มีข่าวแปลก ๆ ในอดีต ที่น่าหยิบมาเล่าสู่กันฟังครับ เรา ๆ เคยแต่ผ่านหูผ่านตากับข่าวที่ว่าตีนแมวงัดแงะเข้าบ้าน แล้วก็ไปขโมยทรัพย์สิน ซึ่งเกิดขึ้นทั่วไปทุกประเทศบนโลกเรานี้ แต่คดีประหลาดนี้น่าจะมีที่นี้ที่เดียวล่ะครับ ที่คนร้ายเข้าไปอยู่ในบ้านเจ้าทุกข์ ซักเสื้อผ้า อาบน้ำ แปรงฟัน ให้อาหารแมว ทำอาหาร แต่ไม่ได้ขโมยข้าวของมีค่าใด ๆ ไปเลย

เมืองคัมลูป, บริทิช โคลัมเบีย ที่เกิดเหตุ

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อเดือนกันยายน ปี 2015 ในบริทิช โคลัมเบีย ประเทศแคนาดา นายคริสโทเฟอร์ ฮิสค็อก วัย 33 ปีในวันนั้น อยูในเมืองโนวาสโกเชีย ต้องการเดินทางไปยังบริทิโชโคลัมเบีย เขาขับรถบรรทุกมาถึงเมืองซูเซนต์แมรี ในรัฐออนแทริโอ ซึ่งที่นี่เขาขโมยรถบรรทุกแล้วขับต่อไปทางทิศตะวันตก จนฮิสค็อกขับรถผ่านบ้านหลังในเมือง ลิตเทิล ฟอร์ต บนทางหลวง เยลโลว์เฮด ฮิสค็อกอ้างว่าเห็นบ้านหลังนี้เปิดประตูทิ้งไว้ เขาก็เลยเข้าไปใช้ชีวิตอยู่ในนั้นทำเสมือนบ้านตัวเอง เมื่อเจ้าของบ้านกลับมาในช่วงกลางดึก ก็พบนายฮิสค็อกนอนเอนกายอย่างสบายบนโซฟา พร้อมถ้วยกาแฟในมือ นั่นเป็นคืนที่ 3 ที่ฮิสค็อกเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้

“เธอกลับมาบ้านแล้วก็พบผู้ต้องหาอยู่ในบ้านเธอ กำลังนอนดูทีวี เขาจุดไฟในเตาผิงด้วย แล้วก็ทำอาหารทาน เขาบอกว่าเขาบังเอิญขับผ่านบ้านหลังนี้แล้วเห็นประตูเปิดอยู่ ก็เลยเดินเข้ามาเฉย ๆ ซะงั้น”
ไมค์ หว่อง ทนายของเจ้าของบ้านกล่าว

พอดีที่มีรถตำรวจขับผ่านบ้านมา เจ้าของบ้านจึงโบกมือเรียกตำรวจ เพื่อมารวบตัวนายฮิสค็อกไปดำเนินคดี ซึ่งฮิสค็อกก็สารภาพโดยดีว่าเขาได้เข้าไปอยู่ในบ้านดังกล่าวโดยไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของบ้าน

เนื้อหาสำคัญที่ทนายแถลงต่อศาลมีดังนี้

“นายฮิสค็อกขับรถบรรทุกจากรัฐโนวสโกเชีย มุ่งหน้าไปรัฐบริทิช โคลัมเบีย หลังจากนายฮิสค็อกได้เข้าไปในบ้านเจ้าทุกข์แล้ว เขาก็ซักรีดเสื้อผ้าของตัวเอง ให้อาหารแมว แล้วก็เอาฟางให้ม้าด้วย ไม่แค่นั้น เขายังใช้แปรงสีฟันและมีดโกนของเจ้าของบ้านด้วย เขาเอาเนื้อจากช่องฟรีซมาทำละลายเตรียมทำอาหารทาน แล้วทั้งหมดทั้งหลายที่เขาทำนั้น ฮิสค็อกเขียนรายละเอียดลงในไดอารี่ด้วย”

“วันนี้จะเป็นวันแรกที่ฉันใช้เวลาทั้งวันในไร่ ฉันให้อาหารแมวและม้า มีอะไรให้ฉันทำมากมายเลยที่นี่ ฉันถึงกับต้องคอยเตือนตัวเองว่า หาเวลาพักผ่อนแล้วใช้เวลาส่วนตัวเสียบ้าง”

“ที่นี่ฉันไม่รู้สึกโดดเดี่ยวเลยนะ เพราะฉันอยู่กับแมว 2 ตัว ม้าอีก 3 ตัว มันแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะรู้สึกว่าอยู่คนเดียวที่นี่ เมือคืนนี้ฉันจุดไฟในเตาผิงด้วย มันช่างรู้สึกสงบดีจริง ฉันนี่หลับปุ๋ยยังกับเด็กเลย”

“ฉันเห็นภาพหนึ่งในห้องใต้ดินแขวนอยู่บนผนังห้อง เป็นภาพชายคนหนึ่งอุ้มปลาตัวอใหญ่อยู่บนเรือ ผมมองภาพนั้นแล้วก็คิดไปว่าเราดูละม้ายกันอยู่นะ แต่ผมหล่อกว่าหน่อยนึง”

เชลดอน เทต ทนายของฮิสค็อก เล่าว่า นายฮิสค็อกนั้นเดิมทีเป็นพนักงานชั่วคราวของบริษัทแห่งหนึ่ง มีหน้าที่ดูแลทำความสะอาดสระน้ำ จนฮิสค็อกเริ่มรู้ตัวว่าเขากำลังจะถูกเลิกจ้าง ฮิสค็อกจึงตัดสินใจออกเดินทางมุ่งหน้าทางทิศตะวันตกเพื่อไปหางานทำ

“พอเขารู้ว่า เขามีเงินไม่เพียงพอสำหรับการเดินทาง เขาจึงตัดสินใจขโมยรถในเมืองซูเซนต์แมรี พอมาถึงบริทิชโคลัมเบีย ตอนนั้นเขาไม่มีเงินเหลือแล้ว ก็พอดีที่เขาเห็นบ้านหลังหนึ่งว่างอยู่”

ก็นับว่ายังดีที่ฮิสค็อกนั้น ประวัติค่อนข้างขาวสะอาด ไม่เคยกระทำความผิดมาก่อน ในการนี้เขาจึงร้องขอความเห็นใจต่อศาล

“ผมอาจจะเคยทำผิดพลาดมาบ้าง แต่ครั้งนี้ผมไม่ขอแก้ตัวใด ๆ ครับ”

แต่ฮิสค็อกก็ยังเอ่ยถึงช่วงที่เขาอยู่ในบ้านของเจ้าทุกข์ว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีของเขาแม้จะเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ

“มันเป็นฟาร์มที่สวยงามจริง ๆ นะครับ มันเลิศหรูมาก ตอนนั้นผมแค่ขับรถผ่าน พอเห็นว่ามันเป็นที่ที่สวยงามมาก ผมก็เลยตัดสินใจเลี้ยวเข้าไป”

แต่สุดท้ายผู้พิพากษา คริส คลีฟลีย์ ก็ตัดสินสินจำคุกฮิสค็อกเป็นเวลา 1 ปี และสั่งห้ามไม่ให้เขาติดต่อกับเจ้าของบ้านหลังดังกล่าว และเจ้าของรถบรรทุกที่เขาขโมยมาอีกอย่างเด็ดขาด

ดีเอ็นเอของฮิสค็อกจะถูกเก็บบันทึกเข้าฐานข้อมูลอาชญากรแห่งชาติอีกด้วย

ในช่วงท้าย ผู้พิพากษาถามฮิสค็อกว่า แล้วแผนการเดิมของเขานั้นน่ะ มีจุดหมายปลายทางไปที่ไหน

“ผมไม่รู้จะไปไหนจริง ๆ ครับ บางทีคงเข้าป่ามั้งครับ เพราะอย่างน้อยก็มีปลาสวย ๆ อยู่เยอะเลย”

ที่มา : globalnews