ใน ‘Squid Game’ ซีรีส์แนวเกมเอาชีวิตรอดเรื่องดังของเน็ตฟลิกซ์ ตัวละครจะได้รับการท้าจากชายปริศนาที่มาขอเล่นเกมด้วย (ซึ่งได้ กงยู รับเชิญมาแสดงในบทนี้) หลังจากการเล่นเกมพวกเขาจะได้นามบัตรหากสนใจไปเล่นเกมที่ใหญ่กว่าและเงินรางวัลสูงกว่ามาก โดยนามบัตรนั้นด้านหนึ่งเป็นรูปเลขาคณิตอย่าง วงกลม สามเหลี่ยม และสี่เหลี่ยม ส่วนอีกด้านจะเป็นตัวเลข 8 ตัวแสดงเบอร์โทรศัพท์สำหรับติดต่อผู้จัดการแข่งขัน
ซึ่งตามปกติแล้วเวลามีการใช้เบอร์โทรศัพท์ในสื่อบันเทิงทั้งหลายก็มักจะสมมติเบอร์ที่ไม่มีอยู่จริงขึ้นมา หรือใช้การเลี่ยงให้เห็นเบอร์โทรศัพท์ทั้งหมด เพื่อป้องกันการโทรรบกวนเจ้าของเบอร์ที่มีการใช้งานจริงจากเหล่าแฟนหนังแฟนซีรีส์ที่อยากลองโทรหาตัวละครในเรื่องดู
แต่ในซีรีส์ ‘Squid Game’ แม้จะนำเสนอตัวเลข 8 ตัวบนนามบัตร โดยไม่มีเลขก่อนหน้านั้นว่าเป็นเบอร์อะไร เช่น ของเบอร์โทรศัพท์มือถือในเกาหลีก็มีเลขนำหน้าตั้งแต่ 010 ไปจนถึง 019 แต่ก็แน่นอนว่าคนเกาหลีที่คุ้นชินย่อมอยากลองสุ่มเลขนำหน้าเพื่อโทรหาอยู่แล้ว และความโชคร้ายคือในบางหมายเลขนำหน้านั้นเมื่อต่อด้วยเลข 8 ตัวตามซีรีส์ กลับไปตรงกับเบอร์ที่มีการใช้งานจริงด้วย จนเจ้าของเบอร์เดือดร้อนเป็นอย่างมาก
สื่อท้องถิ่นได้รายงานว่ามีผู้ใช้เบอร์รายหนึ่งให้สัมภาษณ์ว่า เขาใช้เบอร์นี้มานานกว่าสิบปี ซึ่งมันคงยากที่จะเปลี่ยนเบอร์เพราะเรื่องนี้ เขาได้รับสายกว่า 4,000 ครั้งต่อวัน รวมถึงข้อความที่ส่งเข้ามาหาอีกนับไม่ถ้วนจนชีวิตไม่เป็นอันได้ทำอะไร ตัวเขาเองไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเพราะไม่ได้ดูซีรีส์เรื่องนี้ แต่หนึ่งในคนที่โทรมาก่อกวนได้บอกเขาว่าเพราะเบอร์ของเขาไปปรากฏในซีรีส์เรื่องนี้นั่นเอง
นอกจากนี้ยังมีผู้ใช้โทรศัพท์อีกรายได้ทวีตแจ้งความเดือดร้อนในแบบเดียวกันว่า เบอร์ในเรื่องนั้นคล้ายกับเบอร์ที่เขาใช้และทำให้ถูกคนไม่รู้จักโทรมาก่อกวนจำนวนมาก เขาลงท้ายข้อความว่า ผู้กำกับของซีรีส์ควรรีบติดต่อหาเขาเดี๋ยวนี้ เพราะนี่มันเป็นเรื่องที่แย่มาก
ปัญหานี้ที่ฮอลลีวูด กับเลข 555 สุดโด่งดัง
กรณีที่ดังที่สุดเรื่องหนึ่ง และคล้ายกรณีของ ‘Squid Game’ คือ หนังเรื่อง ‘Bruce Almighty’ (2003) ซึ่งตัวละครของ จิม แคร์รีย์ (Jim Carrey) สามารถติดต่อกับพระเจ้าได้ผ่านเบอร์ 776-2323 ซึ่งทีมสร้างตรวจสอบแล้วว่าเบอร์นี้ไม่มีใช้งานจริงในเมืองที่ทำการถ่ายทำ แต่ลืมไปว่าเบอร์เดียวกันนี้ยังมีคนใช้งานจริงอยู่ในอีกกว่า 30 เขตทั่วสหรัฐ และเมื่อแฟนหนังอยากโทรหาพระเจ้าบ้างความเดือดร้อนจึงไปลงกับเจ้าของเบอร์ตัวจริงทั้งหลายในเมืองต่าง ๆ จนเกือบกลายเป็นคดีฟ้องร้องกับทางค่ายหนังเลยทีเดียว และทำให้ภายหลังตัวหนังที่ลงฉายในวิดีโอตามบ้านจึงเปลี่ยนเลขโทรศัพท์ในเรื่องไปเป็น 555-0123 แทน
คำถามต่อมาจึงเป็นว่าทำไมถึงต้องเป็น 555
เลข 555 ถูกนำมาใช้ผสมสร้างเบอร์โทรศัพท์ปลอมในหนังและซีรีส์โทรทัศน์นับตั้งแต่ทศวรรษ 1960 เพราะกลุ่มตัวเลขดังกล่าวจำนวนมากถูกกันเอาไว้ใช้เพื่องานบันเทิง งานเรื่องแต่งเรื่องสมมติทั้งหลาย ป้องกันปัญหาที่จะตามมาในลักษณะดังที่เกิดในหนัง ‘Bruce Almighty’ นั่นเอง
ตัวอย่างหนังที่มีการใช้เลขดังกล่าวก็อย่างเช่น เบอร์โทรศัพท์ของสำนักงานนักปราบผีใน ‘Ghostbusters’ (1984) ที่ใช้เลข 555-2368 เป็นต้น แฟนหนังฮอลลีวูดมักพบเจอเบอร์โทร 555 นี้เป็นประจำ และสามารถรู้ได้ทันทีเมื่อในหนังปรากฏเบอร์นี้ว่าเป็นเบอร์สมมติที่โทรไปจะไม่ติดไปที่ใดเลย
เบื่อเลขปลอม งั้นให้เบอร์จริงไปเลย
มีเหมือนกันที่ผู้สร้างหนังเอียนกับการใช้เลข 555 อย่างผู้กำกับ จอร์จ โนลฟี (George Nolfi) ที่บอกว่าเขาเกลียดเลข 555 มาก เพราะเขาตั้งใจทำหนังอย่าง ‘The Adjustment Bureau’ (2011) มาทั้งเรื่องเพื่อให้คนดำดิ่งเชื่อในเรื่องราวที่เกิดขึ้น แล้วอยู่ดี ๆ คนดูก็เห็นเบอร์ 555 แล้วก็จะตระหนักว่านี่มันเรื่องปลอม ๆ นี่นา
เขาจึงลองร้องขอไปทางค่ายหนังยูนิเวอร์แซล พิกเจอร์ส (Universal Pictures) และพวกเขาก็ให้เบอร์ที่มีอยู่จริงแต่ไม่มีการใช้งานมาให้ และนั่นทำให้ในหนังเราจึงได้เห็นหมายเลขโทรศัพท์ของเขตนิวยอร์ก 212-664-7665 ปรากฏแทนเบอร์ที่ดูรู้ว่าปลอม แต่แน่นอนมันเป็นเบอร์ของค่ายหนังเองจึงไม่มีทางไปสร้างความเดือดร้อนให้ใคร และแม้จะมีคนโทรเข้าไปก็จะไม่มีการตอบรับอยู่ดี
ซึ่งค่ายยูนิเวอร์แซลเองก็ใช้เบอร์จริงในลักษณะเดียวกันกับหนังของค่ายตัวเองหลายเรื่องแล้ว เช่น ‘Definitely, Maybe’ (2008) หรือ ‘Scott Pilgrim vs. the World’ (2010) เพื่อแก้ปัญหาความไม่สมจริงนั่นเอง
หรือในหนังอย่าง ‘John Wick: Chapter 2’ (2017) ก็มีฉากที่ส่วนกลางส่งข้อความไปยังเบอร์โทรของนักฆ่าต่าง ๆ เพื่อออกคำสั่งฆ่า จอห์น วิก ซึ่งล้วนเป็นเบอร์ที่ดูเหมือนจริง อย่าง 315-194-6020 หรือ 315-077-2231 ด้วย แต่เมื่อโทรแล้วจะพบว่าเบอร์นั้นยังไม่มีการเปิดใช้งาน เป็นต้น
ให้เบอร์โทรศัพท์เพื่อโปรโมตหนังอีกทีก็ดีเหมือนกัน
เมื่อผู้สร้างและทีมการตลาดของค่ายหนังต่างทราบดีว่า ไม่อาจห้ามปรามความอยากรู้อยากเห็นของแฟนหนังแฟนซีรีส์ได้ งั้นให้เบอร์จริงไปเลยเพื่อทำการโปรโมตตัวหนังอีกทีก็ดีเหมือนกัน
กรณีที่โด่งดังก็ต้องเป็นหนังเรื่อง ‘Magnolia’ (1999) ของ พอล โธมัส แอนเดอร์สัน (Paul Thomas Anderson) ที่เมื่อโทรไปจะได้ยินเสียงของตัวละครในหนังซึ่งแสดงโดย ทอม ครุยส์ (Tom Cruise) เป็นเสียงตอบรับมาให้แฟน ๆ ฟินกันไปเป็นต้น
จะเห็นว่ายังมีทางออกอีกมากมายในการนำเสนอเบอร์โทรศัพท์ในหนังหรือซีรีส์ เพียงแค่ผู้สร้างใส่ใจหรือมองผลกระทบอย่างรอบด้านมากกว่านี้ หวังว่ากรณีเช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นอีกไม่ว่าจะในสื่อบันเทิงชาติใดก็ตาม
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส