‘Forecasting Love and Weather’ คือซีรีส์เกาหลีเรื่องใหม่ของ Netflix ที่จะพาคุณไปส่องการทำงานของเหล่านักพยากรณ์อากาศเกาหลีใต้ ท่ามกลางเรื่องราวความรักที่ไม่ต่างกับสภาพอากาศต่าง ๆ ที่แปรปรวนไปมาอยู่เรื่อย ๆ นี่ถือเป็นซีรีส์ที่งานเนี้ยบมาก ๆ เพราะใช้เวลาเกือบ 3 ปี ในการศึกษารายละเอียดและเก็บข้อมูลเกี่ยวอาชีพนี้ จนทำให้ซีรีส์เรื่องนี้มาแรงแซงโค้งกว่าซีรีส์สุดสัปดาห์เรื่องอื่น ๆ ของ Netflix เลยก็ว่าได้
‘Forecasting Love and Weather’ บอกเล่าเรื่องราวความรักของจินฮากยอง รับบทโดย พัคมินยอง (Park Min-young) ที่สาบานว่าจะไม่คบใครในที่ทำงานเดียวกันอีก หลังถูกแฟนเก่า ฮันกีจุน รับบทโดย ยุนพัค (Yoon Park) ที่ทำงานอยู่ด้วยกันที่กรมอุตุนิยมวิทยาของเกาหลี (KMA) นอกใจหลังคบกันมานานถึง 10 ปี กระทั่ง อีชีอู รับบทโดย ซงคัง (Song Kang) นักพยากรณ์อากาศไฟแรง ที่เข้ามาประจำการที่กรมอุตุนิยมวิทยา ก็ได้ทำให้ชีวิตรักของจินฮากยองกลับมากระชุ่มกระชวยอีกครั้ง
จะว่าไปความสัมพันธ์ที่จบไม่สวยของจินฮากยองกับฮันกีจุน เปรียบเหมือนหมอกจาง ๆ ที่บดบังวิสัยทัศน์ในการมองความรักครั้งใหม่ของจินฮากยองเลยก็ว่าได้ อีชีอู ชื่อที่มีความหมายว่า ‘ฝนที่ตกลงมาในเวลาที่เหมาะสม’ ช่วยทำให้หมอกจาง ๆ ในใจของจินฮากยองค่อย ๆ หายไปทีละเล็กทีละน้อย แต่ฝนตกครั้งนี้ก็พาพายุลูกใหม่เข้ามาด้วย จากความสัมพันธ์ของหัวหน้าและลูกน้อง ได้เลื่อนขั้นเป็นแฟนที่ต้องแอบคบกันแบบไม่ให้เพื่อนร่วมงานจับได้
“ทัศนวิสัย หมายถึงระยะที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่ระยะที่ว่านี้ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมรอบข้าง มันสามารถถูกบดบัง ถูกทำให้แคบลงและบิดเบือนได้ง่าย ๆ” ดังสายฝนที่ตกว่าจะบดบังทัศนวิสัยหรือจะช่วยให้พืชพันธุ์เจริญเติบโตสวยงาม เหมือนกับความรักในที่ทำงานว่าจะก้าวหน้าหรือถูกเพื่อนร่วมงานมองแรงใส่ แล้วคุณละคิดว่าการมีความรักนี่ทำงานเดียวกันมันมีข้อดี-ข้อเสียยังไง? เรามาหาคำตอบกันดีกว่า
เริ่มที่ข้อดีของการคบกันในที่ทำงานก่อนเลยว่ามีอะไรบ้าง
- เข้าใจกันและกันมากขึ้น ยิ่งใกล้กันก็ยิ่งมองเห็นความสุขและความทุกข์ของอีกฝ่ายมากขึ้น ทำให้เข้าใจอีกฝ่ายมากขึ้น เพราะถ้าไม่ได้อยู่ที่เดียวกันก็คงนึกภาพไม่ออกเลยว่าแต่ละคนต้องเจออะไรในแต่ละวันบ้าง
- ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน ถ้าอยู่แผนกเดียวกันคงฟินมากแน่เพราะเจอกันตลอดเวลา แถมยังสบายใจด้วยที่เห็นอีกฝ่ายทำอะไร เพราะถ้าทำงานต่างที่ต่างแผนกคงจะมีเวลาไม่ตรงกันและไม่ค่อยมีเวลาให้กันเหมือนวันแรก ๆ ที่คบกันใหม่ ๆ
- ได้รับพลังบวก ความรักก็เหมือนโลกสีชมพู ยิ่งคบกันใหม่ ๆ ยิ่งอยากเจอกันมากยิ่งขึ้น ช่วงที่เหนื่อยจากการทำงานก็คงอยากได้อ้อมกอดของใครสักคนที่มาชาร์จแบตเตอรี่ชีวิตให้หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง หรือโดนหัวหน้าดุมาก็คงอยากได้กำลังหรือคำปลอบโยนจากคนรักให้มีแรงสู้งานต่อ
นอกจากข้อดีของการคบกันที่ทำงานเดียวกันแล้ว งั้นเรามาดูข้อเสียกันบ้างดีกว่า ว่ามีอะไรบ้าง
- ความซับซ้อนระหว่างความรักกับงาน เวลามีปัญหาเรื่องงาน บางครั้งสถานะเพื่อนร่วมงานกับแฟน อาจปนกัน จนแยกไม่ออกเลยว่าตอนนี้กำลังใช้ความรู้สึกส่วนตัวแก้ปัญหาอยู่หรือเปล่า จนปัญหาที่เล็กนิดเดียวกลับกลายเป็นปัญหาที่ใหญ่โตกว่าเดิม หรือเกิดความลำเอียงขึ้นในที่ทำงาน เช่น ช่วยให้แฟนได้ประโยชน์จากงานนั้น ๆ ทำให้เพื่อนร่วมงานคิดว่าคุณไม่แฟร์ที่ใช้ความรักมาตัดสินความสามารถสักมากกว่า จนอาจเกิดความบาดหมางหรือผิดใจกันในที่ทำงานเลยทีเดียวเชียว
- ระยะที่ใกล้เกินไป ทำให้รู้สึกอึดอัด ทุกความรักต้องการระยะห่างและให้เวลาส่วนตัวกับอีกฝ่าย เพื่อให้นั่งทบทวนหรือออกไปสังสรรค์กับเพื่อนกับฝูง เจอกันสังคมที่หลากหลายบ้าง อย่าตัวติดกันเป็นตังเม ถ้ามีปัญหากัน แล้วต้องเจอหน้ากันตลอด ปัญหานั้นอาจไม่ถูกแก้และทำให้โมเมนต์ความสุขสีชมพูกลายเป็นสีดำก็ได้
- เลิกกันแล้ว แต่ยังต้องเจอกันทุกวัน เมื่อถึงคราวต้องเลิกลากันละ จะทำยังไง แถมยังต้องเจอหน้ากันเกือบทุกวันคงจะอึดอัดกันไม่น้อยเลย บางคนอาจมองหน้ากันไม่ติดเลยก็ได้ สร้างบรรยากาศไม่ดีให้กับเพื่อนร่วมงานสุด ๆ ไปเลย
เป็นยังไงกันบ้างกับข้อดี-ข้อเสียของการมีความรักในที่ทำงานที่เรานำมาให้ คุณเห็นด้วยหรือเปล่ากับการมีความรักในที่ทำงานเดียวกัน แต่ตอนนี้สำหรับจินฮากยองคงจะไม่เห็นด้วยอย่างแรงกับเรื่องนี้ เพราะยังคงกลัวที่จะเป็นขี้ปากคนอื่น ทำให้เธอต้องเก็บเรื่องความสัมพันธ์ใหม่เป็นความลับกับเพื่อนร่วมงานไปก่อน และคุณละมีความคิดเห็นยังไงกับการมีแฟนที่ทำงานเดียวกัน
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส