Release Date
11/06/2021
Episodes
5 Episodes
Streaming Service
Netflix
Cast
Omar Sy, Ludivine Sagnier, Hervé Pierre
Our score
8.5[รีวิวซีรีส์] LUPIN Part 2 – แผนเช็กบิลสุดเฉียบ…ซับซ้อนแต่ไม่เสียทรง
จุดเด่น
- เดินเรื่องเร็ว ไม่มีเอื่อยให้เสียเวลา
- โอมาร์ ซี ยังคงให้การแสดงที่น่าพอใจเหมือนเดิม
- งานโปรดักชันอลังการมากกว่าภาคที่แล้ว
จุดสังเกต
-
ความลงตัวของบทซีรีส์
8.0
-
คุณภาพงานสร้าง
9.1
-
คุณภาพนักแสดง
8.5
-
ความน่าติดตามในแต่ละตอน
8.0
-
ความคุ้มค่าเวลาในการติดตามชม
9.0
หลังทิ้งระเบิดลูกใหญ่ไว้ในตอนจบซัีรีส์พาร์ตแรก LUPIN กลับมาสานต่อจากจุดที่มันวางไว้เพราะคราวนี้ปมความแค้นระหว่าง ฮัสซาน จ็อบ (โอมาร์ ซี – Omar Sy) และอูแบร์ เพลเลกรินี (เฮิร์ฟ ปิแยร์ – Hervé Pierre) กำลังสะเด็ดน้ำเพราะเพลเลกรินีเริ่มคุกคามและหวังตัดตอนกำจัดจ็อบไปให้พ้นทาง ในขณะเดีัยวกันเกมแค้นคราวนี้เริ่มทำให้จ็อบต้องมองย้อนว่ามันคุ้มค่าหรือไม่หากต้องสูญเสียครอบครัวไป
นับเป็นความชาญฉลาดของผู้สร้างไม่น้อยที่เลือกนำเสนอซีรีส์ชุดนี้ในรูปแบบมินิซีรีส์ (Mini Series) 5 ตอนแล้วแบ่งการเล่าเรื่องออกเป็นภาคแทนการทำซีรีส์ยาว ๆ แล้วให้ผู้ชมรอข้ามปีเพราะนอกจากจะตอบสนองกับความกระหายอยากดูต่อของคนดูได้ทันท่วงทีแล้วมันยังทำให้ระยะเวลาของงานโปรดักชันสั้นลงและสามารถกำหนดโปรแกรมลงสตรีมมิงในระยะเวลาที่ไม่ห่างจากภาคที่แล้วมากนัก
นั่นเลยทำให้เหตุการณ์ที่ซีรีส์ทิ้งในภาคแรกอย่างการที่ ราอูล (เออแตน ซิมง – Etan Simon) ลูกชายของฮัสซานถูกมือสังหารของอูแบร์จับตัวไปและรอยร้าวในความสัมพันธ์ของเขากับแคลร์ (ลูดิวีน ซานเยร์ – Ludivine Sagnier) ถูกสานต่อและติดเครื่องได้เร็วเพราะเนื่องจากเว้นระยะห่างจากซีรีส์ภาคแรกไม่นานนักหรือใครจะเริ่มดูตั้งแต่ภาคแรกก็ไม่ถึงกับเสียเวลาชีวิตนักเพราะก็มีเพียง 5 ตอนเท่านั้นรวมกับภาคนี้ก็ยาวเพียง 10 ตอนเท่ากับดูซีรีส์ซีซันเดียวเท่านั้นเอง
ผลลัพธ์คือ 5 ตอนใน ‘LUPIN’ ภาคนี้ดำเนินเรื่องด้วยสปีดขั้นสุดไม่มีผ่อนไม่มีรั้งให้เสียเวลาดังนั้นการมีข้อมูลของซีรีส์ในภาคแรกจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นมากเพราะเนื้อหาส่วนใหญ่คือการแลกหมัดระหว่างฮัสซานกับอูแบร์แบบไม่มีใครยอมใคร โดยในขณะที่ฝ่ายแรกพยายามจะรักษาครอบครัวเอาไว้ฝ่ายหลังก็ทำให้เห็นอำนาจทางการเมืองที่สามารถเอาตัวรอดไปได้ทุกครั้ง
ยิ่งไปกว่านั้นซีรีส์ภาคนี้ยังให้ความสำคัญกับการเล่าเรื่องราวจากฝั่งตำรวจที่มีมิติมากกว่าแค่ตามจับฮัสซานจนในที่สุดภารกิจล้างแค้นของฮัสซานเลยกลายเป็นขบวนการปราบโกงไปโดยปริยายและคนดูอย่างเราก็อดเอาใจช่วยพระเอกที่หน้าตาอาจไม่ใช่พิมพ์นิยมแต่เสน่ห์เหลือล้นอย่างฮัสซานแบบนั่งไม่ติดเก้าอี้เลยทีเดียว ในขณะเดียวกันเราเองก็ต้องลุ้นให้ฝั่งตำรวจทัี่นำโดยสารวัตรจอมขวัญ เอ้ย ! โซเฟีย บูคาเซม (ชิริน บูเทลลา – Shirine Boutella) ได้ปราบคนโกงสำเร็จเสียที
แต่กระนั้นก็ใช่ว่า ‘LUPIN’ ภาคนี้จะไร้ซึ่งอารมณ์โรแมนติกเสียทีเดียวเพราะคราวนี้บทซีรีส์ได้เอาล่อเอาเถิดด้วยการเล่าเรื่องราวการล้างแค้นของฮัสซานตัดสลับกับภาพแฟลชแบ็ก (flashback) ที่ทำให้ปมความรักของฮัสซานตอนเด็ก (มามาดู ไฮดารา-Mamadou Haidara) ที่มีทั้งความรักและความผิดบาปของเขากับแคลร์ (ลัดมิลลา มาโควสกี – Ludmilla Makowski) และการเริ่มความสัมพันธ์ที่นำไปสู่ความแค้นกับ จูเลียต เพลเลกรินิ (ลีอา บอนนู – Lea Bonneau)
ซึ่งเรื่องราวในวัยเด็กนี่เองที่เสริมความแข็งแรงให้เหตุผลว่าทำไมฮัสซานถึงต้องปกป้องแคลร์และหัวใจของจูเลียดเองก็อ่อนระทวยทุกทีเมื่อได้เจอเขาและทีละน้อยมันก็ทำให้เห็นว่าสิ่งที่ฮัสซานพยายามฉกฉวยมาตลอดหาใช่เพชรนิลจินดาแต่กลับเป็นความรักที่เกิดขึ้นต่างกรรมต่างวาระ แต่ในขณะเดียวกันเราก็ได้เห็นด้านมืดของผู้ชายคนนี้ที่ยอมเล่นกับความรู้สึกของคนที่รักเขาเพื่อให้ได้สะสางบัญชีแค้นอีกด้วย
สรุปแล้วหากให้รีวิวแบบไม่สปอยล์ก็คงต้องบอกว่า ‘LUPIN’ ยังคงมีเรื่องราวที่น่าสนใจให้บอกเล่าต่อไปอีกและซีรีส์ภาค 2 ก็ได้พิสูจน์แล้วว่่าข้อมูลที่ปูไว้ในภาคแรกสามารถนำมาต่อยอดและเพิ่มความเข้มข้นให้เรื่องราวได้ ด้านโปรดักชันก็ต้องบอกว่ามีความยิ่งใหญ่อลังการขึ้นมากทั้งฉากสุสานใต้ดินคาตาคอมส์ ออฟ ปารีส (Catacombs of Paris) และฉากคอนเสิร์ตท้ายเรื่อง ส่วนนักแสดงอย่างโอมาร์ ซีก็ไม่ทำให้ผิดหวังเช่นเคยครับ
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส