ต่างจากคนปกติทั่วไปที่ไม่ได้เป็นญาติคนดัง ในขณะที่ลูกหลานดาราหลายคนก็เลือกที่จะออกมายอมรับว่า ตนเองเป็น Nepo Baby และรู้สึกยินดีที่ได้มีสิทธิพิเศษ โดยไม่จำเป็นต้องเริ่มต้นกรุยทางตั้งแต่ศูนย์
แจ็ก เควด (Jack Quaid) นักแสดงหนุ่มวัย 32 ปี เจ้าของบทบาท ฮิวอี แคมป์เบล (Hughie Campbell) หนึ่งในสมาชิกกลุ่มเดอะ บอยส์ (The Boys) ผู้ต่อต้านซูปส์ (Supes) จากทีวีซีรีส์แอนตีฮีโรสุดฮิต ‘The Boys’ ของ Prime Video ก็เป็นอีกหนึ่งนักแสดงที่ถูกขนานนามว่าเป็น Nepo Baby
เพราะเขาคือลูกชายของพ่อแม่นักแสดงฮอลลีวูดชื่อดัง เดนนิส เควด (Dennis Quaid) และเม็ก ไรอัน (Meg Ryan) ซึ่งเขาเองก็เป็นนักแสดงอีกคนที่ออกมายอมรับสถานะความเป็น Nepo Baby และสิทธิพิเศษที่เขาได้รับอย่างเต็มใจ ผ่านบทสัมภาษณ์ในพอดแคสต์ The Last Laugh ของเว็บไซต์ The Daily Beast
“คือไม่ว่าผมจะทำอะไรก็ตาม ผู้คนก็จะจับตามองสิ่งนี้อยู่ดี มีคนเรียกผมว่าเป็น Nepo Baby ซึ่งผมเองก็เห็นด้วยนั่นแหละ ผมเป็นคนที่มีสิทธิพิเศษเยอะแยะ ผมสามารถหาคนมาเป็นตัวแทนให้ได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ซึ่งมันก็เป็นอะไรที่มีชัยไปกว่าครึ่งในการต่อสู้แล้วล่ะ”
“ผมรู้ว่ามีประตูที่เปิดให้ผมในหลาย ๆ ด้านอย่างที่ไม่เคยเปิดให้กับนักแสดงหลาย ๆ คน และผมก็ต้องพยายามทำงานอย่างหนักที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อจะพิสูจน์ว่าตัวผมเองสมควรที่จะเดินเข้าไปในประตูนั้น”
เควดกำเนิดขึ้นมา 1 ปีก่อนที่ ‘Sleepless in Seattle’ (1993) ผลงานหนังรอมคอมสุดโด่งดังที่แม่ของเขาแสดงนำจะเข้าฉาย ไรอันเป็นนักแสดงที่มีผลงานโด่งดังช่วงยุค 90s โดยเฉพาะหนังรอมคอม รวมทั้ง ‘When Harry Met Sally…’ (1989), ‘You’ve Got Mail’ (1998) และ ‘Kate & Leopold’ (2001) ส่วนเดนนิส อดีตสามีของเธอคือนักแสดงที่มีผลงานการแสดงในหนังและซีรีส์มาตั้งแต่ยุค 70s รวมมากกว่า 100 เรื่อง อาทิ ‘Breaking Away’ (1979), ‘The Parent Trap’ (1998), ‘Frequency’ (2000), ‘Vantage Point’ (2008) และเคยเข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำจาก ‘Far from Heaven’ (2002)
ส่วนเควดเองก็เป็นนักแสดงรุ่นใหม่ที่มีผลงานมากมาย เขาเริ่มต้นเส้นทางฮอลลีวูดด้วยการรับบทเป็น มาร์เวล ใน ‘The Hunger Games’ (2012) และ ‘The Hunger Games: Catching Fire’ (2013) เขาเคยร่วมแสดงกับแม่ในหนังดราม่าอินดี้เรื่อง ‘Ithaca’ (2015) พากย์เสียงเป็น ปีเตอร์ ปาร์กเกอร์ Earth-65 ในหนังแอนิเมชัน ‘Spider-Man: Across the Spider-Verse’ (2023) และรับบทเป็น ริชาร์ด ไฟน์แมน (Richard Feynman) นักฟิสิกส์เจ้าของรางวัลโนเบล ใน ‘Oppenheimer’ (2023)
โฮสต์ของรายการถามเควด ในฐานะที่เป็นถึงลูกชายของแม่ที่เคยได้ชื่อว่าเป็นราชินีรอมคอมอีกคนของฮอลลีวูดว่า เขาสนใจที่อยากจะลองแสดงในหนังรอมคอมมากขึ้นบ้างไหม หลังจากที่เขาเคยผ่านงานหนังรอมคอม คู่กับ มายา เอิร์สคิน (Maya Erskine) มาแล้วในหนัง ‘Plus One’ (2019)
“มันเป็นการตัดสินใจอย่างมีวิจารณญาณนิด ๆ ของผมที่พยายามจะไม่แสดงหนังแนวนี้บ่อย ๆ น่ะครับ มันต้องทำให้เป็นเรื่องที่ถูกต้อง เพราะอย่างที่รู้ แม่ของผมคือราชินีของหนังโรแมนติกคอเมดีอย่างที่ไม่มีใครโต้แย้ง ดังนั้น ผมคงไม่สามารถจะเข้าไปในพื้นที่นั้นได้ มันต้องเป็นอะไรที่แตกต่างออกไปจากสิ่งที่แม่ผมทำพอสมควร ผมไม่ได้พยายามจะเข้าไปแทนที่แม่หรืออะไรทำนองนั้นครับ”
และเมื่อพูดถึงเรื่องของ Nepo Baby ไรอัน เคยพูดถึงลูกชายของเธอเกี่ยวกับประเด็นนี้เอาไว้ในบทสัมภาษณ์ของนิตยสาร Glamour
“แจ็กเป็นคนที่มีความสามารถจริง ๆ นะคะ เขามีความเป็นธรรมชาติมากกว่าที่ฉันเป็นซะอีก (ฉันคิดว่า) ไอ้เรื่อง Nepo นั่น มันเป็นการไปลดคุณค่าในเรื่องความขยัน ความสามารถ และความรู้สึกของเขาที่มีต่อแนวคิดเรื่องสิทธิพิเศษของตัวเขาเอง”
เควดได้มีโอกาสตอบคำถามนี้กับโฮสต์ที่หยิบยกบทสัมภาษณ์นี้มาอ้างอิง โดยที่เขาเองมองเห็นต่างจากแม่ โดยเฉพาะมุมมองที่ว่า Nepo Baby นั้นเป็นการลดและบดบังความขยันรวมถึงพรสวรรค์ของเขา
“ผมก็ได้อ่านแล้วครับ ที่ผมคิดทีแรกก็คือ แม่แค่กำลังทำหน้าที่ของเขาน่ะครับ แม่ผมเองเป็นคนที่น่ารักมาก ๆ คือผมคิดว่า ในความคิดของแม่ แม่แค่จะบอกว่า (คำว่า Nepo Baby) มันบั่นทอนความสามารถของผม แต่ผมแค่คิดว่ามันคงไม่ได้บั่นทอนความสามารถของผมหรอก ผมรู้ดีว่าผมทำงานหนัก และผมรู้ตัวว่าผมได้ยินคำว่า ‘ไม่’ มากกว่าคำว่า ‘ใช่’ มาโดยตลอด”
“และผมเองก็รู้ด้วยว่า การจะเข้าสู่วงการนี้มันเป็นอะไรที่ยากลำบากมาก ซึ่งผมสามารถเข้าไปได้ง่ายกว่าคนส่วนใหญ่ทั่ว ๆ ไป ทั้ง 2 อย่างนี้เป็นเรื่องจริงเหมือนกัน ฉะนั้น ผมเลยไม่ได้คิดว่าแม่จะพยายามบอกว่าผมไม่ได้มีสิทธิพิเศษอะไร ผมว่าแม่เขาก็รู้ดี ต้องรู้ดีเลยล่ะ ผมคิดแค่ว่าแม่ก็คงต้องพยายามจะทำหน้าที่ของแม่ในการปกป้องผมนั่นแหละ”