Release Date
18/12/2020
ความยาว
10 ตอน (ตอนละประมาณ 1 ชั่วโมง)
Our score
5.3Sweet Home
จุดเด่น
- เนื้อหาเดิมจากมังฮวามีจุดให้เล่นที่แข็งแรง ดัดแปลงมาได้ดีแบบคิดต่อยอดไม่ลอกซ้ำลาย ดาราสวยหล่อดูดีขึ้นกล้องน่ามอง
จุดสังเกต
- ซีจีสัตว์ประหลาดเคลื่อนไหวตลก การดีไซน์โพรดักชันหลายอย่างไม่เข้ากัน ดูไม่จริง บทแต่ละคนเหมือนจะดีแต่พอเอารวมกันแล้วดูพัง กระจายบทได้แย่
-
บท
4.5
-
โพรดักชัน
4.5
-
การแสดง
7.5
-
ความสนุกตามแนวหนัง
6.0
-
ความคุ้มค่าการรับชม
4.0
เรื่องย่อ ความปรารถนาสูงสุดจะกลายเป็นศัตรูที่เลวร้ายที่สุด “จงหนีให้พ้นปีศาจในใจ”เรื่องราวของ ฮยอนซู เด็กหนุ่มวัยรุ่นที่มีปมปัญหาครอบครัว และได้ย้ายมาอยู่ในอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่ง ก่อนจะพบว่าเขาและเพื่อนบ้านล้วนติดกับอยู่ในอพาร์ตเมนต์แห่งนี้ โดยมีเหล่าคนที่กลายเป็นสัตว์ประหลาดจากความต้องการในใจเพ่นพ่านทั้งนอกอาคารในอาคารเข่นฆ่าผู้เช่าแบบไม่เว้นหน้า และในขณะเดียวกันฮยอนซูเองก็เริ่มมีอาการของการกลายร่างแล้วเช่นกัน
จัดเป็นซีรีส์เน็ตฟลิกซ์เกาหลีตัวท็อปที่มาทิ้งท้ายปลายปีอย่างแท้จริงสำหรับ Sweet Home ซึ่งเป็นธรรมดาว่าต้องถูกคาดหวังไว้สูงจากผู้ (รอ) ชมทั้งหลาย ไม่ว่าจะด้วยเป็นผลงานการกำกับของ อีอึงบก ที่มีผลงานฮิตติดตลาดบ้านเราอย่าง Descendants of the Sun (2016) และ Goblin (2016-2017)
หรือจะเพราะว่าซีรีส์นี้ได้ดัดแปลงมาจากมังฮวาผลงานของ คิมคันบิ และ วังยองชาน ในเว็บตูนชื่อเรื่องเดียวกันที่มีฐานแฟนอ่านมากที่สุดเรื่องหนึ่งก็ด้วย
ด้านผู้ชมสายดูหนังตามดาราเกาหลีที่ชอบ เรื่องนี้ก็ขนดาราขนานใหญ่มาร่วมจอ ทั้งฝั่งนักแสดงชายไล่ตั้งแต่พระเอก ฮยอนซู หนุ่มเก็บตัวมีปัญหาทางบ้านก็ได้ ซงคัง ที่ดังจากซีรีส์ Love Alarm มารับบทนำ
เสริมทัพด้วยหล่อเข้มรุ่นพี่ขึ้นมาหน่อยอย่าง อีจินอุก จากซีรีส์ Voice ที่มารับบทลุงนักเลงสุดขรึมสุดเท่ที่เด่นแซงหน้าพระเอกเอาเสียอีก และอีกหนึ่งหนุ่มที่บทบาทเยอะพอ ๆ กับพระเอกก็คือ อีดูฮยอน จากซีรีส์ Hotel Del Luna มารับบท อึนฮยอก นักเรียนแพทย์ที่กลายมาเป็นผู้นำกลุ่มผู้เช่ารับมือสัตว์ประหลาด
ฝั่งสาว ๆ ก็น่าประทับใจไล่กันมาตั้งแต่บทเด่นดวงสุดอย่าง อีคยอง ตัวละครที่เขียนเพิ่มจากมังฮวาสาวนักดับเพลิงกล้ามท้องแน่นที่ดูเท่และสวยในเวลาเดียวกัน รับบทโดย อีซียัง ดาราและนักมวยหญิงตัวจริง ต่อด้วยตัวละครที่คล้ายนางเอกสุดอย่าง อึนยู สาวซ่าปากร้ายใจดีที่รับบทโดย โกมินซิ จากซีรีส์ Love Alarm
ต่อด้วยสาวนักดนตรีใจแกร่งอย่าง จีซู ที่รับบทโดย พักคยูยอง จากซีรีส์ It’s Okay to Not Be Okay และสุดท้ายบทไม่มากแต่ขึ้นจอไม่แพ้ใครกับ โกยุนจอง หน้าใหม่ที่เพิ่งมีผลงานไม่กี่เรื่องจากซีรีส์ The School Nurse Files ที่มารับบทพยาบาลจำเป็นอย่าง ยูริ
ซึ่งในข้อต้นนี้ทำให้อดคาดหวังเทียบกันกับ Alice in Borderland ของญี่ปุ่น ที่กลิ่นอายใกล้เคียงกันในแง่ผู้สร้างที่มีผลงานพิสูจน์ตัวเองมาแล้ว และดัดแปลงจากการ์ตูนมาเหมือนกัน ทั้งรวมดารานักแสดงรุ่นใหม่เหมือนกัน และมีความระทึกขวัญนำเช่นกัน ซึ่งเมื่ออลิซทำได้ดีแล้วเราก็คาดหวังว่าเกาหลีก็มีดีไม่แพ้กัน ต้องพอฟัดพอเหวี่ยงกันได้
เรียกว่าองค์ประกอบความน่าดูมาครบ แบบยังไม่ต้องเห็นตัวอย่างเลยด้วยซ้ำ
และเมื่อดูตัวอย่างก็ยิ่งยั่วความอยากดู บวกเติมเชื้อเพลิงความคาดหวังว่าน่าจะได้ดูซีรีส์เกาหลีสายธริลเลอร์ ไซไฟ สยองขวัญ บวกด้วยซีจีจัดหนัก และที่สำคัญต้องคงไว้ซึ่งลายเซ็นดราม่าครองโลกตามแบบฉบับเกาหลีที่แน่นหนึบเข้าเส้นด้วย จากที่ว่ามาถามว่าผิดไหมที่หวังไว้สูง ก็บอกเลยว่า ไม่ใช่ความผิดแต่อย่างใด เพราะซีรีส์ทรงมันมาดีมากจริง ๆ จึงไม่แปลกที่หวังไว้สูงพอมันไปไม่ถึงก็เจ็บหนักอกหักแรงด้วย
ซึ่งตรงนี้พูดแบบแฟร์ ๆ กันก่อนว่า ซีรีส์จัดว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี พอดูได้ ด้วยจุดประสงค์เพื่อผลาญเวลาหรืออยากดูรสแปลกใหม่จากเกาหลีบ้าง แต่ถ้าพิจารณาจากเนื้องานก็บอกได้อีกเช่นกันว่าหนังพร่องในสูตรหนังแนวนี้แบบน่าผิดหวัง ซ้ำร้ายสุด (ซึ่งไม่เคยคิดว่าจะเป็นข้อเสียในหนังเกาหลี) คือส่วนของดราม่าที่เป็นจุดแข็งในบทของเกาหลี เรื่องนี้กลับใส่อย่างสะเปะสะปะและแยกชั้นเป็นส่วนเกินจากการเล่าเรื่องมากเกินไป จนซีรีส์เข้าขั้นพังทางความรู้สึก เรียกว่าอาจต้องเตือนว่าถ้าเวลา 10 ชั่วโมงของคุณมีค่ามากในตอนนี้ ข้ามเรื่องนี้ไปก่อนก็ได้เช่นกัน ไว้เวลาเหลือ ๆ ค่อยมาเก็บทีหลังก็ยังไม่น่าเสียดายอะไร
มาพูดจุดดีบ้าง ด้วยองค์ประกอบทีมงาน และต้นทางเนื้อหาที่แข็งแรงแล้ว ตัวซีรีส์ก็ไม่ได้ฉาบฉวยขนาดลอกลายมังฮวาลงไลฟ์แอ็กชันเลย หากแต่เก็บรายละเอียดสำคัญของมังฮวาไว้ได้ครบดี ใครอ่านมาก่อนนี่จะประทับใจกับการที่ลายเส้นถูกคิดตีความมาเป็นภาพได้น่าสนใจทีเดียว ยกตัวอย่างง่าย ๆ คืออพาร์ตเมนต์ในมังฮวาด้วยลายเส้นที่ง่าย ๆ ก็ทำให้รู้สึกว่าห้องค่อนข้างดูดี แต่พอมาเป็นซีรีส์ทีมงานก็เซ็ตฉากใส่ความทึมเก่าออกมาให้เด่นชัด เพิ่มรสทางตาให้น่าสนใจได้ไปอีก
การแตกฉากแตกช็อตจากมังฮวาก็ตัดทอนดัดแปลงช่องการ์ตูนได้อย่างดี เล่าได้กระชับขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ฉากแอ็กชันจัดว่าดูสนุกขึ้นกว่ามังฮวามาก ๆ อันนี้ต้องชม ยังไม่นับว่ามีการเพิ่มไอเดียสร้างตัวละครใหม่ ๆ เข้ามาในเส้นเรื่องให้คนที่เคยอ่านมังฮวามาก่อนก็คาดเดายากขึ้น ได้มีลุ้นตามคนที่ไม่เคยอ่านมาก่อนด้วยเช่นกัน
จุดดีอีกอันที่สำคัญมากและทำให้บางช่วงที่ซีรีส์เล่าเอื่อยมาก ๆ แต่เรายังทนดูต่อไปได้ นั่นก็คือ ใบหน้าหล่อ ๆ สวย ๆ ของดาราที่งานดีมาก ช่วยชีวิตซีรีส์ไว้ได้จริง ๆ ส่วนตัวคือชอบความเท่ของแก๊งผู้ชาย และชอบมาก ๆ กับความสวยเก๋ หลากสไตล์ของแก๊งฝั่งสาว ๆ เอาเป็นว่าช่วยไหนไม่สนุกก็ช่างมันล่ะ ดูดาราพอ
มาถึงจุดด้อยจุดพังของซีรีส์ อย่างแรกเลยคือ การดีไซน์ฉากโดยรวมประดิษฐ์จัดจ้านเกิดไปจนมันเกินความสมจริงมากไปจนคนดูต่อติดยาก อพาร์ตเมนต์โทรม ๆ พรอปใด ๆ สมจริง แต่พี่แกจัดไฟสีตัดเขียวส้มน้ำเงินเป็นงานแสดงศิลปะเลย ฉากเปิดเรื่องที่ให้เห็นอพาร์ตเมนต์จากด้านล่างก็สูงประมาณหนึ่ง แต่พอเล่นไปได้สักพักมีฉากจากบนตึกมองลงมาราวกับตึกระฟ้าสัก 30-40 ชั้นเอาเสียเฉย ๆ บ้าบอมาก ๆ
ยังไม่นับเรื่องการซ้อนฉากหลังที่ลอยซะดูรู้เลยว่านี่ซีจีนะ หรือการเซ็ตฉากหน้าอพาร์ตเมนต์ที่เปิดเรื่องก็ดูพงหญ้ารก ๆ มีทางเดินเก่า ๆ ปกติ พอปีศาจเริ่มมากลายเป็นไซต์ก่อสร้างเฉยเลย โคตรงง อะไรที่ไม่สมจริงเกินไปพวกนี้ก็คอยถีบเราออกมาจากหนังอยู่ตลอดเวลา
ว่าเรื่องซีจีแล้วก็ลากกันยาว ๆ หนังแนวสัตว์ประหลาดจุดแข็งก็คือสัตว์ประหลาด ที่ดูน่าสนใจ สมจริง ซึ่งในมังฮวาก็บอกเลยว่าดีไซน์สัตว์ประหลาดแต่ละตัวมีเอกลักษณ์น่าสนใจมาก อย่างตัวคล้ายเปรตลิ้นยาว หรือตัวที่หัวหายไปครึ่ง คือติดตามาก ตรงนี้ว่ากันตรง ๆ ซีรีส์ก็ถอดออกมาเป็นโมเดลตัวละครได้ดีล่ะ มีดูลอย ๆ จากฉากอยู่บ้างพออภัย
แต่ที่พังแบบบัดซบคือการแอนิเมตให้เคลื่อนไหว เหมือนดูสต็อปโมชันที่เฟรมเรตน้อยภาพกระตุก ๆ ข้าม ๆ จนตลก ให้สัตว์ประหลาดดีไซน์ดีแค่ไหน น่ากลัวมาจากไหนก็พัง กลายเป็นโคตรขำเสียแทน
ต่อด้วยการเล่าเรื่องบ้าง เอาล่ะว่าตัวเนื้อหาจริง ๆ ชวนสอดรับกับดราม่าภูมิหลังตัวละครมาก ๆ เพราะคนที่จะกลายร่างเป็นหน้าตาอย่างไรนั้นจะขึ้นกับความโลภในใจของแต่ละคนเป็นตัวบันดาล ทว่าซีรีส์แทบไม่ได้ใช้จุดแข็งพวกนี้มาเน้นเลยอย่างน่าเสียดาย สัตว์ประหลาดหลาย ๆ ตัวเลยมาแค่ดูประหลาดแล้วจบไป ยิ่งปมในใจพระเอกก็ไม่ได้ถูกอธิบายให้เข้าท่าเลยว่าสอดคล้องกับพลังของเขาอย่างไร แล้วปมในอดีตพระเอกก็ไม่ได้มาสอดรับเนื้อหาในปัจจุบันของตัวละครหนักแน่นพอเลย เหมือนรู้อดีตแล้วเออน่าสงสาร โอเคจบไป ไม่ได้มาขบคิดอะไรต่อ
และด้วยตัวละครที่มีเยอะมาก เอาว่าหลัก ๆ เห็นหน้าบ่อย ๆ มีบทให้จำก็เกือบ 20 ตัวแล้ว การกระจายบทจัดว่าทำได้แย่มาก ไม่ใช่ว่ากระจายไม่ดีแบบจำใครไม่ได้ แต่อันนี้กระจายดีเกินไป ดีขนาดว่าตัวประกอบบางตัวได้เวลาพอ ๆ กับตัวเอก ยิ่งพระเอกนี่เวลาก็น้อยกว่าเรื่องอื่น ๆ แถมยังการขยี้ปมยังดูด้อยกว่าตัวประกอบบางตัวเสียอีก
บางช่วงยังนั่งนึกว่าเรื่องนี้มีพระเอกหรือเปล่าหว่า หรือพระเอกคือใครกันแน่ระหว่าง ฮยอนซู หรือตัวรองอื่น ๆ เสียด้วยซ้ำ ซึ่งปัญหานี้ยังนำมาซึ่งพัฒนาการของตัวละครขาดน้ำหนัก คือมีเห็นล่ะว่าเปลี่ยนแปลง ทว่ามันเปลี่ยนแบบฉึบฉับตามพล็อตมากกว่าระดับอารมณ์ ไม่มีฉากที่เน้นจุดเปลี่ยนชัดเจน
บ่นสุดท้ายความพังคือซีรีส์แบ่งช่วงสนุกได้ชัดมาก ตอนแรก ๆ ไม่นับพวกซีจียังดูสนุกน่าสนใจ ยาว ๆ ไปจนตอนที่ 4 ยังโอเคอยู่ พอตอนที่ 5 เริ่มแกว่ง ๆ การเล่าเรื่องเริ่มไม่เป็นเอกภาพแล้ว บางฉากเล่นเอางงด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น ตัวละครคิดอะไร ทำไมมันโดด ๆ ข้าม ๆ แปลก ๆ แล้วจบตอน 5 แบบเหมือนหนังจบภาคแรกชัดเจนมาก
ซึ่งหลังจากนั้นเล่าเรื่องได้หมดความน่าสนใจลงเรื่อย ๆ ยิ่งดูยิ่งพัง ทั้งบท ทั้งความน่าเชื่อ ตรรกะเหตุผลตัวละคร ฉากแอ็กชัน คือพร้อมใจกันกราฟร่วง จนกระทั่งมาเริ่มสนุกเอาใหม่ตอนท้าย ๆ สักตอนที่ 9 ปลาย ๆ ถึง 10 นั่นล่ะ ที่เริ่มมีอะไรให้น่าดูบ้าง
แล้วถามว่าจบแบบนี้ถ้าดันให้มีภาคต่อ จะอยากดูมั้ย ก็คงตอบว่าดูได้ล่ะ แต่ไม่ได้อยากรู้อยากดูต่อแบบขอซีซันหน้ามาพรุ่งนี้อะไรแบบนั้น ทิ้งไว้ปีสองปีค่อยมายังไม่นึกเสียดายเลย
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส