Our score
7.4My Holo Love วุ่นรักโฮโลแกรม
จุดเด่น
- งานโปรดักชันคุณภาพดีเยี่ยม
- สอนแทรกประเด็นและเนื้อหาที่แปลกใหม่น่าสนใจ
- นักแสดงนำถือว่ามีเสน่ห์และน่าจดจำ แบกเรื่องราวได้ดีเลยล่ะ
จุดสังเกต
- ด้วยความที่มีประเด็นให้เล่นเยอะแต่กลับนำมาใช้ได้ไม่คุ้มค่า ไม่สุดทางเท่าที่ควร
- ความสมเหตุสมผลเบาบางไปนิดในหลาย ๆ ประเด็น
- เล่าเรื่องราวได้ไม่ค่อยราบรื่น มีขัดอารมรณ์บ้างในบางช่วง
- เสียใจด้วยถ้าคุณคิดว่านี่คือซีรีส์รักโรแมนติก
-
ความสมบูรณ์ของบท
7.0
-
คุณภาพงานสร้าง
8.0
-
คุณภาพนักแสดง
8.0
-
ความสนุก
7.0
-
คุ้มเวลาดู
7.0
“My Holo Love วุ่นรักโฮโลแกรม – ซีรีส์ดูง่าย น่าสนใจ แต่ขาดหัวใจ”
เคยพูด(หรือพิมพ์ดี?) ไปแล้วครั้งหนึ่งว่าทางเรานี่อย่างชอบเลยจริง ๆ ที่วงการภาพยนตร์เกาหลีใต้ได้พัฒนาคุณภาพงาน มาจนถึงจุดที่สามารถผลิตหรือเล่าเรื่องราวแปลก ๆ พล็อตประหลาดสุดว้าวซ่าได้มากมายอย่างที่เราได้เห็นกันอยู่ทุกวันนี้ My Holo Love เองก็เป็นอีกหนึ่งซีรีส์จากฝั่งเกาหลีใต้ที่เพิ่งเสิร์ฟร้อน ๆ ใส่จานด่วนมาให้เราได้ดูกันในช่องทาง Netflix เมื่อไม่นานเช่นกัน ซึ่งทันทีที่ได้ดูตัวอย่างหนังก็ต้องออกตัวก่อนเลยว่า เราค่อนข้างจะรอคอยและคาดหวังมากเลยทีเดียว เพราะเรื่องราวความรักระหว่างหญิงสาวแสนธรรมดากับ A.I. หนุ่มสุดหล่อ มันช่างเป็นความรักที่แสนจะโรแมนติกและน่าสนใจมากเหลือเกิน
ซึ่งเรื่องราวในช่วงแรกของซีรีส์นั้นก็ทำได้ดีเหมือนที่เราหวังเอาไว้จริง ๆ ทั้งฉากเปิดตัวที่ทำให้คนดูได้รู้จักกับ โฮโล (รับบทโดย ยุนฮยอนมิน) ปัญญาประดิษฐ์ที่มาพร้อมกับภาพเสมือนจริงสุดหล่อ แถมยังถูกตั้งโปรแกรมมาให้ดูน่ารัก พูดจาดี มีความหลัวสูงมากกก ที่สำคัญคือ CG ภาพโฮโลแกรมก็ยังเนียนชนิดผ่านฉลุย บวกกับการแสดงที่ชัดเจนและมีเสน่ห์ของยุนฮยอนมินเข้าไป มันจึงทำให้เราเชื่อได้หมดใจเลยว่านี่แหละ ‘โฮโลแกรมหนุ่มสุดเพอร์เฟ็กต์ที่ใครเห็นก็ต้องหลงรัก’ จนกระทั่งเขาได้เจอกับ ฮันโซยอน (รับบทโดย โกซองฮี) หญิงสาวผู้แสนธรรมดาและขาดความมั่นใจในตัวเอง ที่ชีวิตไม่มีอะไรเลยนอกจาก ทำงาน กลับบ้าน นอน กลายเป็นชีวิตวนลูปที่ปัญหาทั้งหมดนั้นเกิดมาจาก ‘ภาวะไม่รู้ใบหน้า’ โรคประหลาดตั้งแต่เกิดที่ทำให้เธอไม่สามารถจดจำใบหน้าของใครได้เลยแม้กระทั่งพ่อแม่ของตัวเอง ถึงแม้ว่าเธอจะเติบโตและอยู่ร่วมกับมันมาได้นานแค่ไหน แต่ความเศร้าลึก ๆ ก็ยังคงก่อตัวขึ้นในจิตใจเธอทุก ๆ วัน การพบกันโดยโชคชะตาของสองตัวละครทั้ง ‘โฮโล’ และ ‘โซยอน’ มันจึงเกิดเป็นเคมีที่แตกต่างอย่างลงตัว ที่เราคนดูต่างก็หวังจะได้เห็นในซีรีส์รักโรแมนติกเช่นนี้อยู่แล้วนั่นเอง
แต่เรื่องราวและโทนเรื่องก็เปลี่ยนไปทันทีเมื่อ โกนันโด (รับบทโดย ยุนฮยอนมิน) ชายหนุ่มมาดกวนที่เป็นทั้ง ‘ผู้สร้าง’ และ ‘ร่างต้นแบบ’ ของโฮโลโผล่มา แถมยังมาพร้อมแผนร้ายที่พยายามจะเข้าหาโซยอนเพื่อชิง ‘แว่นโฮโลกราส’ ผลงานชิ้นเอกของเขาคืน แต่มันกลับกลายเป็นว่ายิ่งใกล้โซยอนมากขึ้นเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกดีกับเธอมากขึ้นเรื่อย ๆ ซะงั้น
ความรู้สึกหลังดู ‘My Holo Love วุ่นรักโฮโลแกรม’
อื้อหืออ พออ่านมาจนถึงตอนนี้ หลาย ๆ คนก็คงเข้าใจไปแล้วว่า My Holo Love ก็คงเป็นอีกหนึ่งซีรีส์โรแมนติกดราม่า ที่เพิ่มความน่าสนใจขึ้นมาด้วยการเปลี่ยนจากรักสามเส้าของมนุษย์ธรรมดา ให้ลำบากยิ่งกว่าเมื่อต้องตกหลุมรักโฮโลแกรม ซึ่งมันก็จริงแหละ… ส่วนนี้มันเป็นแกนหลักของเรื่องราวที่ดึงให้เราคนดูเข้าไปติดกับได้อยุ่หมัดจริง ๆ
แต่ถ้าหากใครที่ได้ดูไปจนถึงครึ่งหนึ่งของเรื่องแล้วก็คงจะเริ่มเข้าใจขึ้นมาทันทีว่า แท้จริงแล้ว My Holo Love เป็นเหมือนกับหนังทดลองเรื่องหนึ่งที่เต็มไปด้วยเรื่องราวและปมขัดแย้งสุดแปลกประหลาด(ในทางที่ดี) เต็มไปหมดทั้งเรื่อง เพราะขนาดรักสามเส้าสองเรากับโฮโลแกรมที่ว่าแปลกแล้ว คุณจะได้เจอทั้ง ‘ภาวะไม่รู้ใบหน้า’ สุดประหลาดของนางเอก , การใช้ชีวิตแบบ ‘คนตายไปแล้ว’ มาเป็นสิบ ๆ ปีของพระเอก , A.I. ที่เรียนรู้คำว่ารักได้อย่างโฮโล หรือแม้กระทั่งเรื่องราวการไล่ล่าแย่งชิง ‘แว่นตาโฮโลกราส’ นวัตกรรมแห่งโลกอนาคต ที่ดูเหมือนว่าทุกประเด็นที่เล่ามานั้นต่างก็สำคัญและหนักหน่วงไม่แพ้เนื้อเรื่องหลักเลยด้วยซ้ำ แต่วัตถุดิบชั้นดีเหล่านี้นั้นจะถูกยัดลงไปในซีรีส์จำนวน 12 ตอนจบ ที่สั้นซะยิ่งกว่าวงจรชีวิตยุงเสียอีก เพราะฉะนั้นคนที่คาดหวังจะได้เห็นความรักโรแมนติกฟินจิกหมอนจากซีรีส์เรื่องนี้ก็ตัดอกไปได้เลย… มันไม่ตรงปก!
และอย่างที่บอกไปว่า แม้ My Holo Love จะมีประเด็นและพล็อตเรื่องที่น่าสนใจรวมตัวกันอยู่ในซีรีส์เรื่องเดียวมากมายขนาดไหน แต่ความสนุกตื่นเต้นและเสน่ห์ของเรื่องราวในช่วงแรกนั้น กลับถูกลดทอนลงไปอย่างน่าใจหายจากการเล่าเรื่องที่ขาดความน่าสนใจ คาดเดาได้ง่าย และขาดความต่อเนื่องด้านอารมณ์เหมือนส่งคนดูไปไม่สุดทาง แถมประเด็นเด่น ๆ ที่มีก็กลับถูกนำมาใช้แบบไม่คุ้มค่าเท่าที่ควร ทำให้เราคนดูรู้สึกเหมือนหนังมันยังขยี้ได้ไม่สุด มิหนำซ้ำบางประเด็นความเป็นเหตุเป็นผลที่นำมาเล่าก็เบาบางซะจนเชื่อไม่ลง แถมการเล่าเรื่องก็วนไปมากว่าจะหาจุดลงได้ก็เกือบท้ายเรื่องเข้าไปแล้ว หมัดเด็ดที่เคยฮุคคนดูได้ตั้งแต่ทีแรกกลับกลายเป็นหมัดแย็บ ๆ โดนมั่งไม่โดนมั่ง จนคนดูเองก็อาจเหนื่อยและขี้เกียจดูไปเอง (เห้อ)
แม้ว่าเราจะอดทนดูมาได้ถึงปลายทางและยังพอมีอะไรให้ได้รู้สึกอิ่มเอมใจอยู่บ้างในตอนจบ แต่ My Holo Love ก็ยังเป็นแค่อาหารจานหนึ่งที่มีวัตถุดิบชั้นเลิศ แต่รสชาติแสนธรรมดา แบบที่พอกินได้ให้มันหมด ๆ ไป แต่มันจะไม่ใช่จานที่เราอยากกลับมากินอีกครั้งอย่างแน่นอน
…ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าถ้าสรุปแบบนี้จะดูใจร้ายกับซีรีส์เรื่องนี้มากเกินไปมั้ย แต่บอกได้แค่ว่า ‘น่าเสียดาย’ และ ‘น่าจะดีกว่านี้ได้อีก’ จริง ๆ
ป.ล. ไม่ว่าการเล่าเรื่องจะเป็นยังไง แต่เพลงประกอบของซีรีส์เรื่องนี้ดีงามม๊ากกกก ต้องไปหาฟังให้ได้เลยนะ!
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส