Our score
9.6OZARK
จุดเด่น
- เนื้อหาเข้มข้นน่าติดตามในทุก ๆ ตอน จบแล้วต้องดูต่อ
- เดินเรื่องแบบคาดเดาไม่ได้
- การแคสติ้งนักแสดงเหมาะกับทุก ๆ บทบาทอย่างมาก
- ใส่พัฒนาการตัวละครได้ดี
จุดสังเกต
- หน้าหนังดูจืดชืดไม่มีอะไรน่าสนใจ
- นักแสดงนำอยู่ในกลุ่มขายฝีมือ ไม่ใช่ระดับขายชื่อ
-
ความสมบูรณ์ของบทภาพยนตร์
10.0
-
ความสมบูรณ์ของงานสร้าง
9.0
-
คุณภาพนักแสดง
10.0
-
ความสนุกน่าติดตาม
9.0
-
ความคุ้มค่าเวลาในการชม
10.0
จบไปแล้ว 2 ซีซัน ซีซันละ 10 ตอน ชนิดที่เข้มข้นน่าติดตามทุก ๆ ตอนเลยก็ว่าได้ ดูไปก็ยังแปลกใจว่าซีรีส์สนุกขนาดนี้ แต่ทำมั้ยทำไมไม่มีใครพูดถึงซีรีส์เรื่องนี้เลย งั้นขอทำหน้าที่แนะนำซีรีส์น้ำดีเรื่องนี้เองแล้วกัน Ozark เป็นผลผลิตของ NETFLIX เริ่มแพร่ภาพเมื่อ กรกฎาคม 2017 แล้วจบซีซัน 2 ไปเมื่อ สิงหาคม 2018 จากนั้นก็ทิ้งช่วงมาปีกว่าแล้ว ทิ้งให้แฟน ๆ รอคอยกันข้ามปี เพราะมีข่าวแว่ว ๆ ว่า ซีซัน 3 จะมาต้นปี 2020
Ozark เป็นซีรีส์ที่สร้างสรรค์โดย บิล ดูบิวค์ และ มาร์ก วิลเลียมส์ ทั้งคู่เคยร่วมงานกันมาแล้วใน The Accountant หนัง เบน แอฟเฟล็ก และ A Family Man หนังที่เจอร์ราร์ด บัตเลอร์ รับบทนำ โดยที่ บิล ดูบิวค์ รับหน้าที่เขียนบทภาพยนตร์ และ มาร์ก วิลเลียมส์ ทำหน้าที่อำนวยการสร้าง
เรื่องย่อ
เห็นได้ชัดว่าหนังของ บิล ดูบิวค์ จะพัวกันเกี่ยวกับเรื่อง นักบัญชีฟอกเงิน, มาเฟีย อย่างใน The Accountant และการแบ่งน้ำหนักระหว่างงานและครอบครัวอย่างใน A Family Man ซึ่งบิลก็เอาใจความหลักจากทั้งสองเรื่องนี้ล่ะ ผสมรวมออกมาเป็น Ozark เรื่องราวของ มาร์ติน เบิร์ด รับบทโดย เจสัน เบตแมน เขาเป็นนักบัญชีมือฉกาจเปิดบริษัทรับทำบัญชี แต่กล้วก็หวังรวยทางลัดเลยไปรับงานฟอกเงินให้กับ “เดล” มาเฟียจอมโหด ชีวิตก็ดูราบรื่นดีผ่านไปจน 5 ปี ความซวยก็มาเยือน เมื่อเดลจับได้ว่าบริษัทนี้ยักยอกเงินเขาไปหลายล้านเหรียญ ซึ่งเป็นฝีมือของบรู๊ซ หุ้นส่วนของมาร์ตินนั่นเอง แต่มาร์ตินก็เอาชีวิตรอดมาได้อย่างหวุดหวิด ด้วยวาทศิลป์ที่เป็นพรสวรรค์ติดตัวมาแต่กำเนิด และไหวพริบระดับอัจฉริยะ มาร์ตินเสนอไอเดียหรูเลิศให้กับเดล ถ้าไว้ชีวิตเขาแล้วจะมีประโยชน์กว่า เขาสามารถฟอกเงินให้กับเดลได้อีกเป็นร้อยล้าน เพราะมีช่องทางลงทุนในเมืองตากอากาศอันสงบสุขที่ชื่อ โอซาร์ก มาร์ตินเห็นจากโบรชัวร์ท่องเที่ยวเพียงแวบเดียว วาจาหว่านล้อมเป็นผลสำเร็จ
มาร์ตินและครอบครัวเบิร์ดที่ประกอบไปด้วย เวนดี้ ภรรยา ชาร์ลอตต์ ลูกสาวคนโต และโจนาห์ ลูกชายคนเล็ก ต้องย้ายถิ่นฐานไปอยู่ใน Ozark เมืองริมอ่าวอันเงียบสงบในรัฐมิสซูรี เป็นแหล่งท่องเที่ยวขนาดเล็กที่ผู้คนนิยมมาล่องเรือ และเล่นเจ็ตสกีกัน
และนี่คือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวที่ครอบครัวเบิร์ดจะต้องเผชิญกับวิบากกรรมครั้งใหญ่ในชีวิต ที่เดล คอยตามเฝ้าติดตามผลงานฟอกเงินของเขาอย่างใกล้ชิด แล้วยังต้องเผชิญกับผู้คนมากหน้าหลายตาในเมืองโอซาร์ก ซึ่งมีทั้งผู้เป็นมิตรและศัตรู ซึ่งแต่ละตัวล้วนมีบทบาทสำคัญกับเนื้อเรื่องอย่างเข้มข้น 3 พี่น้องแลงมัวร์ นักเลงกระจอกประจำท้องถิ่นที่ผลัดกันเข้าออกคุกเป็นว่าเล่น พวกนี้มองเห็นมาร์ติน เบิร์ด ที่มาพร้อมกับเงินสดหลายล้านเป็นขุมสมบัติของพวกมัน, ผัวเมียตระกูลสเนลล์ มาเฟียค้ายารายใหญ่เจ้าของพื้นที่เมืองโอซาร์ก และรอย เพ็ตตี้ FBI ตัวร้าย ที่ตามกัดตามจิกมาร์ติน เบิร์ด มาตั้งแต่ตอนที่อยู่ชิคาโก แล้วตามร่องรอยมาถึงโอซาร์ก แล้วก็ยังมี ชาร์ล วิลก์ นักการเมืองใหญ่ประจำโอซาร์ก ที่ครอบครัวเบิร์ดจำต้องผูกมิตรไว้เพื่อหนทางที่ราบรื่นในอนาคต
Ozark เหมาะกับคนดูกลุ่มไหน
Ozark ถูกจัดอยู่ในประเภท ดราม่า/อาชญากรรม/ระทึกขวัญ ก็นับว่าตรงเป๊ะเพราะเนื้อหามาตามบรรยากาศที่ว่าล้วน ๆ หนังไม่มีมุกตลกให้ได้หัวเราะสักแอะเดียว ไม่มีฉากเซ็กซี่ให้เห็น แต่มีนมเพียบเพราะหนึ่งในธุรกิจฟอกเงินของมาร์ตินคือคลับระบำเปลื้องผ้า แต่ก็แค่แพนกล้องผ่าน ๆ ไม่ได้จำเพาะเจาะจง เป็นหนังมาเฟียอาชญากรรมแต่น้านนานทีถึงจะมีฉากยิงกันให้ได้เห็น แต่สิ่งที่หนังเน้นหนักคือการใช้ไหวพริบ สติปัญญา แก้ปัญหาคับขัน หาทางออกจากวิกฤติที่กระหน่ำเข้ามาแทบทุกตอน มีความละม้ายกับ Breaking Bad ซีรีส์ยอดเยี่ยมตลอดกาลอยู่บางส่วน ในเรื่องที่เกี่ยวกับมาเฟียค้ายา และคู่ผัวเมียที่ช่วยกันแก้ไขสถานการณ์คับขัน และช่วยกันฟอกเงิน และอีกจุดที่เหมือนกันก็คือ นี่คือหนังที่พาเราไปดูชีวิตของวงการคนโฉด บอกได้ชัดเจนว่าในเรื่องนี้ไม่มีคนดีให้เห็นเลยสักคนเดียว แม้แต่ตัวเอกของเรื่องอย่าง มาร์ติน และเวนดี้ ก็ร้ายลึกทั้งคู่ รวมไปถึงลูก ๆ ของเธอที่เริ่มมองพ่อแม่เป็นแบบอย่าง เพียงแต่ว่าหนังเล่าเรื่องผ่านมุมมองของครอบครัวเบิร์ด ทำให้เราเอาใจช่วยครอบครัวนี้ให้เอาชีวิตรอดไปได้ในแต่ละวัน แต่ถ้าลองย้อนมองดี ๆ การกระทำทุก ๆ อย่างของครอบครัวเบิร์ดก็ล้วนแล้วแต่ เห็นแก่ตัว ที่กดคนอื่น เอาเปรียบคนอื่น เอาความซวยมาประเคนให้ หรือแม้กระทั่งลงมือฆ่าคนที่เป็นอันตรายต่อเขาและครอบครัว
ในตอนแรก ๆ เรายังไม่เห็นบทบาทของ เว็นดี้ ภรรยาของมาร์ตินเท่าใดนัก บท เวนดี้ นี่ต้องไม่ธรรมดาแน่นอนเพราะสวมบทบาทโดย ลอรา ลินนีย์ นักแสดงหญิงผู้คร่ำหวอดในวงการมาช้านาน และเข้าชิงออสการ์มาแล้วถึง 3 ครั้ง พอผ่านไป 2-3 ตอนเราถึงได้เห็นความสามารถที่ไม่ธรรมดาของเวนดี้ ที่ไม่ได้ทำบทบาทแค่ช้างเท้าหลัง แต่เธอช่วยคลี่คลายสถานการณ์ได้จากเล่ห์เหลี่ยมลีลาของเธออยู่หลายต่อหลายครั้ง เรียกได้ว่าเป็นคู่ผัวตัวเมียที่สมน้ำสมเนื้อกันอย่างที่สุด แต่ละวันทั้งคู่ต่างแยกย้ายกันไปทำงานตามสัญชาตญาณของตัวเองได้โดยไม่ต้องวางแผนกันมากมายแต่อย่างใด
ฉะนั้นคนที่จะถูกใจกับ Ozark ต้องเป็นคนที่ชอบหนังที่เข้มข้นด้วยบทและเนื้อหา ไม่ใช่หนังประเภทเอาใจคนดูด้วยฉากแอ็กชันหวือหวา แต่ก็ไม่ถึงกับราบเรียบเพราะเมื่อใดที่เนื้อหาพาไปถึงจุดแตกหัก ก็เล่นกันโหดพอดู จ่อหัวกบาลยิง หัวเปิด หน้าเละ เล่นกันรุนแรงถึงชีวิต ฆ่ากันทั้งปืน ทั้งมีด กับดักไฟชอร์ต หรือแม้กระทั่งเอาหินทุบหน้ากันก็ยังมี ฆ่ากันตายแทบทุกตอน และเป็นการฆ่ากันแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย นั่งดูอยู่เพลิน ๆ ถึงกับต้องร้อง เฮ่ย! ความสนุกของหนังคือการได้ดูครอบครัวเบิร์ดได้เผชิญกับวิกฤติการณ์ทีคนเขียนบทน่าจะโรคจิต ที่เขียนให้ครอบครัวนี้จะต้องเจออุปสรรคอะไรจะมากมายหนักหนาขนาดนี้แทบทุกตอน แล้วก็ดูมันสมองอัจฉริยะของผัวเมียคู่นี้ว่าจะคลี่คลายแต่ละอุปสรรคไปได้อย่างไร
แล้วจุดเด่นอีกอย่างของ บิล ดูบิวค์ คือชอบเขียนเรื่องราวที่ให้ตัวละครหลักต้องชั่งน้ำหนักระหว่างปัญหาต่าง ๆ ในหน้าที่การงาน กับการทำหน้าที่หัวหน้าครอบครัว ซึ่งนี่ก็เป็นอีกบทบาทหนักหนาของมาร์ตินที่ต้องหาทางเอาชีวิตรอดให้ตัวเอง ขณะเดียวกันมาร์ตินก็แสดงให้เห็นว่าเขารักและปกป้องลูกทั้งสองขนาดไหน โดยเฉพาะทั้งคู่อยู่ในวัยหัวเลี้ยวหัวต่อเสียด้วย ชาร์ลอตเป็นวัยรุ่นหัวรุนแรงเริ่มจะไม่ฟังพ่อแม่ ส่วนโจนาห์ก็กำลังย่างก้าวเข้าวัยรุ่น งานก็ต้องเจอกับปัญหามากมายที่มีผลต่อชีวิตเขาและครอบครัว ส่วนด้านครอบครัวก็ต้องดูแลให้ราบรื่นอย่างที่สุด เป็นอีกเรื่องที่เราได้เห็นตัวละครยืนมองกองเงินที่สูงท่วมหัว แต่ก็ชี้ชัดให้เห็นว่าเงินไม่ได้นำมาซึ่งความสุขที่แท้จริงได้เลย น่าสงสารมาร์ตินจัง
จุดเด่นของ Ozark
เป็นซีรีส์น้ำดี มีข้อปลีกย่อยที่อยากจะชื่นชมมากมายเต็มไปหมด ขอแจกแจงไปทีละหัวข้อที่อยากพูดถึงแล้วกัน
รางวัล
การที่หนังหรือซีรีส์สักเรื่องจะคู่ควรกับคำว่า “ดี” นั้นต้องเป็นหนังที่มีเนื้อหาสนุกน่าติดตาม ไม่ใช่หนังที่น่าเบื่อ ต้องฝืนดู หรือสมองต้องทำงานหนักเพื่อวิเคราะห์เฟ้นหาข้อคิด ตีความสัญลักษณ์ต่าง ๆ นานาที่ซ่อนอยู่ลึกซึ้ง แต่ควรจะเป็นหนังที่สามารถเสพได้ด้วยความบันเทิง และให้ข้อคิดที่สามารถหยิบไปประยุกต์ใช้ได้จริง Ozark มีเพียบพร้อมให้ได้ในคุณสมบัติที่ว่ามานี้
ทางด้านความนิยม หลังจาก NETFLIX ปล่อย OZARK ซีซันแรกในปี 2017 ก็ขึ้นนำตำแหน่งทีวีซีรีส์ที่แพร่ภาพผ่านสตรีมมิงที่มียอดผู้ชมสูงสุดในช่วง 90 วันแรก อีกช่องทางที่มีการชี้วัดคือคะแนนความนิยมจากผู้ชมที่ไปโหวตผ่านเว็บไซต์ Rottentomatoes.com ในซีซันแรกได้คะแนนนิยมจากผู้ชมสูงถึง 93% ส่วนซีซันสองตกลงมานิดหน่อยที่ 90% ด้านฝั่งเสียงตอบรับจากนักวิจารณ์บน Rottentomatoes.com ที่วงการบันเทิงให้การยอมรับเป็นมาตรวัดระดับสากลน้้นให้ Ozark ในซีซัน 1 ที่ 70% และซีซัน 2 เขยิบขึ้นมาเป็น 76%
มาดูผลตอบรับทางด้านรางวี่รางวัลกันบ้าง OZARK ส่ง เจสัน เบตแมน ให้เข้าชิงลูกโลกทองคำในสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมต่อเนื่องในปี 2018 และ 2019 แต่ก็พลาดไปทั้ง 2 ปี ซึ่งในฐานะคนดูก็ชื่นชมกับการพลิกบทบาทครั้งสำคัญของเจสัน เบตแมน จากนักแสดงที่เราคุ้นเคยกับเขาในบทตลกจาก Hancock, Horrible Bosses และทีวีซีรีส์ Arrested Development ใน Ozark นั้น เจสัน ไม่ได้เพียงแค่พลิกบทบาทมาเล่นดราม่า-ทริลเลอร์ เท่านั้น แต่เขายังรับหน้าที่ผู้กำกับ”หลัก”ของซีรีส์อีกด้วย
ด้านรางวัลที่ Ozark คว้ามาได้ก็ไม่ใช่เวทีขี้ริ้วขี้เหร่แต่เป็นเวทีใหญ่อย่าง Emmy Award เลยเชียว ซึ่งก็น่าภาคภูมิใจกับเจสัน เบตแมน ที่เขาคว้ารางวัลผู้กำกับโดดเด่นแห่งปีมาได้ และอีกรางวัลหนึ่งตกเป็นของ จูเลีย การ์เนอร์ นักแสดงสาววัยรุ่นหน้าใหม่ ที่คว้านักแสดงสมทบหญิงโดดเด่นแห่งปีมาครอง
แคสติ้ง
เป็นอีกจุดเด่นของ Ozark ที่แม้ว่านักแสดงสมทบแต่ละรายจะไม่คุ้นหน้าคุ้นตานัก แต่ก็ต้องยอมรับเลยว่าอีกกลไกหนึ่งที่ขับเคลื่อนให้ซีรีส์นี้น่าติดตามก็คือการคัดเลือกนักแสดงมาได้เหมาะสมกับแต่ละบทบาทอย่างมาก ถ้ามาแจกแจงแต่ละบทบาทตัวละครคงต้องเขียนกันยาวเป็นสิบหน้า เพราะ Ozark เป็นซีรีส์ที่มีตัวละครเยอะมว้ากกก งั้นว่ากันที่ตัวเด่น ๆ
เจสัน เบตแมน ในบท มาร์ติน เบิร์ด แม้โทนหนังจะเป็นการพลิกบทบาทจากตลกอารมณ์ดีที่เจสันถนัด มาเป็นบทที่ตึงเครียด แต่ส่วนที่ มาร์ติน เบิร์ด เหมาะเหม็งกับภาพลักษณ์ของเจสัน เบตแมน ก็คือการเป็นมนุษย์ที่มีความเจ้าเล่ห์เพทุบายในตัว เป็นคนที่ช่างจ้อ ใช้ปากทำงานมากกว่ามือเท้า ซึ่งเจสันมักจะได้บทนี้เป็นประจำอยู่แล้ว พอมาเจอบทมาร์ตินนี่ก็แทบจะสวมร่างได้สบาย ๆ เลย ไม่ต้องทำการบ้านมากมายเพื่อเปลี่ยนภาพลักษณ์
ลอรา ลินนีย์ ในบท เวนดี้ เบิร์ด ด้วยประสบการณ์ของลอรา ลินนีย์ ที่มีผลงานมาแล้วถึง 70 เรื่อง ผ่านมาแทบทุกบทบาท ให้เล่นอะไรก็ได้หมดแล้วล่ะ ดีกรีคุณภาพของเธอคือได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงออสการ์มาแล้วถึง 3 ครั้ง แล้วลอรา ก็สามารถทำให้ เวนดี้ เป็นตัวละครที่มีสีสันอย่างมาก เป็นบทสำคัญที่ตีคู่กับ มาร์ติน เบิร์ด ตลอดทั้งเรื่อง เธอทำหน้าที่ได้ดีทั้งเป็นแม่ของลูกทั้งสอง เราได้เห็นการแบ่งรับแบ่งสู้ของคุณแม่อย่างเวนดี้ที่ทำหน้าที่ได้ดี มีทั้งบทเฮี้ยบที่ชี้นิ้วออกคำสั่งกับลูกอย่างเกรี้ยวกราด และนาทีที่วิ่งเข้าไปโอบกอดและบอกรักลูก ซึ่งการที่ลอรา เป็นคุณแม่ลูกหนึ่งในชีวิตจริง ก็เป็นคุณสมบัติที่เหมาะสมที่เธอมารับบทคุณแม่ได้อย่างเข้าถึง ลอรา ถ่ายทอดบทบาทเวนดี้ ให้เราสัมผัสได้ชัดเจนว่านี่คือนางมารร้ายตัวหนึ่งเลยล่ะ เพียงแต่ว่าเธอหนังเล่าเรื่องราวผ่านทางฝั่งเธอและสามีเท่านั้น ทำให้เราต้องเอาใจช่วยเธอให้ผ่านพ้นแต่ละปัญหาไปได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอเป็นคนดีแต่อย่างใด ลอรา สามารถใช้สายตาแสดงหนังได้อย่างชัดเจน บ่อยครั้งที่เราเห็นเวนดี้ ยิ้มและจับมือกับผู้คนที่เธอเจรจาด้วย แต่นัยน์ตาเธอนั้นก็แสดงท่าที่ครุ่นคิดวางแผนแยบยลอยู่ตลอดเวลา
จูเลีย การ์เนอร์ ในบท รูธ แลงมอร์ เปิดตัวมาแบบสก๊อยบ้าน ๆ ที่ดูไม่น่าจะสลักสำคัญอะไรกับเรื่องราวเลย แต่กลายเป็นว่าจูเลีย สามารถถ่ายทอดบทบาทของ รูธ ให้เราค่อย ๆ รักและเอาใจช่วยตัวละครไปอย่างไม่รู้ตัวเลย เป็นตัวละครที่ทำให้เราต้องคาดเดา ลุ้นระทึกกับความคิดตัดสินใจของเธอแทบทุกตอน จูเลีย มีภาพลักษณ์ที่โดดเด่นกับผมทองหยิกหยอยของเธอที่ดูเข้ากับหน้าตาจิ้มลิ้มมีเสน่ห์แบบที่ต้องพิศ ไม่ใช่สวยสตันท์เมื่อแรกเห็น บทรูธนั้นเป็นสาวที่เติบโตมาในครอบครัวอาชญากร กร้านโลก ปากจัด แต่มีความใฝ่ดี อยากพาตัวเองและน้อง ๆ ให้พ้นตราบาปของตระกูลแลงมัวร์ ซึ่งจูเลียก็ถ่ายทอดโจทย์ทุกอย่างออกมาได้อย่างสมบูรณ์ แล้วเธอเนี่ยแหละที่คว้ารางวัลเอ็มมี่ปี 2019 เอาชนะ 3 ตัวเก็ง เมซี วิลเลียมส์, โซฟี เทอร์เนอร์ และ เลนา เฮดีย์ จาก Game of Thrones มาได้สำเร็จ
นักแสดงรายอื่น ๆ ที่โผล่หน้ามาก็ล้วนแต่น่าชืนชม ที่หาตัวแสดงมาแบบที่มีบุคลิกเด่นชัดสุด เจเน็ต แม็กเทียร์ ในบท เฮเลน เพียร์ซ ทนายความของแก๊งค้ายาเม็กซิกัน ก็มาในมาดสาวห้าว โหด ที่ดูทั้งน่ากลัวน่าเกรงขามเสมอ แม้ขณะที่เธอมีรอยยิ้มให้ , อีไซ โมราเลส ในบท เดล มาเฟียเม็กซิกัน เป็นตัวร้ายอีกรายที่ผมชื่นชอบมาก สามารถถ่ายทอดรังสีอำมหิตให้สัมผัสได้ น่ากล้วทุกครั้งที่ปรากฏตัวออกมา สามารถจ่อยิงกบาลคนได้ โดยที่สีหน้าราบเรียบไม่แสดงอาการความรู้สึกใด ๆ คาดเดาอารมณ์ไมได้เลย
การสร้างสรรค์ตัวละคร
Ozark เป็นซีรีส์ที่มีตัวละครเยอะมาก แล้วที่ชื่นชอบมากคือแต่ละตัวละครที่โผล่หน้ามาในหนังนั้น ไม่มีตัวละครระดับเบี้ยไบ้รายทางเลย ทุกรายล้วนมีความสำคัญกับเนื้อหาของหนังทั้งสิ้น ทุกตัวมีบุคลิกที่โดดเด่น พอหนังวางความสัมพันธ์ของแต่ละตัวละครที่โยงใยกันอย่างครบถ้วนแล้ว การกระทำของตัวละครหนึ่งก็ล้วนกระทบต่อเนื่องเป็นลูกโซ่ต่อเนื่องไปทั่วถึงอีกหลาย ๆ ตัวละคร
ความดีความชอบนี้ก็ต้องยกให้กับ บิล ดูบิวค์ ผู้สร้างสรรค์ซีรีส์และเป็นผู้เขียนบทหลักที่สร้างสรรค์ตัวละครแต่ละตัวออกมาได้อย่างมีสีสัน น่าสนใจ และมีพัฒนาการอย่างเห็นได้ชัด และหลาย ๆ ตัวละครน่าจะเป็นตัวละครที่คนดูรักได้ง่าย ๆ ที่โดดเด่นสุดก็ต้องเป็น “บัดดี้” ตาลุงแก่เจ้าของบ้าน ที่ครอบครัวเบิร์ดมาอาศัยอยู่ บัดดี้บอกว่าเขาเป็นมะเร็งจะตายแล้ว เขาขอใช้ชีวิตบั้้นปลายลงไปอยู่ในห้องใต้ดินแล้วจะไม่รบกวนครอบครัวเบิร์ด ให้ทุกคนอยู่ในบ้านเขาได้อย่างสบายใจ บัดดี้ ใส่อ๊อกซิเจนช่วยหายใจตลอดเวลา เดินกระย่องกระแย่ง แต่เมื่อผ่านไปแต่ละตอนแล้ว ตาลุงบัดดี้นี่ล่ะ ขาเก๋าตัวจริง อดีตของลุงค่อย ๆ เปิดเผยมาทีละน้อย แล้วก็มีบทบาทสำคัญอย่างมากต่อครอบครัวเบิร์ด ช่วยพาครอบครัวนี้ผ่านนาทีเป็นนาทีตายมาหลายครั้ง แล้วยังเป็นเพื่อนรักของโจนาห์ ลูกชายคนเล็กของครอบครัว เป็นตัวละครที่โคตรน่ารัก นี่คือตัวอย่างที่ดีงามของการใส่พัฒนาการตัวละคร ทั้งการเผยตัวตน และการสร้างความสัมพันธ์ของตัวละคร
โจนาห์ เป็นอีกตัวละครที่น่าสนใจอย่างมาก เป็นเด็กผู้ชายที่เงียบ ผิดจากที่พี่สาวที่โผงผางเจ้าอารมณ์ โจนาห์ ชอบฟังและเรียนรู้ทุกอย่างเงียบ ๆ แต่เมื่อผ่านไปถึงซีซัน 2 เราก็ได้เห็นล่ะว่า ไอ้หนูนี่ไม่ธรรมดาเลย รับเอาความเจ้าเล่ห์ของแม่ ความฉลาดของพ่อมาอย่างเต็ม ๆ เรียนรู้กระบวนการฟอกเงินของพ่อและแม่ได้อย่างรวดเร็ว แล้วเอามาประยุกต์ใช้ได้อย่างน่าทึ่ง จนพ่อกับแม่ยังตกใจว่านี่เราสร้างตัวอะไรขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
ดาร์ลีน สเนลล์ เปิดตัวมาแบบโคตรบ้าน ๆ ธรรมดา ดาร์ลีน เป็นเมียของ เจค็อบ สเนลล์ เจ้าพ่อค้ายาประจำโอซาร์ก ฉากหน้าของดาร์ลีนคือยายแก่ปากจัด อารมณ์ร้าย และนี่คือตัวละครที่มีบทบาทระดับต้น ๆ ของซีรีส์เลย เธอคือตัวละครที่สร้างความฉิบหายระดับรุนแรงให้กับครอบครัวสเนลล์ แล้วยังเป็นตัวที่พาเรื่องราวของซีรีส์ไปถึงจุดวิกฤติหลายต่อหลายครั้ง เป็นตัวละครที่จะมีบทบาทอย่างมากในซีซัน 3 น่าติดตามว่าเธอจะสร้างความโกลาหลอะไรให้กับเรื่องราวได้อีกมาก
พอล่ะ นี่คือตัวอย่างคร่าว ๆ ของตัวละครใน Ozark ที่แต่ละตัวโคตรมีสีสัน น่าติดตาม แล้วยังมีแบบนี้อีกมาก
เนื้อหาที่พลิกผันเกินคาดเดา
นี่คือเสน่ห์หลักของ Ozark เลยล่ะ หนังสร้างตัวละครที่น่าสนใจขึ้นมามากมายอย่างที่กล่าวไปข้างต้น ซึ่งเป็นตัวละครระดับขับเคลื่อนเรื่องราวเลย แต่แล้วก็ฆ่าตัวละครเหล่านี้ทิ้งซะเฉย ๆ ถึงกับต้องร้อง เฮ้ย!! เอางี้เลยเหรอ แล้วทำแบบนี้กับหลาย ๆ ตัว เราคิดว่าไอ้ตัวนี้จะต้องอยู่สร้างความวุ่นวายไปอีกนาน ๆ ก็ถูกกำจัดทิ้งซะ ซึ่งทำให้เราคิดว่าการที่ตัวร้ายพวกนี้ตายไปแล้ว เนื้อหาจะผ่อนเบาลง แต่ก็เปล่า ความเก่งความเชี่ยวของทีมเขียนบทก็สร้างตัวละครใหม่ออกมาที่มีพิษสงรุนแรงกว่าเดิม เพิ่มดีกรีความเข้มข้นมากขึ้นไปอีก
อย่างที่กล่าวมา หนังมีหลายพรรคหลายพวก มีทั้งคนที่เป็นมิตรกับครอบครัวเบิร์ด แต่ก็มีผู้ที่มีอิทธิพลอยู่เบื้องหลัง ทำให้ตัวละครเหล่านี้เหมือนเป็นสายลับสองหน้า หลายฉากหลายตอนที่พาให้เราลุ้นกับความคิดตัดสินใจที่ส่งผลมหันต์กับเรื่องราว ว่าตัวละครเหล่านี้จะตัดสินใจไปทางไหน ดูไปก็ต้องคาดเดาไป ลุ้นไป
อย่าว่าทิศทางของเนื้อหาแต่ละซีซันเลยครับ ว่าจะดำเนินไปในทิศทางใด เอาแค่แต่ละเอพิโซด แต่ละความคิดการกระทำของตัวละคร นี่ก็คาดเดาไมได้แล้ว ใครยังไม่เคยดู ไม่เคยได้ยินชื่อซีรีส์เรื่องนี้ เชียร์สุดฤทธิ์เลยครับ ไม่ผิดหวังแน่นอน เริ่มเปิดแล้วจะต้องจบสองซีซันในเวลาไม่นานแน่นอน แล้วก็นั่งรอซีซัน 3 ไปด้วยกัน ผู้สร้างประกาศออกมาแล้วว่า Ozark จะจบบริบูรณ์ในซีซันที่ 5 ครับ