โลกเรากว้างใหญ่นัก แต่ละพื้นที่ก็มักจะมีผู้อาวุโสตั้งตนขึ้นเป็นผู้นำทางด้านจิตวิญญาณ สามารถชักจูงจิตใจให้ผู้คนเข้ามาถวายตัวเป็นสาวกได้จำนวนมาก และบางคนบางสำนักก็สามารถสร้างศรัทธาที่แรงกล้าได้ถึงขนาดสั่งให้สาวกทำเรื่องประหลาด ๆ ที่คนปกติไม่น่าจะทำกันได้ อย่างในบ้านเราก็มีพระบิดาโจเซฟที่สามารถโน้มน้าวให้สาวกสามารถดื่มปัสสาวะ บริโภคอุจจาระได้
แต่ถ้ามองย้อนไปในช่วง 40 ปีที่ผ่านมา ก็ไม่น่าจะมีผู้นำลัทธิคนไหนที่สร้างเหตการณ์รุนแรงจนเป็นข่าวสะเทือนใจไปทั่วโลกได้เท่ากับ จิม โจนส์ (Jim Jones) อีกแล้ว เพราะเมื่อปี 1978 โจนส์ทั้งโน้มน้าวและบังคับให้สาวกของเขากว่า 900 คนดื่มยาพิษฆ่าตัวตายหมู่มาแล้ว และหนึ่งในสามของสาวกนั้นล้วนเป็นเด็ก
จิม โจนส์ มีชื่อเดิมว่า เจมส์ วาร์เรน โจนส์ (James Warren Jones) เกิดเมื่อ 13 พฤษภาคม ค.ศ. 1931 ในพื้นที่ชนบทของรัฐอินดีแอนา สหรัฐฯ โจนส์อยู่ในชุมชนเคร่งศาสนา พอโตขึ้นก็เลยศรัทธาในศาสนาคริสต์อย่างแรงกล้า เขาเริ่มท่องจำไบเบิ้ลตั้งแต่อายุ 8 ปี และเมื่ออายุ 12 เขาก็สามารถเทศน์สอนเด็กในละแวกบ้านราวกับเป็นนักบวชจริง ๆ เมื่ออายุได้ 17 ปี โจนส์ไปเป็นนักเรียนฝึกหัดเพื่อจะเป็นบาทหลวงของนิกายเมโธดิสต์ พออายุ 21 ปี เขาก็ได้แต่งงานกับ มัลเซลีน บอลด์วินด์ ซึ่งเป็นนางพยาบาล จากนั้นไม่นานก็ถอนตัวออกมาเป็นนักเผยแพร่ศาสนาอิสระ
ด้วยพื้นฐานที่เป็นคนมีเสน่ห์ดึงดูด ในช่วงปี 1950s โจนส์จึงสามารถรวบรวมสาวกจำนวนมากมารวมตัวกันก่อตั้งลัทธิโบสถ์มวลชน (The Peoples Temple) ทำหน้าที่เสมือนตัวแทนของคริสเตียนทำหน้าที่ในการเผยแพร่ศาสนา ด้วยเนื้อหาที่โจนส์เทศน์มักจะเกี่ยวกับการต่อต้านการเหยียดผิว ทำให้เขามีสาวกเป็นคนผิวดำจำนวนมาก พอถึงปี 1965 โจนส์ก็ย้ายกลุ่มโบสถ์มวลชน ไปตั้งรกรากใหม่กันทางตอนเหนือของแคลิฟอร์เนียในเมืองอูไคยา (Ukiah) แล้วย้ายไปซานฟรานซิสโกในปี 1971
ในช่วงนี้ ลัทธิโบสถ์มวลชนโดนสื่อเขียนบทความโจมตีในหลาย ๆ ประเด็น ทั้งเรื่องฉ้อโกงเงิน, ทารุณกรรมเด็ก พอเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากมวลชนเริ่มหนาหูก็ยิ่งสร้างความวิตกกังวลต่อโจนส์มากขึ้น โจนส์จึงตัดสินใจชักชวนสาวกของเขาย้ายไปอยู่ที่กายอานา ประเทศเล็ก ๆ ในอเมริกาใต้ ซึ่งโจนส์ให้สัญญาเป็นมั่นเป็นเหมาะกับบรรดาสาวกว่า ถ้าย้ายตามเขาไป เขาจะสร้างดินแดนแห่งใหม่นี้ให้เปรียบดั่งดินแดนสุขารมณ์ (Utopia) สถานที่แห่งใหม่นี้มีชื่อว่า “Jonestown” ซึ่งโจนส์ได้ส่งกลุ่มสาวกของเขาไปกายอานาแล้วเสาะหาพื้นที่ชายป่าเพื่อสร้าง Jonestown ไว้ตั้งแต่สามปีที่แล้ว
แต่เมื่อสาวกหลงเชื่อแล้วย้ายตามโจนส์ไปอยู่กับที่โจนส์ทาวน์ พวกเขาก็พบว่าที่นี่ไม่ใช่ดินแดนสรวงสวรรค์เหมือนอย่างที่โจนส์สัญญาไว้ พวกเขาต้องทำงานกันหนักหามรุ่งหามค่ำกลางสนาม ถ้าใครขัดขืนต่อต้านไม่ทำงานก็จะโดนทีมงานซึ่งเป็นคนของโจนส์นำตัวไปลงโทษ เมื่อสาวกแน่แก่ใจแล้วว่าโดนโจนส์หลอกมา แต่จะหนีก็หนีไม่ได้เพราะพาสปอร์ตโดนยึดไปกันหมด ใครที่เขียนจดหมายติดต่อทางบ้านก็จะถูกเปิดอ่านก่อนทั้งหมด ทีมงานยังคอยยุยงบรรดาสาวกให้คอยสอดส่องกันเองถ้าใครมีพฤติกรรมน่าสงสัยก็ให้มาฟ้องทีมงาน ในช่วงนี้ตัวโจนส์เองก็เริ่มตกอยู่ในอาการสภาวะจิตเสื่อม และติดยารุนแรง เขาเริ่มมีอาการจิตหลอน คิดไปเองว่ารัฐบาลอเมริกันส่งคนมากำจัดเขา ไม่แค่นั้นเขายังบังคับให้บรรดาสาวกร่วมกันซ้อมกินยาฆ่าตัวตายหมู่กันกลางดึกอีกด้วย
แต่ก็ยังดีที่มีสมาชิกกลุ่มหนึ่งที่ไม่ได้ตามไปอยู่ในโจนส์ทาวน์ด้วย ก็เริ่มเป็นห่วงญาติพี่น้องบางคนที่หลงเชื่อโจนส์แล้วติดอยู่ในโจนส์ทาวน์ ปี 1978 สมาชิกกลุ่มนี้จึงไปขอความช่วยเหลือจาก ลีโอ ไรอัน (Leo Ryan) สมาชิกสภารัฐเดโมแครต ให้ช่วยพาเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบโจนส์ทาวน์ที การขอร้องเกลี้ยกล่อมได้ผล ไรอันพาเจ้าหน้าที่ชุดหนึ่งและบรรดานักข่าวบินไปโจนส์ทาวน์ในวันที่ 17 พฤศจิกายน 1978 ลีโอ ไรอัน และคณะต้องมาโจนส์ทาวน์ด้วยเครื่องบินเล็กส่วนตัวและลงจอดในโจนส์ทาวน์ เมื่อไรอันและคณะมาถึง จิม โจนส์ และทีมงานก็ต้อนรับขับสู้แขกผู้มาเยือนเป็นอย่างดี การสนทนาและตรวจสอบพื้นที่เป็นไปอย่างเรียบร้อยดี ไม่มีอะไรดูเป็นพิรุธน่าเป็นห่วงอย่างที่ได้รับรายงาน
วันรุ่งขึ้น ลีโอ ไรอัน และคณะจึงเตรียมพร้อมเดินทางกลับ ขณะนั้นเอง กลุ่มสาวกที่ต้องการจะออกจากโจนส์ทาวน์ก็กรูกันเข้ามาหาไรอัน ขอร้องให้พาพวกเขาออกจากโจนส์ทาวน์เสียที ตอนนี้ล่ะที่ จิม โจนส์ รู้แล้วว่าความแตก เขาไม่สามารถปิดบังความจริงต่อไปได้แล้ว องครักษ์ของ จิม โจนส์ ตัดสินใจแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเดี๋ยวนั้น ด้วยการควักมีดแล้วพุ่งเข้าแทงไรอัน แต่ไรอันก็ผละหนีออกจากพื้นที่ชุลมุนได้โดยไม่ได้บาดเจ็บรุนแรง แต่ไรอันและทีมงานก็ยังไม่ปลอดภัยจนกว่าจะบินออกมาจากโจนส์ทาวน์ได้ ซึ่ง จิม โจนส์ ยังอยู่ในสถานะได้เปรียบอยู่ เขาสั่งทีมงานให้ไปขวางรันเวย์ไม่ให้เครื่องบินบินขึ้นได้ ซึ่งก็ได้ผล ทีมงานของโจนส์สกัดการบินขึ้นได้สำเร็จ พวกเขาจู่โจมได้ถึงตัวไรอัน จัดการสังหารไรอันและผู้ติดตามอีก 4 คนได้สำเร็จ แต่ผู้ติดตามอีกหลายคน รวมถึงสาวกบางส่วนก็พากันหนีตายเข้าป่า
ถึงตรงนี้โจนส์เริ่มสติแตก เพราะเชื่อมั่นว่ากลุ่มคนที่หนีรอดไปได้จะต้องไปแจ้งข่าวกับรัฐบาลอเมริกัน ไม่นานจากนี้ทหารอเมริกันก็จะบุกมากวาดล้างโจนส์ทาวน์ ทำให้โจนส์ตัดสินใจขั้นเด็ดขาด สั่งให้สาวกทุกคนมารวมตัวกันที่หอประชุมกลางเพื่อทำพิธีขั้นเด็ดขาดที่เขาเรียกว่า “revolutionary act” นั่นก็คือการฆ่าตัวตายหมู่ ด้วยการดื่มเครื่องดื่มผสมไซยาไนด์ ด้วยการเรียงลำดับ ให้กลุ่มที่มีอายุน้อยได้เริ่มดื่มก่อน เด็ก ๆ จะได้กินยาพิษที่ผสมไว้กับน้ำผลไม้ ส่วนผู้ใหญ่จะเดินต่อแถวเพื่อรับน้ำดื่มผสมไซยาไนด์โดยที่มีเจ้าหน้าที่ติดอาวุธยืนล้อมรอบ
แต่อย่างไรก็ตาม มีผู้สามารถหนีรอดจากพิธีอำมหิตนี้ไปได้ถึง 85 คน หลายคนหนีเข้าป่าไป บางคนซ่อนอยู่ในคูน้ำ หญิงแก่คนหนึ่งรอดได้เพราะซ่อนตัวอยู่ในหอนอน ไม่ออกไปร่วมพิธี บางคนก็ไม่ดื่มน้ำพิษแต่แกล้งตาย อีกกลุ่มหนึ่งที่รอดชีวิตคือทีมบาสเก็ตบอลล์ของโจนส์ทาวน์ ที่ออกไปแข่งต่างเมืองในวันนั้นพอดี และในทีมนั้นก็มีลูกชายทั้งสามของ จิม โจนส์ รวมอยู่ด้วย ส่วน จิม โจนส์ นั้นปลิดชีวิตตัวเองหลังพิธีด้วยการยิงปืนเข้าขมับตัวเอง เสียชีวิตบนเก้าอี้บนเวทีในหอประชุมกลาง FBI เข้าตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุ พบกับภาพที่น่าสยดสยอง ด้วยซากผู้เสียชีวิตนอนเกลื่อนทั่วพื้นที่โจนส์ทาวน์ หลายร่างนอนทับกันรายรอบหอประชุมกลาง และอีกหลายร่างเสียชีวิตในอาคารหอประชุม มีผู้เสียชีวิตไปในพิธีฆ่าตัวตายหมู่นี้ 909 ศพ เป็นเด็กเสีย 304 ศพ นับเป็นเหตุการณ์ที่ชาวอเมริกันสูญเสียชีวิตมากที่สุดในประวัติศาสตร์ ก่อนจะถึงเหตุการณ์ 9/11
แน่นอนว่าเหตุการณ์ช็อกโลกเช่นนี้ ต้องถูกหยิบมาสร้างเป็นภาพยนตร์ ซึ่งมีออกมานับสิบเรื่องเป็นทั้งภาพยนตร์ฉายโรง และภาพยนตร์สำหรับฉายทางทีวี ทั้งเรื่องราวที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเหตุการณ์จริง และในรูปแบบสารคดี และก็ยังมีเรื่องใหม่ทีี่ชื่อว่า Jim Jones เป็นโปรเจกต์ใหญ่ที่น่าสนใจ เพระว่าได้ ลีโอนาร์โด ดิคาพริโอ (Leonardo DiCaprio) มารับบทเป็นสาธุคุณจิม โจนส์ เอง ได้ สก็อตต์ โรเซนเบิร์ก (Scott Rosenberg) มือเขียนบทจาก Venom และ Jumanji : The Next Level มารับหน้าที่เขียนบท ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนเตรียมการสร้าง ยังไม่ได้ผู้กำกับและนักแสดงร่วม