เมื่อไม่นานมานี้ ได้มีวิดีโอถูกอัปโหลดบนโลกโซเชียลเกี่ยวกับเด็กที่ถูกกล่าวหาว่าทำรูปปั้น Teletubbies สีทอง สูง 1.8 เมตรล้มแตก ด้วยมูลค่าที่แพงมหาศาลจึงส่งผลทำให้ชาวเน็ตพากันตกใจและวิพากษ์วิจารณ์ทางร้านของเล่นกันอย่างหนัก
อย่างไรก็ตามหลังจากกลายเป็นประเด็นดังบนโลกโซเชียล หน่วยงานร้านของเล่นฮ่องกงได้ออกหมายให้ทางร้านทำการคืนเงินค่าเสียหายให้กับครอบครัวผู้ถูกกล่าวหาว่า ลูกของพวกเขาเข้าไปเตะรูปปั้น Teletubbies สีทอง ที่มีมูลค่ามากกว่า 50,000 เหรียญฮ่องกง (ประมาณ 218,000 บาท) ล้มแตก พร้อมกับสั่งให้ทางร้านของเล่นนั้นเขียนจดหมายขอโทษครอบครัวของเด็กเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา
เนื่องจากได้มีกล้องอัดเหตุการณ์เอาไว้ โดยในวิดีโอถูกอัปโหลดขึ้นโซเชียลมีเดียเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาและได้เผยว่าตัวเด็กนั้นแทบจะไม่ได้แตะรูปปั้นเลย จึงทำให้ชาวเน็ตวิพากษ์วิจารณ์พนักงานที่เรียกเก็บค่าเสียหายจากเด็กคนนั้นอย่างหนักบนเพจ Facebook และ Instagram ของร้าน KK Plus (ร้านเจ้าของรูปปั้น Teletubbies)
พ่อของเด็กที่ถูกกล่าวหาได้เล่าเรื่องนี้บนรายการวิทยุของฮ่องกงว่า เจ้าตัวกับภรรยาและลูกได้ไปที่ร้าน KK Plus ที่ Langham Place ช่วงวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยตอนที่เขาได้เดินออกมานอกร้านเพื่อรับสายโทรศัพท์ก็ได้ยินเสียงของล้มกระแทกพื้นอย่างดังจากในร้าน พอเขาหันหลังมาดูก็พบว่าลูกชายของเจ้าตัวยืนอยู่ข้าง ๆ รูปปั้น Teletubbies ที่ล้มแตกเป็นเสี่ยง ๆ และส่งผลทำให้ลูกของเขากลัวจนทำอะไรไม่ถูกเลย
ซึ่งหลังจากนั้น ทางพนักงานร้านได้ออกมากล่าวหาเจ้าตัวและภรรยาว่า เขาเห็นลูกของเจ้าตัวเตะรูปปั้นล้มแตกและได้เรียกค่าเสียหายเป็นจำนวนเงิน 52,800 เหรียญฮ่องกง (ประมาณ 230,000 บาท) ทางครอบครัวของเด็กก็ได้ปักใจเชื่อว่าลูกของตนเป็นคนทำผิด จึงได้จ่ายค่าเสียหาย 33,600 เหรียญฮ่องกง (ประมาณ 146,000 บาท) ให้กับทางร้านไปก่อน แต่หลังจากที่พวกเขาได้เห็นวิดีโอที่ถูกอัปโหลดขึ้นโซเชียลมีเดีย พ่อของเด็กจึงเชื่อว่าพวกเขากำลังโดนใส่ความโดยพนักงาน
ซึ่งก็ได้มีสายสืบจากโลกโซเชียลที่เป็นคนวงในออกมาเปิดเผยว่าก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ รูปปั้นนี้ถูกโชว์ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนแล้ว และตัวที่ล้มแตกในร้าน KK Plus สาขานี้เป็นตัวที่ 4 โดยมีมูลค่า 52,800 เหรียญฮ่องกงต่อตัวเช่นกัน ซึ่งก็มีความเป็นไปได้ว่าเหตุการณ์ครั้งนี้อาจะเป็นแผนโกงเรียกค่าเสียหายจากเหยื่อ
ส่วนทางร้าน KK Plus ได้ประกาศหลังจากเกิดเหตุการณ์ว่า ‘จะไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีกครั้งในอนาคต’ และถูกลบในเวลาต่อมา อย่างไรก็ตามทางร้านยังเปิดให้บริการเป็นปกติและเชื่อว่าหากเด็กไม่ได้เป็นคนเตะจริง ๆ อาจเป็นเพราะลูกค้าในร้านเข้ามากันเยอะจนแออัดจึงส่งผลทำให้รูปปั้นล้ม เลยได้ทำการย้ายรูปปั้นที่มีความสูงมากกว่า 1 เมตรที่ตั้งโชว์ในร้านออก พร้อมกับส่งพนักงานที่กล่าวหาเด็กไปอบรมใหม่เป็นที่เรียบร้อย
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส