แม้ว่า “หลงไฟ” จะจบไปแล้ว แต่ความนิยมและความแรงของกระแสยังคงอยู่ จนหลายคนที่ไม่เคยดู ต้องมาเปิดดูย้อนหลังกันเป็นระนาว แต่ถึงอย่างนั้นหลงไฟก็ไม่ได้มีดีแค่กระแสหรือเรตติ้งดีๆ เท่านั้น แต่ยังเป็นละครไทยอีกเรื่องที่มีแก่นสารและให้ข้อคิดทั้งเรื่องการใช้ชีวิตและการวางตัวอย่างเหมาะสมในสังคม ที่เรียกได้ว่าทั้งสะท้อนและสอนสังคมไปพร้อมๆ กัน

วันนี้แบไต๋เลยรวบรวมข้อคิดดีๆ จากเรื่องหลงไฟ ที่พอเปิดหลงไฟขึ้นมาดูทีไร จะสะเทือนหัวใจ จนอยากจะพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น และใช้ชีวิตอย่างไม่ประมาททันที

ความอยากรวย ด้วยวิธีสบาย มีแต่จะสร้างปัญหา

      ดูเหมือนก้านแก้วจะเชื่ออย่างปักใจว่า เรียนจบมาด้วยความเหนื่อยยาก แล้วก็มาเป็นลูกจ้างคนอื่นนั้น ลำบากทั้งชีวิต.. ก้านอยากสบายเข้าใจมั้ยทุกคน!!

      เรามักได้ยินกันอยู่เสมอว่า หนทางประสบความสำเร็จนั้นมีทางลัด.. โดยเฉพาะหนุ่มสาว Gen Y หลายๆ คน เชื่ออย่างปักใจเชียวแหละ ว่าเราประสบความสำเร็จได้ โดยที่ไม่ต้องบากบั่น เหนื่อยจนร่างพังเหมือนคนยุคก่อน จนทำให้หลายๆ ครั้ง เราติดกับดักความสบายและอยากได้ทางลัด จนทำให้ชีวิตเราต้องพบเจอแต่ปัญหามากกว่าความสำเร็จ

      เอาอย่างนี้มั้ย.. เราค่อยๆ เปลี่ยนความคิดว่าเราอยากได้เงินง่ายๆ ไม่ต้องลงทุนลงแรงเยอะ มาเป็นเราค่อยๆ พยายามและพัฒนาตัวเองทีละนิด เพราะความพยายามของเราในทุกๆ วันนี่แหละ จะเป็นแรงผลักดันให้เราได้ลู่ทางใหม่ๆ ในการไปถึงเป้าหมายในชีวิตได้ ไม่ว่าจะเป็นการค่อยๆ เปิดตัวเองสู่สังคม เช่น การออกไปงานเน็ตเวิร์คต่างๆ หรือออกไปศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมจากคลาสเรียนต่างๆ ในช่วงวันเสาร์อาทิตย์ หรือการขยับขยายหาลู่ทางอาชีพเสริมต่างๆ ที่ช่วยเพิ่มรายได้ให้เราได้อีกทาง

แค่นี้ชีวิตก็ไม่เศร้า ไม่เน่า เหมือนก้านแก้วแล้ว

ความจน ไม่ใช่ข้ออ้างของการทำผิด

     ดูเหมือนก้านแก้วจะโทษตัวเองอยู่บ่อยๆ ว่าตนแค่อยากมีความสุข มีพร้อมในชีวิต มีบ้านสวยๆ สักหลัง.. ก้านก็แค่อยากมีชีวิตดีๆ เหมือนคนอื่น!!! และด้วยความอยากมีชีวิตดีๆ ของก้าน ดันไปเจอทัศนคติการใช้ชีวิตที่ต้องการทางลัด แบบสบายๆ แบบนี้ เลยทำให้ก้านต้องเจอความพินาศของชีวิตสะงั้น.. เหมือนกับสังคมในปัจจุบันเลยสิ ที่หลายๆ คน ใช้ความยากจน ความยากลำบากในการใช้ชีวิต มาเป็นข้ออ้างในเอาเปรียบคนอื่น หรือการทำสิ่งที่ผิดกฎหมาย เพราะจริงๆ แล้ว แม้คนเราจะเจอสถานการณ์บีบคั้นคล้ายๆ กัน แต่การเลือกทางเดิน และทัศนคติที่มีต่อเรื่องต่างๆ นั้นแตกต่างกัน (เหมือนกับชาลากับก้านแก้วไงหล่ะ จะดี จะเลว ขึ้นอยู่กับทัศนคติล้วนๆ เลย) เหมือนอย่างบางคนที่เกิดในครอบครัวยากจนแล้ววันนึงก็ร่ำรวยขึ้นมาได้.. เพราะอะไรล่ะ เพราะเค้ามีทัศนคติที่ดีในการใช้ชีวิตไงล่ะ

      ดังนั้นอย่าเอาแต่โทษตัวเอง โทษสังคม โทษสิ่งรอบข้าง.. แต่คุณควรจะเลือกทำชีวิตให้ดี สร้างมันขึ้นมาให้ดีและมีคุณค่าในแบบที่คุณพึงพอใจ

การเอาแต่โทษสิ่งต่างๆ

ไม่ได้ทำให้ชีวิตคุณเดินไปข้างหน้า

การทำดี ไม่ใช่เครื่องการันตี ว่าคุณจะได้ผลลัพธ์ที่ดี แต่จงยืนหยัดทำดี เพราะเป็นสิ่งที่คุณควรทำ

      ตัวละครชาลาเป็นอีกตัวละครที่ใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย ไม่เอาเปรียบหรือสร้างความเดือดร้อนให้ใคร ซึ่งเธอก็จัดอยู่ในหมวดคนดีได้แบบไม่ยาก แต่ถึงอย่างนั้นผู้ชมอย่างเราๆ ก็จะเห็นว่าชาลาคนนี้ นางไม่ได้เจอวันดีๆ ทุกวันนะจ๊ะ เพราะท้ายที่สุดชาลาก็ถูกดุรงค์หลอกจนได้ กลายเป็นว่าเธอต้องตกอยู่ในสภาพกิ้กไปโดยปริยาย

      การทำดี จึงไม่ใช่เครื่องการันตีว่าคุณจะพบเจอแต่เรื่องดีๆ ในชีวิต ดังนั้นจงอย่าน้อยใจในโชคชะตาว่าทำไมฉันทำดีแล้วไม่ได้ดี หรือคิดว่าที่เราทำดีไป เราต้องได้สิ่งดีๆ ตอบกลับมา เพราะแท้จริงแล้ว รางวัลของการทำดีคือความสบายใจที่ไม่ได้เอาเปรียบหรือเบียดเบียนใคร ไม่ใช่ว่าทำดีแล้วเราจะประสบความสำเร็จ เราจะสวย เราจะรวย เราจะหล่อขึ้นมาแบบนั้น!

ความทะเยอทะยานเป็นสิ่งที่ดี แต่จงใช้ความสามารถที่คุณมี ประกอบกับความทะเยอทะยาน

      ว่ากันว่า คนที่จะประสบความสำเร็จได้ ต้องมีความทะเยอะทะยานเป็นเครื่องกำกับอยู่ด้วย ไม่เช่นนั้นชีวิตก็จะอยู่ไปวันๆ โดยย่ำอยู่ที่เดิม หรือขยับไปแบบช้าๆ จนกลายเป็นหอยทากแล้วอ้างว่าสโลวไฟล์

      ก้านแก้วเป็นอีกหนึ่งคนที่มีความทะเยอทะยานที่จะมุ่งและพุ่งไปข้างหน้า หากแต่เธอพลาดไปสักหน่อยที่ความทะเยอทะยานของเธอ ไม่ได้ถูกใช้ไปพร้อมๆ กับความสามารถและความพยายาม เธอจึงใช้ความทะเยอทะยาน อยากประสบความสำเร็จด้วยทางลัดอย่างการขายตัว หรือหาคู่ชีวิตรวยๆ ไปวันๆ

      ดังนั้นหากคุณเป็นคนหนึ่งที่มีความทะเยอะทะยาน กระหายความก้าวหน้า จงใช้ข้อดีข้อนี้ของคุณในการพัฒนาศักยภาพตัวเอง และใช้ความสามารถของคุณไปสู่ความสำเร็จด้วยเส้นทางที่ถูกต้อง แล้วชีวิตคุณจะประสบความสำเร็จในที่สุด!!

ปัญหาไม่ใช่การไม่มีเงิน แต่ปัญหาคือการไม่มีค่า

      โชนคือหนึ่งในตัวละครที่เป็นตัวแทนของคนที่ไม่มีความสามารถในการทำงาน หรือกระตือรือร้นที่จะพยายามทำงาน ด้วยความที่โชนเกิดในครอบครัวฐานะดี มีแม่ที่คอยสปอยอยู่เนืองๆ ว่า ถ้าแกทำอันนี้ได้ แม่จะให้อันนี้.. ถ้าแกแต่งงานกับไอติม แม่จะให้อันนั้น.. นั่นทำให้โชนคุ้นชินกับความสบายทางร่างกายและจิตใจ และการได้อะไรมาด้วยความไม่ลำบาก จนนำไปสู่การใช้ชีวิตแบบชิลๆ ไม่คิดถึงผลกระทบอะไรมากมาย

      เมื่อโชนมาใช้ชีวิตอยู่กับก้านแก้ว ลูกมหาเศรษฐีอย่างโชนจึงผันตัวมาเกาะแฟนสาวกินแบบไม่รู้สึกละอายใจ เพราะอะไรหน่ะหรอ เพราะคุณโชนเค้าคุ้นเคยกับการผลาญเงินที่บ้านไงล่ะ!!

ด้วยพฤติกรรมใช้เงินของก้านแก้วแบบไม่หยุดหย่อน งานไม่ทำ ใช้แต่เงิน เลยทำให้ก้านแก้วหมดความอดทนไปแบบดื้อๆ และถึงกับขาดสติด่าโชนอยู่บ่อยครั้ง

      ลองมองกลับกันสิ.. หากโชนออกไปทำงาน เอาวิชาความรู้ที่ร่ำเรียนมา ไปสมัครงาน คงจะได้ทำงานดีๆ บริษัทมั่นคงไม่น้อยเลย และก้านแก้วก็คงมีความอดทน หันไปทำพริตตี้ มากกว่ากลับไปขายเรือนร่าง และเรื่องหลงไฟก็จบแบบแฮ้ปปี้ในแบบฉบับของก้านแก้วและโชนได้ แต่โชนกลับทำตัวไม่มีคุณค่า ล้างผลาญเงิน ไม่ทำงาน.. จึงโดนก้านแก้วพูดจาดูถูก แบบนี้จึงอาจกล่าวได้ว่า ปัญหาไม่ใช่เพราะโชนไม่มีเงิน หรือก้านแก้วหิวเงินจนเกินไป แต่เป็นเพราะโชนทำตัวไม่มีคุณค่าต่างหากล่ะ

รู้แบบนี้แล้ว ก็อย่าให้ใครมาดูถูกคุณด้วยคำพูดและการกระทำได้ ด้วยการออกไปพัฒนาความสามารถของตัวเอง ทำงานและใช้เงินตัวเองแบบมีเกียรติ เพราะคุณจะกลายเป็นคนที่มีคุณค่าขึ้นมาทันทีเชียวล่ะ

    นี่ก็เป็นข้อคิดที่แบไต๋ได้จากการดูเรื่องหลงไฟ แล้วคุณล่ะ ดูหลงไฟจบแล้ว มองย้อนไปในชีวิตตัวเองและสังคมรอบข้าง คุณได้ข้อคิดดีๆ อะไรจากละครเรื่องนี้บ้าง ไหนลองมาแชร์กันหน่อยสิ