ความยาว
1 ซีซัน 9 ตอน
สัญชาติ
ญี่ปุ่น
ปี
2018
Our score
8.9BG Personal Bodyguard
จุดเด่น
- การแสดงและบารมีของคิมูระ ทาคุยะ ยังทำงานกับแฟน ๆ ของเขาได้ดีเยี่ยม การสร้างสรรค์เรื่องราวจากอาชีพบอดี้การ์ดเอกชนก็ทำให้เราอยากรู้และมีแง่มุมที่นำเสนอได้หลากรสมาก ๆ ทั้งตื่นเต้น สืบสวน แอ็กชัน รักสามเส้า การหักหลัง การเมือง ตลก
จุดสังเกต
- ซีรีส์นำเสนอเคสแบบจบในตอนอยู่หลายตอน ทำให้เส้นเรื่องโดยรวมอาจไม่ได้เข้มข้นต่อเนื่องไปทั้งซีซัน อาจเพราะต้องใช้เวลาปูพื้นตัวละครแต่ละตัวพอสมควรด้วย ซีซัน 2 น่าจะยิ่งเข้มข้นไปได้อีกเยอะ
-
นักแสดง
9.5
-
โพรดักชัน
8.5
-
บท
9.0
-
ความสนุก
8.5
-
ความคุ้มค่าในการรับชม
9.0
แม้หนังหรือซีรีส์ของ คิมูระ ทาคุยะ จะเป็นที่ชื่นชอบและดังในหมู่แฟนหนังแฟนซีรีส์ญี่ปุ่นมาหลายปีแล้วก็ตาม แต่สำหรับเน็ตฟลิกซ์ไทยแล้วก็ถือว่าน่าแปลกพอสมควรที่ไม่เคยเอาผลงานของคิมูระมาลงสักเท่าไหร่ โดยก่อนนี้มีเพียงหนังอย่าง Blade of the Immortal หรือ ฤทธิ์ดาบไร้ปรานี หนังปี 2017 มาชิมลางเท่านั้น การมาของซีรีส์ผลงานยุคหลัง ๆ อย่าง BG Personal Bodyguard ในปี 2018 จึงเป็นอะไรที่มีความหมายสำหรับคอซีรีส์ญี่ปุ่นอยู่ไม่น้อยทีเดียว อย่างน้อยก็มีให้รับชม และถ้าหวังมากหน่อยก็คืออาจจะได้ดูเรื่องอื่น ๆ ตามมามากกว่านี้ด้วยเช่นกัน
สำหรับ BG Personal Bodyguard นั้นเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอาชีพบอดี้การ์ดเอกชน ที่รับจ้างคุ้มครองส่วนบุคคลให้กับใครก็ได้ ซึ่งก็เป็นแนวซีรีส์ที่เป็นเอกลักษณ์ของญี่ปุ่นอยู่แล้วที่จะหยิบจับอาชีพหรือการทำงานที่น่าสนใจมาขยายเป็นเรื่องราวให้ชวนติดตาม และอาชีพอย่างบอดี้การ์ดก็เป็นอีกอาชีพที่ดูเท่ ลึกลับ และมีเสน่ห์ชวนอยากรู้ไม่เบาทีเดียว
เรื่องราวนั้นจะจับศูนย์กลางอยู่ที่ ชิมาซากิ อากิระ (รับบทโดย คิมูระ ทาคุยะ) อดีตบอดี้การ์ดมือโปรที่เคยทำงานผิดพลาดจนต้องรีไทร์จากหน้าที่ก่อนกำหนด และหันมาทำงานรักษาความปลอดภัยจราจรในบริษัทเอกชนแทน เรื่องราวในปัจจุบันจะเริ่มขึ้นเมื่อบริษัทที่พระเอกสังกัดอยู่ ต้องการเปิดหน่วยพิเศษรับคุ้มครองส่วนบุคคล หรือเป็นบอดี้การ์ดเอกชน และเจ้าของบริษัทซึ่งรู้ภูมิหลังของชิมาซากิดีก็ได้ร้องขอให้ชิมาซากิเข้าร่วมเป็นเด็กฝึกของหน่วยพิเศษนี้ โดยเขาจะช่วยปกปิดประวัติให้ ความขัดแย้งในตัวเองของตัวละครนำจึงเป็นความรู้สึกผิดในอดีตที่เขาไม่อยากให้มีใครรู้ ทั้งยังไม่มีโอกาสได้ชดใช้ความผิดตามสมควรนั้นเลย
ด้านตัวละครรายล้อมเองก็มีความน่าสนใจไม่น้อยเช่นกัน ไล่ตั้งแต่ มุราตะ หัวหน้าหน่วยที่เคยเป็นหัวหน้าของ SP (Security Police) แต่เพราะความผิดพลาดในงานจึงตัดสินใจรับผิดชอบลาออกมา ทาคานาชิ อดีตกองกำลังป้องกันตนเองญี่ปุ่นที่มาทำงานคุมรถรับส่งเงิน และมีความใฝ่ฝันอยากเป็นบอดี้การ์ด แต่ความมั่นใจของเขาก็ทำให้ต้องมีเรื่องขัดใจกับชิมาซากิอยู่เสมอ โดยเขายังกุมความลับเรื่องอดีตของชืมาซากิที่บังเอิญสืบเจอไว้กับตัวด้วย มายุ สาวหนึ่งเดียวของทีมเป็นสายแกร่งห้าวและยินดีทำทุกอย่างเพื่อเงิน สุดท้ายคือ ซาวะกุจิ หนุ่มละอ่อนที่มีความอยากเท่แบบบอดี้การ์ดในหนังเป็นแรงผลักดันให้มาร่วมทีม แต่มักได้หน้าที่สนับสนุนอยู่เสมอไม่ได้เป็น BG หรือหัวหน้าทีมที่จะสับกันไปเสียที
แค่ตัวละครในทีมเดียวกันว่ามันแล้ว ซีรีส์ยังนำเสนอความขัดแย้งหลักผ่านการปะทะกันระหว่างบอดี้การ์ดเอกชน กับตำรวจรักษาความปลอดภัย (SP) ด้วย เพราะหัวหน้า SP อย่าง โยชิอากิ เป็นคนที่ปักธงว่าพวกบอดี้การ์ดที่ไม่มีสิทธิ์พกอาวุธอย่างตำรวจ เป็นเพียงงานรักษาความปลอดภัยปลอม ๆ ที่ใช้การจริงไม่ได้เท่านั้น ในขณะที่ฝั่งชิมาซากิก็มักจะโผล่เข้ามาอยู่ตรงหน้าโยชิอากิในสถานการณ์คับขันได้ก่อนเสมอ ก็ยืนยันด้วยผลลัพธ์ว่า การไม่มีอาวุธต่างหากจึงทำให้สามารถรักษาความปลอดภัยได้ดีที่สุด เพราะเมื่อคุณชักอาวุธ คนร้ายก็ย่อมจะตอบโต้ด้วยความรุนแรงที่เท่ากันเป็นลูกโซ่ ส่งอันตรายต่อตัวผู้ถูกคุ้มกันโดยตรง และตลอดซีรีส์นี้ก็มีหลายเคสที่ทำให้โบชือากิกับชิมาซากิต้องปะทะกันด้วยอุดมคติที่แตกต่างอยู่เสมอ
นอกจากนี้ยังไม่พอซีรีส์นี้ยังมีแง่มุมของครอบครัวและความสัมพันธ์ตัวละครที่นอกเหนือจากงานด้วย เพราะชิมาซากิ ได้หย่าขาดจากภรรยาแต่ก็ยังคอยเลี้ยงดูลูกชายวัยหัวรั้นอย่าง ชุน ด้วย และตลอดทั้งเรื่องเราก็ได้เห็นว่าความผูกพันของชิมาซากิกับอดีตภรรยาที่แต่งงานใหม่ไปแล้วนั้น ก็ยังเรียกได้ว่ารักกันอยู่ เพียงแต่เข้าใจในเส้นทางเดินที่แตกต่างกัน นอกจากนั้นงานคุ้มครองของชิมาซากิก็มักทำให้เขาต้องเข้าไปพัวพันกับเรื่องราวในแวดวงการเมืองสุดแสนสับปลับอยู่เสมอ เพราะชะตาแกล้งให้เขาไม่อาจหนีรัฐมนตรีสาวอดีตผู้อ่านข่าวอย่าง ทาจิฮาระ ได้เลย และด้วยความที่เป็นนักการเมืองก็ทำให้ชิมาซากิไม่เคยเข้าใจเลยว่าทาจิฮาระนั้นจริงใจหรือหลอกใช้เขาอยู่กันแน่ ก็มีมุมแบบรักสามเส้าบาง ๆ ให้ติดตามกันด้วย
เสน่ห์สำคัญจริง ๆ ของเรื่องก็คงต้องยกให้บารมีพระเอกตลอดกาลของ คิมูระ ทาคุยะ ที่แค่เห้นหน้าก็รู้สึกว่าซีรีส์น่าดูแล้ว โดยตัวละครของชิมาซากิเองก็เรียกว่าเป็นประเภทตัวละครประจำที่ส่งให้คิมูระได้ฉายแสงในทางถนัดอยู่แล้ว แบบพระเอกที่ดูไม่เก่งอะไรมากแต่จริง ๆ แล้วมีคำพูดคม ๆ คอยกระตุกให้ได้คิด หรือโชว์ตัวในจังหวะดี ๆ ได้เสมอ ซึ่งคนดูก็ได้ทั้งความลุ้นและความสบายใจว่าคงไม่เจอเรื่องราวแบบกระชากหัวจิตหัวใจกับตัวพระเอกเกินไปนัก (ถึงจะมีช่วงที่ทำเอาตกใจอยู่เหมือนกันกับตัวละครอื่น ๆ) และสำหรับใครที่อาจรู้สึกชินกับรูปแบบตัวละครของคิมูระจนเบื่อแล้ว เรื่องนี้ก็เสริมด้วยรายละเอียดของผู้ชายวัยกลางคนที่หย่าภรรยาและยังคงต้องดูแลลูกหัวรั้นให้ได้แปลกตาจากเรื่องอื่น ๆ ด้วย
ตอนนี้ซีรีส์ กำลังถ่ายทำซีซันที่ 2 ในช่วงที่โควิด-19 กำลังระบาดในญี่ปุ่น ก็ขอเอาใจช่วยให้ทีมงานและนักแสดงสามารถถ่ายทำจนจบด้วยดี และหวังว่าเน็ตฟลิกซ์จะไม่ทำให้เรารอนานเกินไปที่จะได้ชมด้วย
สรุป เป็นซีรีส์ที่แฟนคิมูระ ทาคุยะ ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง และสำหรับคนทั่วไปนี่ก็เป็นซีรีส์ญี่ปุ่นสายอาชีพที่ไม่ค่อยได้รู้จักและเล่าผ่านหลากหลายอารมณ์มาก ๆ ดูสนุก ดูเพลิน เข้มข้นกำลังดีเลยทีเดียว
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส