หากในช่วงเวลา 2 เดือนนับจากนี้ไปจนช่วงปีใหม่ที่จะมีวันหยุดต่าง ๆ มากมาย คุณยังไม่มีโปรแกรมไปเที่ยวที่ไหนละก็ วันนี้ What The Fact มีโปรแกรมหนังและซีรีส์ที่จะดูอยู่กับบ้านกันแบบสบาย ๆ ไม่ต้องออกไปผจญผู้คนและรถติดมาบอกกัน
1. The King
ผู้กำกับ: David Michôd (Animal Kingdom, The Rover, War Machine)
นักแสดง: Timothée Chalamet (Call Me by Your Name) / Robert Pattinson (Twilight) / Joel Edgerton (The Great Gatsby), / Ben Mendelsohn (Captain Marvel) /Sean Harris (Mission Impossible 5-6)
เหตุผลที่ควรดู:
- หนังดัดแปลงจากผลงานของกวีชื่อก้อง Shakespeare เรื่องราวของกษัตริย์วัยรุ่นที่ได้ขึ้นครองราชย์ในช่วงเวลาเดียวกับที่อังกฤษทำสงครามกับฝรั่งเศส ซึ่งในเวลานั้นเองอังกฤษก็เกิดสงครามกลางเมืองอยู่ด้วย แต่กษัตริย์ Henry ที่ 5 ก็ทำให้สงครามในอังกฤษสงบลงได้ ยกทัพบุกฝรั่งเศสจนชนะในเวลาต่อมา และรวมราชบัลลังก์อังกฤษและฝรั่งเศสไว้ใต้อำนาจของเขา
- นักแสดงมากความสามารถยกทัพมาประชันกันในบรรยากาศย้อนยุค production สงครามยิ่งใหญ่อลังการ
ให้ชมผ่านระบบ streaming: 1 พฤศจิกายน
2. Series The End of the F***ing World Season 2
ผู้กำกับ: Jonathan Entwistle / Lucy Tcherniak / Destiny Ekaragha / Lucy Forbes
นักแสดง: Jessica Barden (The Lobster) / Alex Lawther (Black Mirror) / Naomi Ackie (Star Wars: Rise of the Skywalker)
เหตุผลที่ควรดู:
- เรื่องราวตอนต่อจากภาคแรกที่จบเรื่องไว้อย่างเปิดทางสำหรับซีซัน 2 เรื่องของสองหนุ่มสาว ผู้เลือกจะแหกกฎไปสู่ชีวิตที่เกินจะคาดเดา เจมส์ เด็กหนุ่มที่บอกว่าตัวเองเป็นโรคทางจิต และอลิซซา เพื่อนร่วมโรงเรียนที่ครอบครัวไม่เคยสนใจ ทั้งคู่ตัดสินใจหนีออกจากครอบครัวพัง ๆ และเมืองอันแสนน่าเบื่อ เพื่อหนีออกไปเจอกับโลกใบที่โสมมและแหลกเหลวไม่ได้น้อยไปกว่ากัน
- ซีซันแรกได้รับคะแนนมะเขือสดจาก Rotten Tomatoes เว็บไซต์รวมคะแนนนักวิจารณ์สูงถึง 96%
ให้ชมผ่านระบบ streaming: 5 พฤศจิกายน
3. เคว้ง (The Stranded)
ผู้กำกับ: จิม-โสภณ ศักดาพิสิษฐ์ (ลัดดาแลนด์, ฝากเอาไว้ในกายเธอ, เพื่อนที่ระลึก)
นักแสดง: จุฑาวุฒิ ภัทรกำพล (ฝากเอาไว้ในกายเธอ) / โอบนิธิ วิวรรธนวรางค์ (แสงกระสือ) / ชญานิษฐ์ ชาญสง่าเวช (มา ณ ที่นี้) / สินจัย เปล่งพานิช (รักแห่งสยาม), วินัย ไกรบุตร (นางนาก), ศรัณยู วงษ์กระจ่าง (สุริโยไท)
เหตุผลที่ควรดู:
- Original Series ที่สร้างโดย Netflix เรื่องแรกของประเทศไทย โดยฝีมือผู้กำกับที่เชี่ยวชาญหนังสยองขวัญมากที่สุดคนหนึ่งของบ้านเรา
- ความยาวทั้งหมด 7 ตอน เล่าถึงเหตุการณ์ของกลุ่มผู้รอดชีวิต 36 คนที่ติดเกาะจากเหตุการณ์สึนามิถล่มทะเลอันดามัน พวกเขาคือลูกของครอบครัวผู้มีฐานะที่รอความช่วยเหลือที่ยังไม่มาถึงเสียที ระหว่างนัั้นทุกคนก็เริ่มจับสังเกตถึงความผิดปกติของธรรมชาติรอบตัว และเหตุการณ์ประหลาดต่าง ๆ และค่อย ๆ รู้ความลับที่นำไปสู่อาถรรพ์บางอย่างของเกาะ
ให้ชมผ่านระบบ streaming: 15 พฤศจิกายน
4. Series The Crown Season 3
ผู้สร้าง: Peter Morgan (Screenplay-Bohemian Rhapsody, The Queen, Frost/Nixon, Rush)
ผู้กำกับ: Benjamin Caron (Sherlock, Beaver Falls)
นักแสดง: Olivia Colman (The Favourite), Tobias Menzies (Casino Royale), Helena Bonham Carter (The King’s Speech, Harry Potter)
เหตุผลที่ควรดู:
- ซีซัน 3 จะเล่าถึงเหตุการณ์ตั้งแต่ปี 1964 จนถึงปลายยุค 70 โดยมีฉากหลังทางประวัติศาสตรเป็นช่วงการเกิดขึ้นของวง The Beatles และอังกฤษคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก ปี 1966 เป็นต้น
- ผลงานของ Colman หลังคว้ารางวัลออสการ์นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมจากหนัง The Favourite เฉือนชนะ Glenn Close สมทบด้วยตัวแม่เจ้าบทบาทผู้เคยเข้าชิงออสการ์มาแล้วอย่าง Helena Bonham Carter มารับบทเป็นเจ้าหญิงมากาเร็ต
- 2 ซีซันแรกกวาดคะแนนมะเขือสดไปสูงถึง 90% และสำหรับซีซันแรกก็กวาดรางวัลซีรีส์ยอดเยี่ยมและ Claire Foy ผู้รับบท พระราชินีอลิเซาเบ็ธ คว้านักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม ประเภทซีรีส์โทรทัศน์ไปครอง (ก่อนจะเปลี่ยนตามช่วงวัยที่มากขึ้น มาเป็น Colman)
ให้ชมผ่านระบบ streaming: 17 พฤศจิกายน
4. The Irish Man
ผู้กำกับ: Martin Scorsese (Goodfellas, Taxi Driver, The Departed, The Wolf of Wall Street)
นักแสดง: Robert De Niro (Joker, Taxi Driver) / Al Pacino (The Godfather, Serpico) / Joe Pesci (Godfellas, Casino)
เหตุผลที่ควรดู:
- ไม่มีใครกำกับหนังแก๊งสเตอร์ได้ดีไปกว่าผู้กำกับรางวัลออสการ์อย่าง Scorsese อีกแล้ว เรื่องนี้ปู่จัดเต็มให้เลยกับความยาวหนังกว่า 3 ชั่วโมง
- หลังจากฉายรอบปฐมทัศน์ในเทศกาลหนังนิวยอร์ก สื่อทุกสำนักคาดกาณ์ว่าผู้กำกับจะได้กลับไปเยือนเวทีออสการ์ โดย Netflix จะใช้กลยุทธ์เข้าฉายในโรงแบบจำกัดโรง เพื่อแค่ให้มีโอกาสได้เข้าชิงออสการ์ แล้วมาเน้นโปรโมตทาง Netflix ต่อ (เหมือนที่ทำกับ Roma เมื่อปีที่แล้ว)
- หนังใช้เทคโนโลยี De-aging ลดอายุนักแสดงวัย 70 ปีทั้ง 3 คนกลับไปเหลืออายุ 40-50 ปีตามช่วงเวลาตอนครึ่งเรื่องแรกของเรื่อง ด้วยเหตุนี้ทำให้หนังใช้เงินลงทุนไปถึง 200 ล้านเหรียญฯ
- เป็นการโคจรกลับมาพบกันของเพื่อนซี้ De Niro และ Pacino ที่เคยเล่นหนัง The Godfather โด่งดังมาด้วยกัน
ให้ชมผ่านระบบ streaming: 22 พฤศจิกายน
5. Marriage Story
ผู้กำกับ: Noah Baumbach (Mistress America, While We’re Young)
นักแสดง: Scarlett Johansson (Avengers: Endgame, Lucy) / Adam Driver (Star Wars 7-9) / Laura Dern (Jurassic Park)
เหตุผลที่ควรดู:
- หนังรักครอบครัวที่ได้นักแสดงดาวรุ่งจากหนังเมนสตรีมทั้ง Johansson และ Driver มาพลิกบทบาทครั้งใหญ่กับการเล่นหนังครอบครัว
- หนังมีเรื่องราวที่หนักอึ้งเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของคู่รักที่เดินทางมาถึงทางแยก แม้ยังรักแต่ไม่อาจละทิ้งตัวตนของตัวเองและการเอาชนะคะคานกันได้ ทำให้ทั้งคู่กลับตัวก็ไม่ได้ จะไปก็ไม่ถึง
- ได้คะแนนจากเว็บมะเขือสดอยู่ที่ 98% และนักวิจารณ์กล่าวเป็นเสียงเดียวกันถึงความยอดเยี่ยมทางด้านการแสดงของนักแสดงนำทั้งสองคน จนถึงมีลุ้นเข้าชิงรางวัลออสการ์ประจำปีนี้
ให้ชมผ่านระบบ streaming: 6 ธันวาคม
6. 6 Underground
ผู้กำกับ: Michael Bay (Transformers 1-5 / Armageddon / The Rock / Bad Boys)
นักแสดง: Ryan Reynolds (Deadpool), Mélanie Laurent (Inglourious Basterds), Ben Hardy (Bohemain Rhapsody), Dave Franco (Now You See Me)
เหตุผลที่ควรดู:
- แฟน ๆ ของเจ้าพ่อผู้กำกับหนังบู๊ Michael Bay ต่างรอคอยให้เขาหลุดพ้นออกจากวังวนของการสร้างหนัง Transformers เสียที ซึ่งเป็นการดีที่ในที่สุด…หนังก็เจ๊งในภาค 5 และทำให้ Bay ต้องหาลู่ทางทำกินใหม่กับ Netflix
- หนังเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับทีมนักท้ามฤตยู 6 คน ที่แกล้งตายเพื่อตั้งทีมปราบอาชญากรวายร้ายของโลก
- นำทีมนักแสดงด้วยนักแสดงที่เล่นหนังเรื่องไหนก็ดังเรื่องนั้นในนาทีนี้อย่าง เจ้า “Deadpool” Ryan Reynolds
- หนังยังคงสไตล์ระเบิดภูเขาเผากระท่อม เต็มไปด้วยฉากตึกสูง (และมีคนไถลตัว-ตกลงมา) เครื่องบินรบ รถคันสวย ตามสไตล์ป๋า Bay (หลายช็อตก็อดนึกถึง Transformers ไม่ได้เลย)
- แฟนคลับรอลุ้นการ comeback ของป๋ากับหนังทุนสร้าง 125 ล้านเหรียญฯ กันได้
ให้ชมผ่านระบบ streaming: 13 ธันวาคม
7. Series The Witcher Season 1
ผู้สร้าง: Lauren Schmidt (Daredevil, The West Wing)
ผู้กำกับ: Alik Sakharov (Game of Thrones, Ozark, House of Cards), Charlotte Brändström, Alex Garcia Lopez (Daredevil, The Punisher), Marc Jobst (Hannibal)
นักแสดง: Henry Cavill (Man of Steel, Justice League), Freya Allan (The War of the Worlds), Joey Batey (The Riot Club)
เหตุผลที่ควรดู:
- เรื่องราวเกี่ยวกับนักล่าอสุรกายที่ถูกฝึกขึ้นมาให้มีความเหนือมนุษย์ แต่เขามักพบว่ามนุษย์มีความร้ายกาจกว่าอสุรกาย เมื่อชะตาได้พาเขามาพบกับผู้วิเศษหญิงที่อาคมแกร่งกล้ากับเจ้าหญิงผู้มีความลับอันน่ากลัว ทั้งสามได้ผนึกกำลังสู้กับเหล่าอสูรกาย
- ดัดแปลงมาจากนิยายแฟนตาซีขายดีของ Andrzej Sapkowski และได้รับการดัดแปลงไปสร้างเป็นเกมด้วยเช่นกัน
- หลัง Henry Cavill อกหักแรง ๆ กับการที่ Warner ไม่จริงจังกับการสร้างภาคต่อ Superman เขาจึงออกมาบอกว่า อยากรับบทตัวเอกของซีรีส์เรื่องนี้ ต่อมาผู้สร้างก็เลยเห็นดีเห็นงามตามเขามารับบทเป็นเกรัลด์แห่งริเวีย เสียเลย
- “ผมแทบไม่ต้องเตรียมตัวอะไรเพื่อรับบทเป็นเกรัลด์เลยนะ การเตรียมตัวของผมมันจบลงก่อนที่การคัดเลือกตัวนักแสดงจะเริ่มเสียอีก” Cavill ให้สัมภาษณ์ไว้อย่างมั่นใจ
- ถูกวางแผนไว้ว่าจะมีไม่ต่ำกว่า 3 ซีซัน โดยที่ซีซันแรกจะมีทั้งหมด 8 ตอน และเน้นไปที่เรื่องราวในนิยายเป็นหลัก
ให้ชมผ่านระบบ streaming: 20 ธันวาคม
8. Series Lost in Space Season 2
ผู้สร้าง: Matt Sazama (Screenplay-Power Rangers, Morbius), Burk Sharpless (Screenplay-The Last Witch Hunter,Dracula Untold)
นักแสดง: Toby Stephens (007 Die Another Day, Hunter Killer, 13 Hours), Molly Parker, Maxwell Jenkins, Taylor Russell
เหตุผลที่ควรดู:
- เรื่องราวต่อเนื่องจากซีซันแรก เมื่อยานจูปิเตอร์ 2 ของครอบครัวโรบินสันติดค้างอยู่บนดาวมหาสมุทรขนาดยักษ์ โดยไม่มีหุ่นยนต์อันเป็นที่รักของพวกเขาอยู่ร่วมด้วยอีกต่อไปแล้ว ทั้งหมดต้องร่วมมือกับ ดร.สมิธ ตัวร้ายหญิงจอมเจ้าเล่ห์ กับนักบินดอน เวสต์พยายามพาทุกคนกลับไปยังยานอาณานิคมเพื่อสมทบคนอื่นๆ ทั้งหมดต้องเผชิญหน้ากับภัยคุกคามครั้งใหม่และการค้นพบที่คาดไม่ถึงเช่นเคย
- ใครที่เคยได้ดูซีซันแรก จะเห็นถึงความอลังการของ production ที่พูดเลยว่า หนัง sci-fi อวกาศของ Netflix ไม่เคยมีเรื่องไหนที่ย่อหย่อนเรื่องคุณภาพของงานสร้างเลยสักเรื่องเดียว จากตัวอย่างก็จะเห็นได้ว่า ในซีซันนี้ก็ยังคงรักษามาตรฐานนั้นไว้ได้ (ซีซันแรกเข้าชิงรางวัล Emmy สาขาวิชวลเอฟเฟคต์ยอดเยี่ยม ปี 2018)
- ซีซันแรก หนังทำคะแนนของเว็บ Rotten Tomatoes ไปที่ 68% และ IMDB ที่ 7.2/10 คะแนน ซึ่งแม้ไม่โดดเด้งแต่ก็ไม่ขี้เหร่
ให้ชมผ่านระบบ streaming: 24 ธันวาคม
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส