ถึงวันนี้ ถ้าพูดถึงนักมวยเฮฟวี่เวทที่ชื่อก้องโลก ชื่อแรก ๆ ที่เรานึกถึงก็ต้องเป็น ไมค์ ไทสัน (Mike Tyson) แชมป์โลกผิวดำผู้ยิ่งใหญ่ชาวนิวยอร์ก และสร้างสถิติที่ไม่มีใครลบล้างได้ ด้วยการครองแชมป์โลกรุ่นเฮฟวี่เวทตั้งแต่ปี 1987 – 1990 ตลอดระยะเวลานี้เขาชนะน็อกเอาท์ 19 ครั้ง และ 12 ครั้งน็อกเอาต์ในยกแรก ไทสันในวัย 55 ปี แม้ว่าจะแขวนนวมไปแล้วแต่ก็ยังมีข่าวคราวของเขาออกมาเนือง ๆ ล่าสุดก็มีข่าวเขาโดนขี้เมายั่วยุบนเครื่องบิน จดฟิวส์ขาดหันมารัวหมัดใส่จนไอ้หนุ่มขี้เมาหัวแตกเลือดอาบไปเป็นที่เรียบร้อย
ชื่อเสียงของไทสันกระฉ่อนโลกที่สุดในช่วงปลาย 80s จนถึงต้น 90s ทำให้เขาได้ไปปรากฏตัวบนหน้าปกนิตยสารหลายเล่มและหนึ่งในนั้นคือ IN FASHION MAGAZINE ฉบับเดือนเมษายน ปี 1987 ทางนิตยสารคิดไอเดียเก๋ไก่ด้วยการจับ ไมค์ ไทสัน มาถ่ายแฟชั่นคู่กับ โจน เจ็ตต์ (Joan Jett) ศิลปินหญิงที่โด่งดังที่สุดในยุคนั้น เจ้าของเพลง ‘I Hate Myself for Loving You’ ที่โด่งดังสุด ๆ ในบ้านเรา ถ้ายกให้ ไมค์ ไทสัน เป็นแชมป์ในวงการมวย ในวันนั้น โจน เจ็ตต์ ก็คือแชมป์ในวงการดนตรี เพราะซิงเกิล ‘I Love Rock ‘n Roll’ ของเธอนั้นครองอันดับ 1 บนชาร์ตบิลบอร์ดต่อเนื่องกันถึง 7 สัปดาห์ ทำให้เธอได้รับฉายาว่า “The Queen of Rock ‘n’ Roll” การจับ 2 ซูเปอร์สตาร์จาก 2 วงการ มาถ่ายแฟชั่นคู่กันในวันนั้น จึงถือว่าเป็นไอเดียที่เริดหรูมาก
จากการได้ร่วมงานกันในช่วงสั้น ๆ แต่กลับกลายเป็นสายสัมพันธ์ระยะยาวสำหรับซูเปอร์สตาร์คู่นี้ ทั้งคู่ได้กลายเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน และมีเรื่องราวน่ารัก ๆ ของทั้งคู่ให้เรานำมาเล่าต่อกัน เพราะเป็นความสัมพันธ์ในยุคที่โลกเรายังไม่มีโทรศัพท์มือถือ ไทสัน และ เจ็ตต์ จึงต้องสนทนากันด้วยโทรศัพท์บ้านแบบมีสาย ซึ่งเจ็ตต์ก็เอาใจช่วยอวยพรให้ไทสันประสบชัยชนะในทุกแมตช์ และวันไหนที่ไทสันจะต้องขึ้นชกป้องกันตำแหน่ง เพื่อนสาวคนนี้ก็จะทำหน้าที่โทรมาปลุกไทสันและอวยพรให้เขาโชคดีในการชก และเป็นเช่นนี้ต่อเนื่องมา 6 แมตช์ ที่เจ็ตต์โทรมาอวยพร แล้วเขาก็มีชัยในการชก จนทำให้ไทสันเริ่มปักใจเชื่อว่า โจน เจ็ตต์ คือเพื่อนสาวผู้นำเคราะห์ลางที่ดีมาให้เขา
จนกระทั่งวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 1990 เป็นแมตช์สำคัญที่ ไมค์ ไทสัน จะป้องกันตำแหน่งกับ บัสเตอร์ ดักลาส (Buster Douglas) ที่กรุงโตเกียว แล้วก็เป็นครั้งแรกที่ โจน เจ็ตต์ ไม่ได้โทรมาปลุกและอวยพรเขาเหมือนเช่นเคย เหมือนว่าโชคลางที่ไทสันยึดถือจะเป็นความจริง เพราะนี้คือแมตช์ประวัติศาสตร์ ที่ไทสันโดนหมัดอัปเปอร์คัตของดักลาสลงไปนอนให้กรรมการนับในยกที่ 10 นับเป็นการพ่ายแพ้น็อกเอาต์ครั้งแรกในชีวิตการต่อยมวยของ ไมค์ ไทสัน และเป็นครั้งแรกที่ โจน เจ็ตต์ ไม่ได้โทรมาอวยพรให้เขาโชคดีมีชัย
หลังการพ่ายแพ้ของ ไมค์ ไทสัน ก็มีข่าวลือออกมาว่า สาเหตุหนึ่งมาจากไทสันให้เวลาในการซ้อมน้อยกว่าทุกแมตช์ที่ผ่านมา แต่เราก็เชื่อว่า ‘กำลังใจ’ ก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน ก็ไม่แน่นะว่า การขาดเสียงอวยพรเป็นประจำก่อนขึ้นชกที่ขาดหายไป ก็น่าจะมีผลต่อสภาพจิตใจของไทสันในวันนั้นก็เป็นได้
วันนี้ไม่มีข้อมูลยืนยันว่า ไมค์ ไทสัน และ โจน เจ็ตต์ ยังคงสานสัมพันธ์อันยาวนานกันอยู่หรือไม่ แต่เรื่องราวนี้ของทั้งคู่ ก็นับว่าเป็นแง่มุมน่ารักที่น่าหยิบมาเล่าต่อกันในวันนี้