Our score
8.0[รีวิว] Emily in Paris ss2 : รักซับซ้อนของเอมิลี่
จุดเด่น
- ยังคงเป็นซีรีส์ที่ย่อยง่ายอยู่เหมือนเดิม เบื่อ ๆ เพลีย ๆ ดูเอมิลี่จ้ะและลุ้นไปกับความรักแซบหวานของเธอ
- บทให้ความสำคัญกับตัวละครอื่น ๆ เยอะขึ้นและเห็นความสัมพันธ์ที่พัฒนาของตัวละคร
- เพลินเพลินไปกับเพลงเพราะ ๆ ตลอดเรื่อง จุดนี้ให้อรรถรสในการดูขึ้นอีกเป็นกอง ชอบค่ะ
- แฟชันจัดเต็ม อิ่มตา อลังการมากกว่าเดิม
จุดสังเกต
- บทบางตอนที่ควรจะให้ความสำคัญมากกว่านี้กลับห้วน สั้น จนดูตั้งใจกัดมากไปสักนิด
- ดำเนินเรื่องต่อเนื่องจากซีซันที่แล้ว ไม่มีอะไรแปลกใหม่ไปกว่าเดิม
EMILY IN PARIS ซีซัน 1 จบลงไปด้วยการทิ้งความสงสัยเอาไว้ว่า ชีวิตรักของเอมิลี่จะไปยังไงต่อ เพราะดูท่าทางมันจะกลายเป็นรักสามเส้าไปแล้วจริง ๆ ถึงแม้ว่าตอนนี้ชีวิตในปารีสของ ‘เอมิลี่’ (Lily Collins) เริ่มเข้าที่เข้าทางมากขึ้น เธอเริ่มคุ้นเคยกับการใช้ชีวิตในปารีส แต่ยังต้องปรับตัวกับวิถีชีวิตของชาวฝรั่งเศสที่แตกต่างจากอเมริกา รวมไปถึงวังวนรักสามเส้าระหว่าง ‘เกเบรียล’ (Lucas Bravo) เชฟหนุ่มสุดหล่อ กับ ‘คามิลล์’ (Camille Razat) เพื่อนสาวคนสวย ที่เอมิลี่ได้เคยมีค่ำคืนอันเร่าร้อนกับน้องชายวัย 17 ของเธอ
แต่ชีวิตของเอมิลี่ก็มักจะมีอะไรมาเล่นตลก เมื่อซีซันนี้เอมิลี่ได้พบกับ ‘อัลฟี่’ (Lucien Laviscount) เพื่อนใหม่ชาวอังกฤษในคลาสเรียนภาษาฝรั่งเศสที่ทำให้ชีวิตของเธอมีสีสันมากขึ้นไปอีก บวกกับหน้าที่การงานที่พัฒนาไปอีกขั้นและทำให้เธอต้องมีการตัดสินใจอีกแล้วละ
ขนมมิลเฟย แห่งมหานครปารีส
ใครที่เคยดูซีซัน 1 มาแล้ว ไม่จำเป็นจะต้องไปดูอีกครั้งเพื่อทบทวนความจำอะไรเลย เพราะความเดิมตอนที่แล้วจะรื้อฟื้นความจำของคุณออกมาเกือบหมด คุณจะบอกว่า อ๋อใช่แล้ว ซีซันแรกมันค้างไว้ที่ตรงนี้นี่นา และเรื่องราวก็จะดำเนินต่อไปจากตรงนั้นทันที ในช่วงที่เกเบรียลตัดสินใจอยู่ปารีสต่อไป เพราะมีนายทุนในการเปิดร้านให้ แต่ปัญหาต่อมาก็คือเอมิลี่จะทำยังไงเมื่อดันกินแซ่บสั่งลากันไปแล้ว แต่เขาไม่ไปนี่สิ แถมเพื่อนรักอย่างคามิลล์ก็ยังมีเยื่อใยกับเขาอยู่ รักสามเส้าจะไม่เกิดก็ไม่ได้แล้วละ คราวนี้
ก็ต้องบอกว่าเป็นการเดินต่อจากซีซันที่แล้ว แบบหยุดเทปแล้วเปิดต่อกันเลยนั่นแหละค่ะ บรรยากาศต่าง ๆ ยังคงเป็นมหานครปารีสในฝันกันอยู่ ไร้มุมอับชื้นใด ๆ ทั้งสิ้น ชนิดที่ภาพสวยรวยความสุข แน่นอนอยู่แล้วที่จะไม่มีการเล่าถึงมุมมืดในปารีส เพราะซีรีส์เรื่องนี้ร่ำรวยไปด้วยบรรยากาศฟิลกู้ด มิติสมจริงที่ควรจะเป็นไม่ต้องไปถาม เพราะอาหารจานนี้ตั้งใจมาเสิร์ฟมิลเฟย (Millefeuille) ให้คุณกินอร่อยหวานลิ้นกันเพลิน ๆ เท่านั้นเอง
ผู้คนต่างใช้ชีวิตกันอย่างสโลว์ไลฟ์ ไม่ทำงานในวันหยุด ไม่คุยเรื่องงานในปาร์ตี้ และร่ำรวยไปด้วยอารมณ์ของศิลปะ แต่สิ่งที่น่าเสียดายก็คือ ความสวยงามของมหานครปารีสดอร์ปลงไปจากซีซันที่แล้ว กลายเป็นบรรยากาศมุมแคบ ๆ ที่เน้นไปที่ชีวิตของตัวแสดงมากกว่า โดยเฉพาะชีวิตรักของเอมิลี่ และแอร์ไทม์ที่มีมากขึ้นของ ‘มินดี้’ (Ashley Jini Park) เพื่อนสาวจากประเทศจีนของเธอ
มหานครแห่งความโรแมนติก
จะบอกว่าซีซันนี้เป็นการย้ำเตือนความโรแมนติกของปารีสด้วยเสียงเพลงก็คงไม่ผิด แต่คนที่นำความโรแมนติกมาสู่ซีซันนี้กลายเป็นหน้าที่ของแอชลีย์ พัก ในบทของมินดี้รูมเมตชาวจีนของเอมิลี่นี่เอง ก็สมดีกรีนักร้องนักเต้นของเธอเลยละค่ะ เราจะได้ฟังเพลงเพราะ ๆ มากมายแบบเต็มอิ่มจากเสียงร้อง และเรื่องราวของมินดี้กับผู้ชายของเธอ ที่เล่าเพิ่มเข้ามาแบบให้ความสำคัญเอามาก ๆ ซะด้วยสิ ทั้งเรื่องราวความรัก ดราม่าในชีวิตและแน่นอนเสียงร้องที่ไพเราะฟังเพลินที่เสิร์ฟออกมาตลอดทั้งเรื่องกันเลยเชียว
ส่วนนี้ตอกย้ำความหลงไหลของเอมิลี่ได้ดี ว่าชีวิตที่เธอมีอยู่ ณ ขณะนี้เป็นความสุขที่จับต้องได้ การงานที่ถึงแม้จะมีปัญหามาให้เธอแก้ได้อยู่ตลอดเวลาไม่ต่างจากซีซันที่แล้ว แต่ความสนุกสนานและชีวิตใหม่ที่รายล้อมอยู่รอบตัว เพื่อนแท้ที่เธอหาได้จากที่นี่ เพื่อนร่วมงานที่เริ่มเข้าขาและเห็นว่าเธอคือคนสำคัญคนหนึ่งขององค์กร ความเข้าใจในมหานครแห่งนี้ที่มีมากขึ้นจนสามารถแนะนำคนอื่นได้ และการตัดสินใจครั้งใหม่ที่กำลังจะเกิด ก็กลายเป็นหัวเชื้อให้มีอะไรเล่าต่ออีกได้ใน ซีซัน 3
แต่ในเมื่อเรื่องนี้คือ EMILY IN PARIS เรื่องราวทั้งหมดก็เทไปที่เอมิลี่เพียว ๆ อยู่ดี ซีซันที่แล้วทิ้งไว้ด้วยความรักสามเส้า ซีซันนี้ก็สานต่อความสามเส้านั้นให้เพิ่มมากขึ้นไปอีกด้วยมิตรภาพใหม่ของเอมิลี่ และโฟกัสอยู่ในเรื่องราวเหล่านั้น จนแทบจะเปลี่ยนชื่อเรื่องเป็น ‘รักวุ่นวายของยายเอมิลี่’ อยู่แล้ว และสิ่งที่ซีซันนี้เพิ่มเติมมากขึ้นไปอีกคือการจัดเต็มในส่วนของคอสตูม ที่เชื่อแน่ว่างบประมาณส่วนใหญ่ได้เทไปที่ชุดของเอมิลี่ ที่เปลี่ยนบ่อยเปลี่ยนเก่งยิ่งกว่านางแบบบนแคทวอล์กเสียอีก จนเกิดโลเคชันซ้ำ ๆ ที่วนเวียนเล่า แต่ก็ยังเหมาะสมอยู่ในบทของมันนั่นแหละ
แถมไปด้วยสีสันของชุดที่ฉูดฉาด โดดเด่นชนิดที่ผู้คนในปารีสไม่มีใครจัดจ้านเท่าเธออีกแล้วละจ้ะ และสิ่งที่ซีซันนี้ต่างออกไปอีกก็คือการทำให้ตัวละครอื่น ๆ มีบทบาทมากขึ้น เป็นการบอกว่าชีวิตของเอมิลี่มีคนเหล่านี้รายล้อมอยู่นะ สปอร์ตไลต์ดวงโตไม่ได้ฉายไปที่เธอเพียงคนเดียว และชีวิตของพวกเขาเป็นอย่างไรบ้าง เผยให้เห็นความสัมพันธ์ที่ชัดขึ้น จนสร้างความผูกพันในใจให้ตัวละครได้อย่างมีเหตุผลโดยไม่ลืมการจิกกัด เปรียบเปรยในเรื่องวิถีชีวิต ความคิด รสนิยมของชาวฝรั่งเศสกับฝั่งอเมริกาว่าต่างกันขนาดไหน โดยเฉพาะบทของ ‘ซิลวี่’ (Philippine Leroy-Beaulieu) บอสฝรั่งเศส ที่ต้องปะทะคารมณ์กับบอสฝั่งอเมริกา
บทตั้งใจให้เห็นความต่างอย่างทางความคิดและพร้อมจะบอกกับทุกคนว่า คนฝรั่งเศสใช้หัวใจทำงานและละเอียดอ่อนต่อความรู้สึกแค่ไหน ซึ่งความละเอียดอ่อนนี้คนที่ให้ความสำคัญกับตัวเงินเป็นอันดับหนึ่ง ไม่มีวันเข้าใจ เรียกว่าเป็นการเหยียดกันไปเหยียดกันมา จิกกัดแบบเจ็บ ๆ คัน ๆ ที่ตั้งใจกัดจนทำให้บทส่วนนี้ขาดชั้นเชิงที่ควรจะเป็นอย่างบอกไม่ถูก ก็แอบเสียดายอยู่นิด ๆ ในจุดนี้ เพราะเป็นเนื้อหาส่วนเข้มข้นของเรื่องที่จะเป็นจุดตัดสินใจในชีวิตของเอมิลี่เลยทีเดียว และจุดนี้เป็นอีกจุดหนึ่งที่จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญทั้งในด้านอาชีพการงานและความรักของเอมิลี่ ที่ปูทางเอาไว้ให้เล่าต่อใน ซีซัน 3
EMILY IN PARIS
- ผลงานการผลิตของ : MTV Entertainment Studios, Darren Star Productions และ Jax Media
- จำนวนตอน : 10 ตอนจบซีซัน
- Original network : Netflix
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส