ละครออเจ้า บุพเพสันนิวาส เพิ่งจบ เราก็อยากดูภาคต่อไวๆเช่นเดียวกันกับทุกคนเช่นกัน เราอดรนทนไม่ไหวเลยรวบรวมคำให้การของ รอมแพง ผู้เขียน ประกอบกับหลักฐานอื่นๆ มาขอมโนก่อนเลยว่าเราจะได้เห็นอะไรในละคร พรหมลิขิต ภาคต่อกันนะ
1. ยุคพระเจ้าเสือ – พระเจ้าท้ายสระ
ละครจะเล่าในยุคพระเจ้าเสือ แล้วเน้นที่พระเจ้าท้ายสระ และอาจยาวไปถึงยุคพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศนู่นเลยด้วย?
รอมแพงได้ให้สัมภาษณ์หลายครั้งว่าภาคต่อไปจะดำเนินเรื่องต่อจากภาคปัจจุบัน ซึ่งจบลงที่ชีวิตแสนสุขของการะเกด ที่มีลูกถึง 4 คนกับพ่อเดช
ซึ่งหากเรื่องราวข้ามยุคพระเพทราชาที่ครองราชย์ยาวถึงปี 2246 แล้วเปลี่ยนรัชกาลเข้าสมัยพระเจ้าเสือ ตอนนั้นตัวละครหลักหรือลูกชายแฝดของการะเกดจะมีอายุ 15 ปี ถ้าคิดคร่าวๆ ว่าการะเกดให้กำเนิดลูกราวๆ อายุ 23 ปี (ตามนิยายเกศสุรางค์เริ่มเรื่องอายุ 25 ปี กลับไปเป็นการะเกดอายุ 16 ปี และที่ย้อนไป 6 ปีก่อนพระนารายณ์สวรรคต) ก็หมายความว่าตอนนี้การะเกดจะอายุ 38 ปี!!!
และหากเรื่องเน้นไปที่ยุคพระเจ้าท้ายสระตามที่รอมแพงมักพูดบ่อยครั้ง (พูดถึงบ่อยกว่ายุคพระเจ้าเสืออีก) ก็เท่ากับว่าลูกชายการะเกดจะมีอายุอย่างน้อย 20 ปี เข้าสู่วัยรับราชการได้ระดับหนึ่งทีเดียว ส่วนแม่การะเกดก็หายห่วงตอนนี้อายุปาไป 43 ปีแล้ว พ่อเดชนั่นยิ่งไม่ต้องนับเลยไปไกลกว่าอีกเพราะเริ่มเรื่องที่ 22 ปี ก็จะอายุ 49 ปี
ส่วนยุคสมัยของพระมหากษัตริย์ทั้ง 2 ก็มีเหตุสำคัญๆ ที่อาจถูกนำมาใช้ในละครได้คือ
- การตัดขาดฝรั่งเศสตั้งแต่สมัยพระเพทราชา การฟื้นฟูศาสนาพุทธในสมัยพระเจ้าเสือและพระเจ้าท้ายสระ รวมถึงดราม่าข่าวลือถึงนิสัยอันไม่ธรรมดาของพระเจ้าเสือที่ดาร์กเสียเหลือเกิน ฝั่งพระเจ้าท้ายสระก็ไม่ธรรมดา เพราะท้ายรัชกาลเกิดการชิงบัลลังก์ ระหว่างอากับหลาน คือน้องชายของพระเจ้าท้ายสระกับลูกของพระเจ้าท้ายสระเองด้วย
- นอกจากนี้ในด้านการต่างประเทศ อยุธยาได้เปิดความสัมพันธ์กับจีนเพื่อเข้ามาคานอำนาจแทนยุโรปเดิม ก็มีประเด็นที่น่าสนใจ เล่นง่ายกว่าดราม่าในรั้วในวังด้วย
2. พระเอกคือลูกชายของการะเกด
รอมแพงระบุชัดว่า พรหมลิขิต จะเป็นเรื่องของลูกชายฝาแฝดคนที่สองของการะเกดที่ชื่อ พ่อริด (จากลูกทั้งหมด 4 คนคือ เรือง ริด แก้ว ปราง ทั้งหมดอายุห่างกัน 2 ปี) และตัวลูกชายนี้น่าจะเก่งได้พ่อ เพราะจะได้เป็นตัวแทนอยุธยาโล้สำเภา (ที่หมายถึงเดินทางทางเรือ ไม่ใช่…) เป็นทูตไปค้าขายกับทางจีนด้วย
สิ่งที่น่าสนใจคือ รอมแพงระบุว่าในนิยายจะเขียนชัดว่า ลูกชายจะมีหน้าตาคล้ายๆ พ่อด้วย นั่นคือถ้าเป็นละครก็ต้องเป็นนักแสดงที่หน้าคล้ายๆโป๊ป หรือต้องเป็นโป๊ปเล่นนั่นเอง
การเป็นลูกแฝดอาจจะนำไปเล่นอะไรในพลอตเรื่องได้อีกหลายอย่างเลย ทั้งการสลับตัว การปลอมตัว
ฤาอาจมีชะตาใดเกิดขึ้นกับพ่อเรืองหรือไม่กันนะถึงไม่ได้ถูกเน้นย้ำถึงนัก
3. นางเอกคือคนจากอนาคต
สำหรับด้านนางเอกรอมแพงยังไม่ได้ระบุชื่อนางเอกออกมา แต่ก็มีรายละเอียดของเจ้าตัวมามากแล้วเหมือนกัน คือนางเอกจะเป็นคนจากอนาคตที่ย้อนเวลามายังจุดฝังมนต์กฤษณะกาลีไว้ โดยไม่ใช่การมาแต่ดวงจิตแบบการะเกดแล้ว เนื่องจากจุดที่มาเกิดนั้นเป็นย่านตลาดสวนยายกุยที่ปลูกผัก นางเอกจึงเริ่มการผจญภัยแบบชาวบ้านๆ เลย ไม่เหมือนการะเกดที่โผล่มาเป็นลูกขุนนาง ก็คงได้รสสนุกๆไปอีกแบบ
นอกจากนี้นิสัยส่วนตัวของนางเอกที่จะเป็นพลอตสำคัญที่ตัวละครต้องใช้เคลียร์เรื่องราวของตัวเอง เช่นเดียวกับเกศสุรางค์ที่ต้องล้างบาปให้การะเกดนั้น ก็คือนางเอกในภาคต่อนี้จะรักสวยรักงามมาก ทั้งยังชื่นชอบการศัลยกรรมอีกต่างหาก เมื่อย้อนกลับมาอดีตที่อะไรๆ ก็ไม่สะดวกแถมอยู่ในย่านไพร่อีก นางเอกต้องพยายามรักษาความงามของเธอไว้
อาจจะหมายถึงการรักษาสภาพในช่วงพักฟื้นจากการศัลยกรรมท่ามกลางอุปสรรคมากมาย หรือการสร้างนวัตกรรมในยุคโบราณด้านความงาม อย่างที่การะเกดสร้างนวัตกรรมด้านของกินเพราะในนิยายบรรยายไว้ว่าเธอรูปร่างเจ้าเนื้อ ซึ่งนวัตกรรมความงามนี้ก็น่าสนใจว่าจะเป็นเครื่องสำอางค์ หรือพวกแฟชั่นเสื้อผ้า ก็ได้เช่นกัน
ตรงนี้รอมแพงมักเล่าถึงนางเอกด้วยความรู้สึกสนุก เดาว่านางเอกต้องทำอะไรตลกๆ แบบป่วนคนรอบข้างยิ่งกว่าการะเกดแน่ๆ
ส่วนที่น่าสนใจอีกอย่างคือ รอมแพงบอกว่านางเอกใหม่นี้จะมาอัปเดตเรื่องราวในยุคปัจจุบันให้ทราบด้วย
นั่นคือเป็นไปได้ว่ามีอดีตส่วนที่การะเกดไม่รู้ เช่นเรื่องจีนที่เธออาจไม่ถนัดเท่าฝั่งยุโรป หรือประวัติศาสตร์บางอย่างมีการเปลี่ยนไปแล้ว หรืออาจจะเป็นแค่การอัปเดตข่าวสารทั่วไปไร้สาระที่การะเกดก็อยากรู้เป็นมุกขำๆ เท่านั้นก็ได้
ตรงนี้หากไม่ใช่แค่เรื่องราวข่าวสารขำๆ ก็น่าสนใจว่านางเอกใน พรหมลิขิต ต้องมีความรู้เฉพาะด้านบางอย่างตามที่กล่าวมาที่การะเกดไม่มีความสามารถ คือภาษา หรือประวัติศาสตร์ หรือความรู้ด้านการค้าที่เป็นธีมหลักในภาคใหม่
4. พระนางยังเป็น โป๊ป และ เบลล่า
ตรงนี้เข้ามาสร้างความสับสนไม่ธรรมดา เพราะรอมแพงยืนยันว่าพระนางในภาคใหม่ ฉบับละครก็จะยังเป็นโป๊ปและเบลล่าอยู่เช่นเดิม และพ่อเดชแม่การะเกดก็จะยังคงคาแรกเตอร์เดิมด้วย ซึ่งท่าทีในการพูดเรื่องนี้ของรอมแพงเหมือนจะกวนๆ ยั่วแกล้งผู้อ่านให้สงสัยว่าจะเป็นไปได้ยังไง ตรงนี้ก็เดาว่าที่เป็นไปได้คือ
พ่อเดชแม่การะเกดยังมีบทบาทสำคัญเป็นตัวละครเอกที่ไม่ใช่พระนาง ซึ่งด้วยอายุที่เราคำนวณคร่าวๆในข้อ 1 มาแล้ว ก็เป็นไปได้คือ โป๊ป-เบลล่าจะแสดงเป็นตัวเดิมโดยเมคอัพให้แก่ขึ้น หรือเปลี่ยนเป็นนักแสดงที่อายุมากกว่าไปเลย แล้วเอาโป๊ปไปเล่นเป็นริดที่บรรยายว่าหน้าเหมือนพ่อ
แต่สันนิษฐานหลังก็จะติดปัญหาว่าแล้วเบลล่าจะเล่นเป็นคนจากอนาคตที่ไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับเกศสุรางค์อย่างไร
คือจะแค่บังเอิญหน้าเหมือนกัน หรือศัลยกรรมมาหน้าคล้ายกัน หรือจริงๆมีความผูกพันทางใดทางหนึ่งกับการะเกดที่ถูกชักนำมาโดยพรหมลิขิตสมชื่อเรื่อง ไม่เพียงกับพ่อริด แต่อาจกับการะเกดเองด้วยก็ได้
ซึ่งอาจเป็นปริศนาที่รอมาเฉลยท้ายๆ เช่นเดียวกับที่บุพเพสันนิวาสมาเฉลยว่าพ่อเดชได้กลับชาติมาเกิดเป็นเรืองฤทธิ์ก็ได้
5. ฝรั่งเศสจากไป ที่มาใหม่คือจีน
ตอนท้ายสุดของละครเราได้เห็นพ่อเดชนำกล่องมีอักษรจีนมอบให้ลูกชายคือพ่อริด
ตามที่บอกว่าในยุคพระเพทราชามีการขับชาวฝรั่งเศสที่ก่อเรื่องก่อราวไว้มากออกไป ซึ่งต่อมาในยุคพระเจ้าท้ายสระก็มีการส่งทูตไปเจริญสัมพันธ์และการค้ากับทางจีนด้วย และหากดูยุคที่พ้องกันแล้วฝั่งจีนจะเป็นยุคของจักรพรรดิคังซีอันยิ่งใหญ่ และอาจต่อไปถึงยุคจักรพรรดิหยงเจิ้น และจักรพรรดิเฉียนหลงด้วย หากเรื่องราวฝั่งอยุธยาลากยาวถึงสมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศตามที่รอมแพงยังเปิดความเป็นไปได้อยู่
ซึ่งในช่วงปีสุดท้ายของจักรพรรดิคังซีมีเหตุสำคัญที่เกี่ยวกับอยุธยาโดยตรงคือ ปี 2265 มีสาส์นจากคังซีมาถึงอยุธยาเพื่อให้ช่วยเหลือภัยธรรมชาติในจีนด้วยการจัดส่งอาหารไปขาย ตามนี้
เมื่อคำนวณไปก็จะตรงในสมัยพระเจ้าท้ายสระที่รอมแพงเน้น รวมถึงอายุพ่อริดจะราวๆ 34 ปี ซึ่งมากพอที่จะมีตำแหน่งสำคัญได้ จึงคิดว่านี่น่าจะเป็นเหตุการณ์ใหญ่ที่รอมแพงจะนำมาใช้ในนิยาย พรหมลิขิต ด้วย
6. สงครามเศรษฐศาสตร์
จากสงครามยึดดินแดนของพวกยุโรป และการขยายแผ่อิทธิพลทางศาสนาคริสต์ เรื่องราวที่รอมแพงจะเน้นจะเป็นเรื่องการค้าแทน
ดังนี้แล้วเราน่าจะได้เห็นความสามารถของพระเอกพ่อริดในด้านการเจรจา การค้า การลงทุน โดยมีนางเอกช่วยด้วยก็ได้ ซึ่งการชิงไหวชิงพริบแบบนี้ก็น่าจะสนุกไปอีกแบบ เพราะทางจีนน่าจะเขี้ยวกว่าฝั่งยุโรปเป็นแน่ และเราจะได้เห็นการโล้สำเภาแบทั้งเรื่องเลยก็ได้ 55
7. มารี กีมาร์ ยังมีบทบาท
แม้ในละครมารี กีมาร์จะจบลงด้วยความตกต่ำจากการที่สามีก่อกบฏ แต่ในนิยายก็ได้ทิ้งไว้ว่าลูกชายของเธอสองคน คือ จอห์จ และโจฮัน ก็ได้กลายเป็นเพื่อนเล่นที่เติบโตมาด้วยกันกับเหล่าลูกๆ ของการะเกดและลูกของจันทร์วาดด้วย จึงเดาว่าครอบครัวเธอน่าจะยังมีบทบาทต่อไปในภาคใหม่
ซึ่งในส่วนของมารี กีมาร์นั้นประวัติศาสตร์บอกว่าเธอตกต่ำหนักมากในยุคพระเจ้าเสือ เพราะปฏิเสธการเป็นสนมในพระเจ้าเสือไป แต่ในสมัยพระเจ้าท้ายสระเธอก็ได้เป็นพนักงานเครื่องต้นในวัง
ตามบันทึกของเมอซีเยอโชมง (คนละท่านกับเชอวาลีเยเดอโชมง) ชาวฝรั่งเศสที่เข้ามาในปี พ.ศ. 2262-2267 ได้ให้ข้อมูลว่า
และยังมีกล่าวถึงบุตรของนางไว้ว่า “รวมทั้งจอร์จ บุตรชายของเธอที่ยังมีชีวิตอยู่ ด้วยพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระทรงโปรดไว้ใกล้ชิดพระองค์
ส่วนบุตรคนเล็กคือ โจฮัน คอนสแตนติน ได้สนองพระเดชพระคุณสร้างออร์แกนเยอรมันถวายสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ จากหลักฐานของมิชชันนารีฝรั่งเศส โจฮันถูกเรียกว่า ราชมนตรี เป็นตำแหน่งผู้นำของชุมชนคริสตังด้วย พ้องกับช่วงท้ายในชีวิตของมารี กีมาร์ที่เข้าสู่ศรัทธาทางศาสนาอย่างสงบ
ตรงนี้ตัวจอร์จที่รับใช้ใกล้พระเจ้าท้ายสระ และรู้จักดีกับลูกของการะเกดน่าจะมีบทบาทไม่มากก็น้อย
8. ลูกสาวคนเล็กของการะเกดคือไม้เด็ด
อันนี้ไม่มีข้อมูลอะไรมากเลยนอกจากว่าเธอชื่อ แม่ปราง ซึ่งในละครตอนท้าย พ่อเดชก็บอกว่านิสัยเหมือนแม่คือการะเกดมาก
ที่ต้องยกเป็นหัวข้อสำคัญเพราะรอมแพงจงใจบอกไว้ว่าสำหรับตัวละครตัวนี้ต้องขออุบข้อมูลไว้ก่อน จึงน่าจะเป็นบุคคลสำคัญสักคนในประวัติศาสตร์ หรืออาจส่งผลกับพลอตของเรื่องก็ได้ ตรงนี้ก็ได้แต่เดาจริงๆครับ
คือถ้าไม่ติดว่ารอมแพง เน้นเรื่องราวสุขนิยม ก็มีสิทธิ์ที่เธอจะมีโชคชะตาสุดมืดมนในยุคพระเจ้าเสือ ที่มีข่าวลือว่ามีรสนิยมสังวาสเด็ก และขณะนั้นแม่ปรางจะอายุราวๆ 11 ปีพอดีด้วย ก็อาจเป็นไปได้ว่า… แต่ก็อย่างที่บอกความเป็นไปได้นี่น้อยมากครับ ทั้งไม่ใช่รสนิยมของรอมแพงแล้ว ยุคพระเจ้าเสือยังไม่ใช่ยุคที่รอมแพงจะเน้นถึงในนิยายด้วย
9. ความสนุกแบบชาวบ้านๆ
จากที่บอกว่านางเอกจากอนาคตคนใหม่จะเข้ามาเกิดในชุมชนชาวบ้านร้านตลาด จึงน่าจะสามารถใส่ความสนุกแบบชาวไพร่อยุธยาได้มากกว่าเดิมมาก
เรียกว่าน่าจะตลก สนุก และวายป่วงพอสมควรเลยล่ะ
10. จะได้ดู พรหมลิขิต เมื่อไหร่
รอมแพงพูดชัดว่าแม้จะวางพลอตละครไว้ตั้งแต่ปี 2554-2555 แล้ว แต่ก็เช่นเดียวกับบุพเพสันนิวาสที่เธอต้องศึกษาข้อมูลยาวนานกว่า 3 ปีแล้วจึงใช้เวลาเขียน 1 เดือนออกมาเป็นนิยายสุดฮิต
ตรงนี้รอมแพงบอกว่าเธอจะเริ่มเขียนภาคใหม่นี้ในเดือนกรกฎาคมนี้ โดยยังบอกว่าเธอรอข้อมูลสำคัญที่จะได้รับในวันที่ 17 เมษายนนี้อยู่ด้วย
และหากเธอเขียนด้วยความเร็วเท่านิยายบุพเพสันนิวาสก็เป็นไปได้ว่านิยายอาจเสร็จร่างแรกในเดือนสิงหาคมนี้ แต่จะตีพิมพ์ออกมาเมื่อไหร่นั้นก็คงต้องดูเทคนิคทางสำนักพิมพ์ด้วย
หากมองว่าจะใช้เป็นกระแสก็ต้องพิมพ์ให้ทันงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติรอบเดือนตุลาคมนี้ หรือรอบเมษายนปีหน้าเป็นอย่างเร็วสุด
และหลังจากนิยายออกมาแล้ว ทางทีมละครก็ต้องนำไปเขียนบทละครโทรทัศน์ และตระเตรียมการถ่ายทำอีก โดยรอมแพงบอกเธอคาดว่ากว่าจะจบกระบวนการนี้ก็น่าจะอีก 2 ปีเป็นอย่างน้อย เป็นไปได้มากๆคืออีก 3-4ปีนู่นเลย (ปี 2564-2565)
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น…
ถ้าช่องอยากทำให้ไวจริงๆ เพื่อให้โป๊ปและเบลล่ายังไม่อายุมากเกินไปในการกลับมารับบทนำด้วย ก็สามารถเร่งรัดเวลาการผลิตได้โดยเข้าไปคุยพลอตกับรอมแพงและพัฒนาบทละครโทรทัศน์ไปพร้อมๆกับนิยาย
ซึ่งก็เป็นแนวทางที่ต่างประเทศทำกันเป็นปกติเมื่อต้นฉบับยังไม่จบ หรือยังไม่ออกมา โดยอาจจะมีการคิดตอนจบที่ต่างกับนิยายเพื่อให้คนสนใจ หรือในกรณีนี้ก็ทำได้เหมือนนิยายเพราะรอมแพงมีพลอตทั้งหมดแล้วด้วย
ไม่ว่าจะเป็นทางไหนก็ขอให้เราได้อ่านนิยาย หรืออย่างดีที่สุดคือได้ชมละครในเร็ววันด้วยเถิดดดด พลีสสสส