Our score
9.3Giri/Haji เลือดเกียรติยศ
จุดเด่น
- โปรดักชันดีงามมาก ทั้งภาพ เสียง บท การคิดวางแผนการสร้างพิถีพิถันมาก ดูคุ้มสุด ๆ
- เป็นการผสานจุดเด่นของตะวันตกที่ฉลาดเข้มข้น ไม่มีตัวละครโง่ ๆ ให้เห็น และจุดเด่นตะวันออกที่เท่สุขุมลึกซึ้งและมีข้อคิดปรัชญาแฝงมากมาย ได้อย่างสุดยอด
- การเล่าเรื่องทำได้ฉลาดมาก การค่อย ๆ เฉลยผมทำได้น่าสนใจ จนเนื้อหาดูไม่น่าเบื่อไม่รู้สึกซ้ำซากหรือคาดเดาได้
- นักแสดงเล่นได้เก่ง ถ่ายทอดมิติตัวละครหลากหลายได้ลึกดีเยี่ยม
- ในแนวดราม่าอาชญกรรมนี่คือเอกอุเลย ตลกร้ายที่มีแทรกก็หรรษาดี ฉากมัน ๆ ก็ลุ้นได้เยี่ยม
จุดสังเกต
- ความรุนแรงชัดเจนมาก ไม่เยอะแต่ให้ความรู้สึกสมจริงจนน่ากลัว ไม่น่าเหมาะกับเด็ก
- การเล่าเรื่องหนักดราม่า บางคนอาจเบื่อโดยเฉพาะกลาง ๆ เรื่องไป เนือยลงเยอะ
- ในแต่ละตอนค่อนข้างยาวพอสมควร ไม่เหมาะดูต่อเนื่องรวดเดียวจบ
-
ความสมบูรณ์ของบท
9.5
-
คุณภาพนักแสดง
9.5
-
คุณภาพงานสร้าง
10.0
-
ความสนุกน่าติดตาม
9.0
-
คุ้มเวลาดู
8.5
เรื่องย่อ ทำตามหน้าที่และจมกับความอัปยศ เคนโซ ตำรวจสายสืบนายหนึ่งในโตเกียวต้องเอาหน้าที่การงาน ครอบครัว และเกียรติยศมาเสี่ยง ขณะเดินทางด้วยภารกิจลับไปยังลอนดอนเพื่อหาความจริงว่า ยูโตะ น้องชายของเขาที่เป็นอดีตยากูซ่าซึ่งเชื่อว่าตายไปกว่า 1 ปีแล้วนั้น ทำไมถึงมีหลักฐานว่ายังไม่ตายแถมเกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรมหลานยากูซ่าอีกตระกูลหนึ่งในอีกฟากโลกได้ ซึ่งเวลาก็งวดเข้ามาทุกขณะเพราะหากไม่นำตัวยูโตะกลับญี่ปุ่นไปพิสูจน์ความจริงไม่ทันก็จะเกิดสงครามระหว่างแก๊งครั้งใหญ่ในโตเกียว แต่ขณะเดียวกันเคนโซก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับน้องชายของเขากันแน่ และหากพบตัวจริง ๆ เขาจะส่งน้องชายให้ยากูซ่าลงหรือไม่ ระหว่างหน้าที่ในฐานะตำรวจที่ต้องจับคนร้ายและหน้าที่ในฐานะพี่ชายที่ต้องพาน้องชายกลับไปดูใจพ่อที่กำลังตาย สิ่งใดจะคือความอัปยศที่แท้จริงกันแน่
นี่คือผลงานจากช่อง BBC Two ของอังกฤษ โดยหนึ่งในบริษัททีมสร้างดราม่าซีรีส์แห่งปี 2019 อย่าง Chernobyl ออกอากาศในอังกฤษครั้งแรกในเดือนตุลาคม 2019 ก่อนเน็ตฟลิกซ์จะได้สิทธิ์ฉายทั่วโลกผ่านระบบสตรีมมิงครั้งแรกเมื่อวันที่ 10 มกราคมที่ผ่านมานี้เอง มินิซีรีส์ความยาว 8 ตอนจบนี้ (ยาวตอนละประมาณ 1 ชั่วโมง) ได้รับการนิยามจาก เพียร์ส เวงเกอร์ ผู้ควบคุมการผลิตรายการของ BBC ว่าคือ “มินิซีรีส์แบบที่ไม่เคยได้เห็นมาก่อนบนทีวีอังกฤษ” ด้วยบทของ โจ บาร์ทัน ที่ผสมผสานเรื่องราวแนวอาชญากรรมหลากตัวละครที่ผูกกันอิรุงตุงนัง กับกลิ่นอายยากูซ่าแบบญี่ปุ่น มีการถ่ายทำและเล่าเรื่องคู่ขนานจากทั้งโตเกียวและลอนดอนอย่างเข้มข้น ทั้งรุนแรง ดราม่า และไม่อาจคาดเดา จึงทำให้มินิซีรีส์อังกฤษชุดนี้เป็นอีกหนึ่งในซีรีส์ที่เราอยากแนะนำให้รับชม โดยมีคำเตือนว่าหนังโชว์ความรุนแรงแบบเปิดเผย ยิงแสกหน้ามีตลอดเรื่อง เนื้อหาก็เหมาะกับผู้ใหญ่มากกว่าเด็ก ๆ ด้วยเช่นกัน
สำหรับคะแนนจากเว็บไซต์ต่าง ๆ ตอนนี้ก็เริ่มมีเข้ามามากขึ้นแล้วหลังจากเน็ตฟลิกซ์เริ่มฉาย โดย RottentoMatoes ตอนนี้สด 100% จาก 12 รีวิว IMDb ได้ 7.9/10 จาก 1,400 โหวต และ Metacritic ได้ 76/100 จาก 4 รีวิว โดยที่พูดถึงเหมือนกัน ๆ คือความโดดเด่นในรูปแบบการนำเสนอ ทั้งการถ่ายภาพ การตัดต่อ และการเล่าเรื่องที่ยอกย้อนเข้มข้นเผยด้านมืดของมนุษย์แต่ละคนออกมา
ตัวซีรีส์มีวิธีการเล่าที่น่าสนใจทีเดียว ถ้าดูจนจบอาจจะรู้สึกว่าเนื้อเรื่องมันเท่านี้เองหรือมันก็ตามสูตรที่เคยดูหรือเปล่านะ? แต่พอนึกย้อนไปตั้งแต่ตอนแรกก็จะพบว่ามันคือความเจ๋งของ 2 ผู้สร้างอย่างผู้กำกับ จูเลียน ฟาริโน และ เบน เชสเซล ที่ปรุงการเล่าเรื่องได้อย่างมีสีสัน ลีลาการถ่ายทอดเรื่องราวเป็นไปอย่างพิถีพิถัน จนเราไม่รู้สึกระหว่างดูเลยว่าจะเดาทางได้ หรือจะจับต้นชนปลายได้สะดวกสบายตามเนื้อหาสูตรสำเร็จต่าง ๆ การค่อย ๆ เผยค่อย ๆ หยอดข้อมูลใหม่ ๆ ทำให้การตีความสถานการณ์ในเรื่องเปลี่ยนไปตลอดเวลา เป็นกลเม็ดที่น่าสนใจมาก ๆ ข้อมูลมีทั้งคำบอกเล่าในรูปแบบแอนิเมชันที่บอกกลาย ๆ ว่าเป็นข้อมูลที่อาจจริงหรือไม่จริง หรือเป็นเพียงการคาดการณ์ของตัวละคร (และต้องชมว่าใส่มาพอดีไม่ได้เยอะจนรู้สึกประหลาดกับแนวดราม่าจริงจัง)
ข้อมูลจากภาพเหตุการณ์ในอดีตตลอดจนการเล่าเรื่องแบบไม่ตามลำดับเวลา ก็เป็นอีกไม้เด็ดที่ถูกนำมาใช้หลายครั้ง แม้จะเป็นสิ่งที่หนังหรือซีรีส์หลายเรื่องก็ใช้กันเป็นปกติ แต่ซีรีส์เรื่องนี้ทำฉากย้อนอดีตได้น่าสนใจด้วยการจัดลำดับความสำคัญของเหตุการณ์ใหม่ การเล่าจากมุมมองอื่น หรือแม้แต่การวางบทคั่นหลายบทเหมือนเรียงความขนาดยาว ที่จัดเรียงการรับรู้เราใหม่อยู่บ่อยครั้ง และทำให้เรารู้จัก รวมถึงรุ้สึก ต่อตัวละครและสถานการณ์แตกต่างจากเดิม
และสุดท้ายข้อมูลในแบบของภาพยนตร์ ที่เพิ่มข้อมูลแบบอวัจนภาษาได้อย่างละเอียดและคมคาย ทั้งสีหน้าเพียงเล็กน้อยที่หลุดเผยความรู้สึกออกมา อุปกรณ์ประกอบฉากที่สื่อสารขยายความคิดหรือบุคลิกที่แท้จริงของตัวละครอย่างมีนัยยะ และการสอดแทรกคำบางคำในบทสนทนาที่ทำให้พลิกการรับรู้ความจริงใหม่ ๆ ในเรื่อง คือทั้งหลายในส่วนเหล่านี้ต้องคารวะในความพิถีพิถันของทีมงานและนักแสดง ที่ขยันหากิมมิกใส่เข้าไปเล่าตลอดเวลา เมื่อประกอบกับการเล่าเนื้อหาจากหลากหลายตัวละครหลายมุมมองที่ค่อย ๆ มาผสานพันเกลียวกันเป็นก้อนปมใหญ่ ทั้งฝั่งตำรวจญี่ปุ่นที่มีทั้งหน้าของผู้พิทักษ์ความสงบ หน้าของผู้ช่วยเหลือยากูซ่า ฝั่งยากูซ่าที่แต่ละแก๊งพยายามวางกับดักกันโดยมีตัวละครในเรื่องถูกชักใยวิ่งเต้นไปมาโดยไม่รู้ตัว ฝั่งตำรวจลอนดอนที่ถูกสถานการณ์ชวนสับสนเข้ามาสร้างความวุ่นวายในพื้นที่ ฝั่งครอบครัวตัวเอกที่มีทั้งรักทั้งชังเป็นดราม่าในครอบครัวที่กำลังแตกสลาย รวมถึงความเป็นพ่อ เป็นแม่ เป็นลูก และพี่น้อง ที่สอดแทรกการตัดสินใจของตัวละครตลอดเวลา จนหลายครั้งการกระทำโง่ ๆ ก็เป็นสิ่งที่เข้าใจได้และน่าให้อภัย จึงเป็นความเมามันของคอหนังสายละเมียดรายละเอียดในแนวดราม่าอาชญากรรมที่ได้ขบคิดตามจนไม่อาจวางตาสักฉากเดียว
นักแสดงเองก็ได้ดารามาถ่ายทอดที่น่าสนใจมาก ๆ ทั้งฝั่งอังกฤษและเอเชียเลยทีเดียว ที่คุ้นหน้าอย่างดีก็มี จัสติน ลอง ในบท เอลลิส ลูกแหง่ที่มีพ่อเป็นมาเฟียใหญ่, ชาร์ลี ครีด-ไมลส์ ในบท แอบบ็อต นักเลงผู้ทรงอิทธิพลในลอนดอน และ เคลลี่ แมกโดนัลด์ รับบท ซาราห์ ตำรวจสาวผู้ถูกเพื่อนตำรวจรังเกียจจากเหตุการณ์ในอดีตและต้องมาช่วยเคนโซแบบตกกระไดพลอยโจน ส่วนฝั่งญี่ปุ่นก็มี โมโตกิ มาซาฮิโระ พระเอกจากหนังออสการ์ต่างประเทศปี 2009 เรื่อง Departures ที่มารับบท ฟุคุฮาระ หัวหน้าแก๊งยากูซ่าที่ถูกยูโตะใส่ความจนต้องออกมาจัดการทุกอย่างให้เข้าทีโดยไม่เลือกวิธีการ กับ คุโบสึกะ โยสึเกะ จากทีวีซีรีส์ดังเรื่อง GTO: Great Teacher Onizuka (1998) มารับบทยูโตะ อดีตยากูซ่าสีเทาที่เรายากจะตัดสินว่าเขาเป็นคนดีหรือไม่
ส่วนนักแสดงฝีมือดีที่ไม่คุ้นหน้าแต่อยากแนะนำก็มี ฮิระ ทาเคฮิโระ ในบทเคนโซตัวเอกที่เดินเรื่องราวทั้งหมด เราจะค่อย ๆ เห็นตัวตนของเขามากขึ้น ๆ ตลอดเรื่อง เป็นตัวละครที่มีหลายมิติมากตัวหนึ่ง และอีกหนึ่งคือ วิล ชาร์ป ผู้กำกับและนักเขียนบทมือรางวัลที่มารับบท รอดนีย์ เกย์ขายตัวที่จมทุกข์และเข้ามาพัวพันกับเคนโซจากการถูกหลอกใช้ให้ช่วยสืบหายูโตะ เป็นตัวละครแบบที่สร้างสีสันและความปั่นป่วนในเรื่องแต่ก็ยากที่เราจะเกลียดนางลงเช่นกัน เป็นหนึ่งในตัวละครที่โดดเด่นมาก ดาราเด็กหนึ่งเดียวในเรื่องที่ต้องอยู่ท่ามกลางปัญหาของพวกผู้ใหญ่และต้องรับมือทุกอย่างก็คือ ทากิ ลูกสาวตัวแสบของเคนโซและหลานสาวแสนรักของยูโตะที่รับบทโดยนักแสดงหน้าใหม่ โอคุยามะ อาโออิ ก็เป็นอีกหนึ่งนักแสดงที่ถูกทดสอบความสามารถอย่างหนักทีเดียว น่าจะได้เห็นเธอในงานอื่นหลังจากนี้อีก
คำแนะนำสำหรับการดูก็คือ ซีรีส์แต่ละตอนมีความยาว อาจดูเหมือนเล่าเรื่องช้าแต่ถ้าดูจริงจะเห็นว่าตัวซีรีส์เซ็ตสถานการณ์และตัวละครได้เร็วมาก ถ้าดูตามเนื้อเรื่องแบบดราม่าคือเข้มข้นตั้งแต่ฉากแรกที่ฟุคุฮาระมาเยือนบ้านของเคนโซ เพื่อบอกว่ายูโตะอาจยังไม่ตายและกำลังเกิดสงครามใหญ่ถ้าหาเขาไม่พบเลยทีเดียว ในด้านภาพความรุนแรงก็กระหน่ำมาตั้งแต่ฉากแรก ๆ แล้วเช่นกัน การล้างแค้นของยากูซ่าที่ยิงกันแบบไม่ต้องบู๊หวือหวาแต่กระแทกกระทั้นการรับรู้ด้วยภาพเห็นยิงตายกัน จะ จะ แทน ก็ต้องย้ำอีกครั้ง ว่านี่เป็นซีรีส์แนวดราม่าอาชญากรรมสืบสวนที่ต้องใช้ความละเอียดในการเสพ ใช้สมองในการครุ่นคิดติดตามทุกอากัปกิริยาของหน้าจอ ใครอยากผ่อนคลายดูหนังแอ็กชันมัน ๆ ไม่ต้องคิดหาสาระอะไร ควรผ่านไปโดยไวเลยครับ
ข้อเสียของมินิซีรีส์ชุดนี้คือตอนท้าย ๆ ที่ต้องขมวดเรื่องราวและการเผชิญหน้าของตัวละครหลักทั้งหลายมีบางฉากที่คิดตามแล้วไม่สมเหตุสมผลบ้าง ตลอดจนช่วงกลางเรื่องหลังฉากสงครามใหญ่ในลอนดอนการเดินเรื่องก็อืดลงอย่างรู้สึกได้ อาจเพราะตอนแรก ๆ มาได้กระชับฉับไวและมีการเผยความจริงหลายอย่างให้สนใจอยู่เรื่อย ๆ พอข้อเท็จจริงสำคัญถูกเฉลยมากขึ้น ๆ ทำให้ตอนท้ายที่เน้นเรื่องความสัมพันธ์และตัวละครลึกขึ้นเรื่องจึงเนือยลง ก่อนจะมาเข้มข้นหนัก ๆ อีกทีในตอนท้าย ตรงนี้ก็อาจทำให้ใครหลายคนเบื่ออยู่เหมือนกัน แต่ก็ไม่ใช่ความผิดของใครเพราะถ้าชอบแนวนี้มันคือยอดเยี่ยมในทุกองค์ประกอบจริง ๆ
รับชมได้ที่นี่ https://www.netflix.com/watch/80190487
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส