[รีวิวซีรีส์] Clickbait: ฆาตกรรม 5 ล้านวิว สุดดราม่าชวนคิด ตายจริงไหม? ใครฆ่า?

Release Date

25/08/2021

ความยาว

8 ตอนจบ

[รีวิวซีรีส์] Clickbait: ฆาตกรรม 5 ล้านวิว สุดดราม่าชวนคิด ตายจริงไหม? ใครฆ่า?
Our score
8.5

Clickbait

จุดเด่น

  1. การเล่าเรื่องที่ชวนติดตาม ชวนคิดตลอดทั้ง 8 ตอนไม่มีแผ่ว รวมทั้งการประยุกต์ชีวิตที่ผูกโยงกับดิจิทัลมาทำให้เรื่องดราม่าความสัมพันธ์ดูมีมิติขึ้นอีกด้วย

จุดสังเกต

  1. โปรดักชันกลาง ๆ ไม่โดดเด่นนักทั้งภาพเสียงการตัดต่อ
  • บท

    9.0

  • โปรดักชัน

    7.5

  • การแสดง

    8.0

  • ความสนุกตามแนวหนัง

    8.5

  • ความคุ้มค่าการรับชม

    9.0

เรื่องย่อ: นิก บรูว์เออร์ สามีและคุณพ่อของลูกชาย 2 คน เขาน่าจะมีครอบครัวที่ดีเช่นแฟมิลีแมนตามปกติ แต่แล้วเช้าวันหนึ่งเขาก็หายตัวไปพร้อมกับปรากฏตัวในคลิปไวรัลที่มีภาพตัวเขาถูกซ้อมและชูป้ายที่มีข้อความว่า เขาเคยทำร้ายและฆ่าผู้หญิง และหากยอดวิวคลิปนี้ถึง 5 ล้านการเข้าชม เขาจะถูกฆ่าตาย ปริศนาถาโถมใส่ครอบครัวของนิก รวมถึง เพีย น้องสาวของนิกที่ยังคงศรัทธาในตัวพี่ชายและออกตามหาความจริงให้ถึงที่สุดเพื่อช่วยพี่ชายของเธอ

ซีรีส์จำนวน 8 ตอนจบบริบูรณ์ของเน็ตฟลิกซ์ ที่มีกลิ่นอายแนวสอบสวนฆาตกรรมที่พัวพันคนไปทั่วเมือง อาจดูคุ้นคล้ายซีรีส์ชิงรางวัลเอมมี่ของฝั่ง HBO อย่าง ‘Mare of Easttown‘ ซึ่งเราเคยรีวิวไปไม่นานนี้ แต่จุดที่ต่างอย่างชัดเจนและเป็นเอกลักษณ์ของซีรีส์เรื่องนี้คงเป็นเงื่อนไขของคดีที่เล่นกับเทคโนโลยีในยุคปัจจุบันอย่างมาก ทั้ง คลิปไวรัล การท้าทายชาเลนจ์ รวมถึงการใช้แอปตามหาคนในโลกจริงไม่ต่างจากเกมโปเกมอนโก เหล่านี้เป็นหัวใจสำคัญที่ถูกใช้เชื่อมสร้างระหว่างทางให้การไล่ล่าความจริงมีความเป็นปัจจุบัน และยังถูกใช้เป็นหัวใจของเรื่องที่กลับมาบาดจิตใจผู้ชมในตอนหลังได้อีก

Clickbait

ต้องชื่นชม โทนี่ อายร์ส (Tony Ayres) และ คริสเตียน ไวท์ (Christian White) สองผู้สร้างที่หาวิธีเล่าได้ลงตัว โดยเฉพาะรายหลังเคยเขียนบทหนัง ‘Relic’ (2020) ที่ตีความโรคชราได้อย่างสร้างสรรค์ ใน ‘Clickbait’ เองแม้หน้าหนังจะดูเป็นหนังแนวสืบสวนไซเบอร์ แต่เนื้อในก็ยังคือหนังที่ว่าด้วยความสัมพันธ์ในครอบครัวที่มักมีความลับ มีความไม่ไว้ใจระหว่างกัน และถูกเอามาเป็นเชื้อในยามเกิดความบาดหมาง เช่นการหายตัวไปของใครสักคนได้อย่างดี และความแข็งแกร่งของเส้นเรื่องกับตัวละครนี้ล่ะ ที่เอามาเล่าพลิกแพลงอย่างไรก็ยังสนุก

Clickbait

ซีรีส์ในแต่ละตอนจะตั้งชื่อตามตัวละครที่จะเป็นมุมมองหลักในการเล่าของตอนนั้น ๆ เช่น ตอนแรกชื่อตอน น้องสาว ก็จะเล่าผ่านสายตาตัวละครหลักอย่าง เพีย (ซู คาซาน (Zoe Kazan) จาก ‘The Big Sick’) น้องสาวแท้ ๆ ของ นิก (เอเดรียน เกรเนียร์ (Adrian Grenier) จาก ‘The Devil Wears Prada’) พี่ชายของเพียที่ได้หายตัวไป เราได้เห็นความสัมพันธ์ของเธอและวิธีคิดที่เพียมีต่อนิกไปพร้อมกับสถานการณ์ที่เดินไปข้างหน้า เมื่อนิกปรากฏเป็นคลิปไวรัลปริศนา เธอคือคนที่สติแตกและเชื่อมั่นในตัวพี่ชายที่สุดพร้อมไล่ล่าทุกความจริงเพื่อช่วยชีวิตพี่ชาย

และจุดสำคัญคือเธอยังเป็นตัวแทนของผู้ชมในการพาไปรู้จักตัวละครอื่น ๆ ที่รายล้อมเรื่องราวอยู่ ทั้ง โซเฟีย พี่สะใภ้ของเธอ (เบ็ตตี กาเบรียล (Betty Gabriel) จาก ‘Get Out’) อีธานและไค หลานชายทั้งสอง หรือ โรชาน ตำรวจที่กำลังเดตกับเธอ เป็นต้น สาเหตุหนึ่งที่เธอกลายเป็นผู้นำเสนอในตอนแรก เพราะเธอเป็นเหมือนศูนย์กลางของเรื่องที่ให้ผู้ชมเกาะติดตามเรื่องราวไปได้โดยไม่สับสนนั่นเอง

Clickbait

เมื่อเปลี่ยนตอนไป และมุมมองการเล่าเรื่องก็เปลี่ยนไปยังตัวละครใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็น ตอนที่ชื่อตำรวจ ภรรยา หรือชื่ออื่น ๆ สิ่งที่ทำได้แปลกใหม่สำหรับหนังแนวที่เปลี่ยนมุมมองของตัวละคร เดิมจะมักใช้เพื่อเล่าย้ำเหตุการณ์เก่า แต่เปลี่ยนมุมมองการรับรู้ให้เห็นแง่มุมที่แตกต่างเปลี่ยนไปเมื่อเปลี่ยนตัวละคร แต่กับเรื่องนี้ตัวละครนำของตอนจะเป็นผู้ผลักเรื่องให้เดินต่อไปข้างหน้าเรื่อย ๆ การวางแผนวางบทกำหนดเส้นเรื่องและผลกระทบที่ตัวละครจะส่งต่อกันไปเมื่อเปลี่ยนตอนนั้น จึงเป็นอะไรที่น่าสนุกทั้งคนคิดบทและคนดู ดังนั้นสำคัญทีเดียวที่อย่าพยายามไปดูชื่อตอนหลัง ๆ เพื่อป้องกันการคิดไปล่วงหน้าก่อนว่าตัวละครไหนจะมีมีส่วนเกี่ยวข้อง

ซีรีส์อาจใส่ความหลากหลายที่หนังยุคใหม่ต้องมีนำเสนอมาอย่างครบครันทั้ง LGBTQ มุสลิม คนผิวดำ คนเอเชีย เนิร์ด ฮิคิโคโมริ น่าจะมีคนชายขอบหลากประเภทที่สุดในเรื่องเดียวเลยทีเดียว ต้องยอมรับว่าหนังหลายเรื่องพยายามใส่พวกนี้เข้ามาแต่ไม่เข้ากับเรื่องจนคนดูรู้สึกฝืน ซึ่งกับเรื่องนี้ก็มีความรู้สึกขืนแบบนั้นอยู่บ้าง แต่หลายตัวละครก็ใส่มาได้ลงตัวเหมาะกับสถานการณ์ดีมาก ๆ จนเรามองข้ามความรู้สึกยัดเยียดไปได้

Clickbait
โรชาน เจ้าหน้าที่ตำรวจมุสลิม ดูเขาต้องผ่านความยากลำบากหลังเหตุการณ์ 911 มาไม่น้อย

กล่าวถึงจุดแข็งต่าง ๆ ไปเยอะแล้ว ถามว่าอะไรเป็นจุดแข็งที่สุดของเรื่องล่ะ มันคือความสนุกในการติดตามหาความจริงนี่ล่ะ แม้มุกพวกเวลาจำกัดบีบบังคับตัวละครอย่างเมื่อยอดวิวครบ 5 ล้านวิว ตัวละครจะถูกฆ่าจะไม่ได้ถูกเอามาใช้ตลอดทั้งเรื่อง แต่แค่ความจริงใหม่ ๆ ที่ถูกเผยผ่านตัวละครต่าง ๆ ขึ้นมาเรื่อย ๆ มันก็น่าตกใจและชวนให้อยากรู้บทสรุปจริง ๆ เรียกว่าสมองได้ทำงานกันเต็มกำลังเลยทีเดียวระหว่างดู ทั้งต้องคอยมองหาพิรุธต่างๆ และความเป็นไปได้อื่น ๆ เพื่อไตร่ตรองว่าสรุปคน ๆ นี้ โดยเฉพาะตัว นิก เอง พวกเขาคือคนดีหรือคนไม่ดีกันแน่

Clickbait

และไม่ใช่เพียงความอยากรู้ในเซลล์สมองที่ทำงาน หัวใจเราก็ทำงานไปพร้อม ๆ กับตัวละคร เพราะเมื่อความจริงหนึ่งอย่างเปิดเผยขึ้น มันก็บีบใจคนดูไปพร้อม ๆ กัน

และบอกได้เลยว่าบทสรุปของเรื่องนั้น ยากจะคาดเดามาก ๆ รวมถึงเมื่อเรารู้ทั้งหมดแล้วมันก็ชี้ชวนให้เราคิดไปในเรื่องรอบ ๆ ตัวเรา หนังที่หยิบเอาชีวิตที่ถูกเทคโนโลยีเข้ามาเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์คนรอบตัวได้อย่างมหาศาลในขณะนี้ อาจเป็นหนึ่งในโศกนาฏกรรมที่เข้ายุคเข้าสมัยทีสุดทีเดียว

Clickbait

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส