ขณะที่บ้านเรากำลังตื่นตระหนกกับคดีฆาตกรต่อเนื่อง ที่ผู้ก่อเหตุใช้สารพิษไซยาไนด์สังหารเหยื่อกว่าสิบราย แม้เหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นครั้งแรกในประวัติศาสตร์คดีสะเทือนขวัญในประเทศไทยเรา แต่เมื่อ 20 กว่าปีก่อนหน้านี้ ก็มีคดีคล้าย ๆ กันนี้ ที่ฆาตกรสังหารเหยื่อด้วยการใช้สารพิษไซยาไนด์ และเป็นเพศหญิงเหมือนกันด้วย
ฆาตกรหญิงโหดรายนี้มีนามว่า มัลลิกา เคมพัมมา (K. D. Kempanna) ได้ฉายาว่า “ไซยาไนด์ มัลลิกา” เธอสังหารเหยื่อไปทั้งหมด 5 ราย น้อยกว่าคดีที่เพิ่งเกิดขึ้นในบ้านเรามาก แต่ก็ไม่ใช่สถิติที่น่าภาคภูมิใจแต่อย่างใด ด้วยรูปแบบการสังหารที่คล้ายคลึงกันนั้น อาจจะเกิดขึ้นด้วยความบังเอิญ หรืออาจจะได้รับแรงบันดาลใจมาจากมัลลิกาก็เป็นไปได้ ลองอ่านเรื่องราวของ ไซยาไนด์ มัลลิกา ดูครับ แล้วลองวิเคราะห์ดูว่า คดีในบ้านเราขณะนี้นั้น เป็นเหตุบังเอิญ หรือ พฤติกรรมลอกเลียน กันแน่
ชีวิตในช่วงแรกของมัลลิกา
มัลลิกา เป็นชาวหมู่บ้านคักกาลีปุระ ยู่ในรัฐกรณาฏกะ ในช่วงปี 70’s เธอแต่งงานกับช่างตัดเสื้อ ชีวิตสมรสก็ดูน่าจะราบรื่นดี ทั้งคู่มีลูกด้วยกัน 3 คน จนกระทั่งในปี 1998 ธุรกิจกองทุนของเธอก็ขาดทุน ทำให้เธอมีปากเสียงกับสามี ซึ่งสุดท้ายมัลลิกาก็โดนสามีไล่ออกจากบ้านมา สถานการณ์บีบบังคับให้มัลลิกาต้องทำงานต่าง ๆ เพื่อหาเลี้ยงปากท้องตัวเองไป เธอทำงานทุกอย่างตั้งแต่เป็นคนรับใช้ เป็นผู้ช่วยช่างทอง และนี่เองอาจจะเป็นจุดเริ่มต้นที่เธอเริ่มหารายได้ผิดกฎหมาย จากลักเล็กขโมยน้อย ข้าวของต่าง ๆ จากบ้านที่เธอไปทำงานเป็นคนรับใช้
เริ่มก่อเหตุฆาตกรรม
มัลลิกามักจะหาเหยื่อจากวัด เธอจะเตร็ดเตร่อยู่ตามวัดในบังกาลอร์ แล้วจะมองหาหญิงที่ดูว่าอยู่ในภาวะหดหู่สิ้นหวัง มัลลิกาก็จะเข้าไปตีสนิท ชักชวนพูดคุย รับฟังปัญหาของเหยื่อพร้อมทั้งปลอบใจให้กำลังใจ จนได้รับความไว้วางใจจากเป้าหมาย ในช่วงนี้มัลลิกาจะวางตัวให้ดูเป็นหญิงที่เคร่งครัดศึกษาพระคัมภีร์ เป็นหญิงที่เลื่อมใสศรัทธาในพระธรรมคำสอน ประกอบกับการที่เธอเป็นหญิงสูงวัย และดูใจดี จากนั้นมัลลิกาก็จะชวนเหยื่อให้ไปทำพิธีสวดมนต์ ปูชา ‘Puja’ ด้วยกัน มัลลิกาจะโน้มน้าวว่าพิธีนี้จะช่วยขจัดความกังวลในจิตใจออกไปได้ ซึ่งจะต้องไปทำพิธีกันที่วัดที่อยู่ชานเมือง ซึ่งเมื่อถึงวันไปทำพิธี มัลลิกาจะกำชับกับเหยื่อว่า เพื่อความศักดิ์สิทธิ์และสัมฤทธิ์ผล เหยื่อควรจะแต่งกายด้วยการสวมเสื้อผ้าที่มีราคาดูีและสวมเครื่องประดับราคาแพงไปด้วย พอเริ่มประกอบพิธีกรรม มัลลิกาจะบอกให้เหยื่อหลับตาลง จากนั้นเธอก็จะบอกให้เหยื่อดื่มน้ำหรือทานอาการที่เธอป้อนให้ ในขณะที่เหยื่อยังคงหลับตาอยู่ แน่นอนว่าเธอได้ใส่ไซยาไนด์ลงในน้ำหรืออาหารนั้นไว้แล้ว พอเหยื่อเริ่มมีอาการมัลลิกาก็จะบีบจมูกเหยื่อซ้ำไปด้วยจนเหยื่อขาดใจตาย จากนั้นเธอก็จะกวาดทรัพย์สินของมีค่าแล้วเผ่นหนีไป
มัลลิกาได้ความรู้เรื่องพิษสงของไซยาไนด์ มาจากช่วงที่เธอทำงานในร้านขายเครื่องประดับ ซึ่งเธอใช้ไซยาไนด์ในการทำความสะอาดทองคำ แต่ตอนที่โดนจับ เธอโกหกว่ารู้จักไซยาไนด์มาจากในหนัง และด้วยวิธีการสังหารเหยื่อด้วยไซยาไนด์นี่แหละ ที่ทำให้เธอได้ฉายาว่า “ไซยาไนด์มัลลิกา”
- รายที่ 1 มัลลิกาลงมือสังหารเหยื่อครั้งแรกเมื่อ 19 ตุลาคม 1999 ในเมืองฮอสโกธี เหยื่อรายแรกของเธอคือ มามถะ ราชัญ หญิงวัย 30 ปี มัลลิกาสังหารเธอขณะที่เธอสวดมนต์อยู่ในวัด
- รายที่ 2 ของมัลลิกาคือ เอลิซาเบธ วัย 52 ปี จากเมืองซานาตูร์ ที่เข้าวัดมาเพื่อสวดมนต์ขอพรให้เธอเจอหลานสาวที่หายตัวไป รายนี้ มัลลิกาล่อหลอกให้เธอไปทำพิธีกับเธอที่วิหารคะบาลัมมา แล้วก็จบชีวิตเช่นเดียวกับรายแรก
- รายที่ 3 หญิงนามว่า ยชฎธัมมา วัย 60 ปี ป่วยเป็นโรคหอบหืด มัลลิกาเข้าไปตีสนิท แล้วชวนเธอไปทำพิธีปูชาที่โบสถ์ สิทธากันกะ มัธ ในเมืองญาฏะ-ซันดรา ในเดือนธันวาคม 2007
- รายที่ 4 หญิงนามว่า มูนนียามา จากเมือง เญละฮันกา ผู้มีความปรารถนาที่จะร้องเพลงเพื่อกิจกรรมทางศาสนา เธอถูกมัลลิกาล่อหลอกให้ไปที่ทำพิธีที่วัดเยลลูรู ศรีวิศเวศวารา
- รายที่ 5 หญิงนามว่า พิลละมา เป็นหญิงนักบวชอยู่ประจำวิหารเฮบบัล มัลลิกาล่อหลอกเธอว่า จะทำบุญถวายเงินให้วัดทำซุ้มประตูใหม่ เธอถูกสังหารที่เมือง มัดเดอร์ วญาดีอนันทปุระ
- รายที่ 6 คือ นัคเวนี หญิงวัย 30 ปี เธอไม่มีลูก มาวัดเพื่อขอพรให้เธอมีลูกชาย รายนี้ถูกมัลลิกาสังหารขณะนอนหลับ
หลังก่อเหตุทุกครั้ง มัลลิกาจะเปลี่ยนชื่อเป็นตัวตนคนใหม่ ยังมีอีก 1 ราย ที่เชื่อกันว่าเป็นเหยื่อของมัลลิกา แต่ยังไม่มีหลักฐานเพียงพอ เป็นหญิงวัย 22 ปี นามว่า เรนุการ์ คาดว่าเธอถูกมัลลิกาสังหารภายในหอพัก ในวัดของศูนย์แสวงบุญในเมืองโกลาร์ เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2006 สามีของเรนุการ์ไปแจ้งความว่าภรรยาหายตัวไป มานี น้องสาวของเรนุการ์ให้การว่า ตัวเธอรู้จักกับมัลลิกาเพราะเคยทำงานเป็นคนรับใช้ในบ้านเดียวกัน เธอเองเคยพามัลลิกาไปที่บ้านของเธอหลายครั้ง ทำให้มัลลิกาได้รู้จักกับเรนุการ์ ซึ่งอาจจะถูกมัลลิกาล่อลวงไป โดยอ้างว่าให้ไปร่วมทำพิธีปูชากับเธอ แล้วจะทำให้เรนุการ์ได้ลูกชายอย่างที่คาดหวัง และเป็นรายเรนุการ์นี่แหละ ที่ส่งผลให้เกิดการจับกุมตัวมัลลิกาได้ ตำรวจพบศพของเรนุการ์ในเกสต์เฮาส์ และเมื่อตำรวจสืบจากเบาะแสและหลักฐานต่าง ๆ ก็เชือมโยงไปยังบุคคลชื่อ จายัมมา ซึ่งก็คืออีกตัวตนหนึ่งของมัลลิกานั่นเอง แต่ในช่วงที่ตำรวจกำลังตามล่าตัวเธออยู่นั้น เธอก็ได้ลงมือสังหารนัคเวนี เหยื่อรายที่ 6 เสียก่อนแล้ว
ยังมีอีกหลายครอบครัวที่อ้างว่า มีญาติพี่น้องหายตัวไป และอาจจะเป็นเหยื่อของมัลลิกาด้วย เพราะพวกเขาเหล่านั้นล้วนเคยมีปฏิสัมพันธ์กับมัลลิกามาก่อน
ถูกจับกุม
มัลลิกาถูกตำรวจจับกุมตัวในเมืองบีดาดี เมื่อปี 2001 แต่ถูกจับกุมในข้อหาพยายามขโมยเครื่องประดับจากบ้านที่เธอไปประกอบพิธีกรรม แต่ก็ถูกจำคุกเพียงแค่ 6 เดือนแล้วก็ได้รับการปล่อยตัว
ถูกจับกุมอีกครั้งในวันที่ 31 ธันวาคม 2008 ที่ป้ายรถเมล์ ขณะนั้นมัลลิกาในวัย 45 ปี กำลังเสนอขายเครื่องประดับของเหยื่อรายหนึ่ง หลังถูกรวบตัว มัลลิกาก็ยอมรับข้อกล่าวหาแต่โดยดี
หลังถูกจับกุม มัลลิกาก็ต้องเผชิญกับข้อหาฆาตกรรมต่อเนื่องมากมายหลายคดี ในปี 2010 ถึง 2012 เธอเข้ารับการพิพากษาต่อเนื่อง ซึ่งศาลก็พิจารณาให้เธอได้รับโทษประหารชีวิตในข้อหาฆาตกรรม มุนนียามา และ นัคเวนี แต่ภายหลังโทษของเธอในคดีฆาตกรรมนัคเวนี ก็ได้รับการลดโทษคงเหลือเป็นจำคุกตลอดชีวิต เนื่องจากพบเพียงหลักฐานแวดล้อมที่จะเอาผิดเธอแค่นั้น แต่อย่างไรก็ตาม มัลลิกาก็ยังได้รับโทษประหารชีวิต และเป็นผู้ต้องหาหญิงคนแรกในรัฐกรณาฎกะที่ได้รับโทษประหารชีวิต
ปี 2017 ตกเป็นข่าวอีกครั้งเมื่อเธอได้เป็นเพื่อนร่วมคุกกับ วี.เค. ศศิกลา นักการเมืองหญิงผู้หนึ่ง มีพยานกล่าวหาว่า มัลลิกาพยายามจะเข้าหาศศิกลาอยู่หลายครั้ง และมีท่าทีคุกคาม ทำให้มัลลิกาถูกย้ายไปคุมขังที่คุกอื่น
บทสรุป
ในที่สุด มัลลิกาก็ได้รับการลดโทษจากประหารชีวิต เป็นจำคุกตลอดชีวิต เรื่องราวของ ไซยาไนด์มัลลิกา ยังคงเป็นปริศนาต่อชาวอินเดียและชาวโลก ถึงเหตุจูงใจของเธอ ว่าด้วยเหตุใด ทำไมเธอจึงได้มีจิตใจโหดเหี้ยมอำมหิตได้ถึงเพียงนี้ บางคนคาดเดาไปว่า เธออาจจะผ่านภาวะเลวร้ายมาในช่วงที่กำลังเติบโต ทำให้เก็บซ่อนความโหดร้ายเหล่านี้ไว้ภายในใจ หรืออาจจะเป็นตัวเธอเองก็เคยตกเป็นเหยื่อของการกระทำความผิดทางอาญามาก่อน แต่ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดแค่ว่า ไม่มีสาเหตุอะไรลึกซึ้งหรอก ทั้งหมดที่เธอทำไปก็เพราะต้องการเงินแค่นั้น ตามที่เธอเคยให้การกับศาลว่า ที่เธอกระทำลงไปนั้นก็เพราะ “ต้องการที่จะมีชีวิตที่ดีขึ้น และมีความมั่งคังไปด้วยของมีค่า”
ปี 2021 เรื่องราวของ มัลลิกา เคมพัมมา ถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ในชื่อ ‘Cyanide Mallika’ ได้นักแสดงหญิง Sanjana Prakash มารับบทเป็น มัลลิกา
ที่มา : aishwaryasandeep news.abplive dailyo