จอห์น ซีนา (John Cena) แอ็กชันสตาร์กล้ามล่ำ และอดีตนักมวยปล้ำ WWE วัย 46 ปี เจ้าของประโยคเด็ด “You Can’t See Me.” (ก็เรานั้นมันคนละชั้น) ที่ตอนนี้เรามักจะได้เห็นเขาในบทบาทนักแสดงแอ็กชัน และในบทบาทที่ไม่ใช่แอ็กชันอีกมากมาย ล่าสุดเขาเพิ่งจะได้กลับไปแจมสร้างสีสันบนเวทีมวยปล้ำในแมตช์ Universal Championship ของรายการ WrestleMania 40 ที่ โคดี โรดส์ (Cody Rhodes) สามารถเอาชนะ โรมัน เรนส์ (Roman Reigns) คว้าแชมป์โลกไปอย่างสมการรอคอยของแฟน ๆ
แต่ในอีกมุมหนึ่งที่ไม่มีใครรู้ก็คือ ในด้านการเป็นลูกชายคนที่ 2 ของสมาชิกครอบครัวที่ประกอบไปด้วยพี่ชายและน้องชายรวมทั้งหมด 5 คน ซึ่งประกอบไปด้วย สตีเฟน (Stephen Cena), จอห์น, แดเนียล (Daniel Cena), แมทธิว (Matthew Cena), และ ฌอน (Sean Cena) เพราะนอกจากเขาจะเป็นนักมวยปล้ำ และแอ็กชันสตาร์ที่ขึ้นชื่อเรื่องการวางตัวที่ดี และชอบทำการกุศลบ่อยครั้งแล้ว
จอห์นยังเป็นฮีโรในบ้านที่คอยปกป้อง สตีเฟน หรือสตีฟ (Steve) พี่ชายคนโตของเขาที่ค้นพบว่าตัวเองเป็นเกย์มาตั้งแต่เด็ก ให้ปลอดภัยจากการถูกล้อเลียนและคุกคามจากเพื่อน ๆ ในโรงเรียนมัธยมปลายอีกด้วย ซึ่งเขาได้มีโอกาสเล่าเรื่องนี้ในตอนล่าสุดของพอดแคสต์ ‘Armchair Expert with Dax Shepard’
จอห์นเริ่มต้นเล่าย้อนไปในวัยเด็กว่า เขาและพี่น้องทั้ง 5 คนนั้นเติบโตขึ้นมาในเมืองเวสต์นิวเบอรี (West Newbury) เมืองเล็ก ๆ ในรัฐแมสซาชูเซตส์ ซึ่งในบรรดาพี่น้อง สตีฟ พี่ชายคนโตที่อายุห่างจากจอห์น 4 ปี ค้นพบตัวเองว่าเป็นเกย์ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ยากลำบากในยุคที่ความหลากหลายทางเพศยังคงเป็นเรื่องที่สังคมยังไม่ยอมรับเท่าที่ควร
“สำหรับพี่ชายของผม มันเป็นเรื่องยากที่จะใช้ชีวิตในโรงเรียนมัธยมปลายนะครับ เขาไม่ใช่เพียงแค่คนเก็บตัวและสนใจในด้านคอมพิวเตอร์เท่านั้น แต่เขายังค้นพบว่าตัวเองเป็นเกย์ด้วย และการเป็นเกย์ในยุค 80s ในเมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในรัฐแมสซาชูเซตส์นี่มันก็ถือเป็นอะไรที่ยากลำบากมาก ๆ “
“พี่ชายของผมเป็นเด็กเนิร์ดแบบแท้ ๆ เลยครับ ตอนนั้นมันก็เป็นช่วงทศวรรษ 1980 ด้วย และเขาเป็นคนที่มีลักษณะหลายอย่างที่ไม่ได้มีความเป็นเด็กเจ๋ง ๆ และเขาก็ต้องเก็บซ่อนความลับนี้เอาไว้โดยที่ไม่สามารถบอกหรือพูดคุยกับใครได้”
จอห์นเล่าถึงความรู้สึกต้องการอยากปกป้องพี่ชายของตัวเองว่า มันไม่ใช่เรื่องของการสั่งสอนหรือเรียนรู้มาจากไหน แต่อยู่ดี ๆ เขาก็มองเห็นและรู้สึกได้ว่า เขาจำเป็นจะต้องปกป้องสตีฟจากการคุกคามที่เกิดขึ้น ซึ่งจอห์นเล่าว่าเขาเองต้องพ่ายแพ้ในการต่อสู้เพื่อปกป้องพี่ชายของเขาอยู่ 2-3 ครั้ง โชคยังดีที่พี่น้องซีนาทั้ง 5 คนมักทำอะไรด้วยกันเป็นประจำ และยังคงอยู่เคียงข้างกันมาโดยตลอด
“อยู่ดี ๆ ผมเองก็รู้สึกว่าถ้าเขาโตขึ้นแล้วจะเป็นอย่างไร และผมก็เข้าใจใน (เพศ) ที่เป็นสิ่งประกอบสร้างทางสังคมของเขาด้วยพฤติกรรมแบบนั้นมันเกิดขึ้นกับผมเมื่อตอนอายุ 10 ขวบ ผมไม่คิดว่าผมจะเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดหรอกนะครับ แต่ผมได้เห็นเด็ก ๆ ที่หัวรุนแรง และพวกเขาก็รวมตัวกันอย่างรวดเร็ว”
“พวกเรา (ทั้ง 5 คน) นี่อย่างกับทีมบาสเก็ตบอลเลย หมายความว่า เราสามารถทำทุกอย่างที่เราอยากจะทำได้ เราอยากเล่นฟุตบอลหรือเบสบอล เราก็มีคนเพียงพออยู่แล้ว เราไม่ได้รู้สึกว่าจะต้องการใครอีก แค่เลิกเรียนและกลับบ้านได้ ทุกอย่างก็โอเค”
แต่เมื่อจอห์นและพี่น้องจำเป็นต้องเข้าสู่วงสังคมในโรงเรียน เขาและสตีฟก็พบว่าต้องต่อสู้กับคนที่เข้ามารังแก และนั่นก็ทำให้เขาต้องพลิกกลับบทบาทด้วยการเป็นน้องชายที่ต้องลุกขึ้นมาคอยปกป้องพี่ชายจากการถูกล้อเลียน คุกคาม จนถึงขั้นกลั่นแกล้งรังแก “ผมจะทำตัวแบบว่า ‘เฮ้ย ถ้านายพูดอะไรกับพี่ชายแล้วล่ะก็ ผมจะพยายามเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงกับอันตรายอย่างเต็มที่ มันควรจะหยุดเอาไว้เพียงแค่นั้น'”
สตีฟ พี่ชายคนโตของจอห์น และน้องชายทั้ง 4 คนในครอบครัวของ จอห์น โจเซฟ ซีนา (John Joseph Cena) และ แครอล ซีนา (Carol Cena) ปัจจุบันอายุ 50 ปี ปัจจุบันทำอาชีพเป็นนักแสดงละครเวที นักพากย์และลงเสียงที่มีผลงานมากมาย เขาเองเคยให้สัมภาษณ์เปิดเผยเกี่ยวกับการเป็นเกย์อย่างยากลำบากในวัยเด็ก
“ผมเติบโตมาในเมืองเล็ก ๆ ในช่วงที่สถาบันการศึกษาส่วนใหญ๋ไม่เข้าใจเรื่องรักร่วมเพศจริง ๆ ผมรู้ว่ามันมีบางอย่างในตัวผม แต่ผมไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไง ผมถูกหลาย ๆ คนล้อเลียนอยู่เสมอ และมีปัญหาในการหาเพื่อน ผมหวังว่าหลังจากเรียนจบมัธยมปลาย และไปเรียนต่อในมหาวิทยาลัย ทุกอย่างมันคงจะดีขึ้น แต่ก็ไม่เลย”
“ผมพยายามจัดตั้งชมรม LGBTQIA+ ขึ้นในมหาวิทยาลัย โปสเตอร์ก็ถูกทำลายทุกครั้ง ที่จำได้แม่นที่สุดก็คือ คนดูแลหอพักเอาใบปลิวใส่ในพลาสติกแปะกับบอร์ดขนาดใหญ่และปากกา และข้อความว่า ‘หากคุณมีอะไรอยากพูดเกี่ยวกับใบปลิวนี้ บอกเราได้ที่นี่’ 3 ชั่วโมงต่อมา มันก็เต็มไปด้วยคำพูดที่แสดงถึงความเกลียดชัง ผมรู้สึกกลัวมาก ๆ และพยายามจะฆ่าตัวตายถึง 2 ครั้ง”
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่จอห์นออกมาแสดงออกถึงการสนับสนุนความหลากหลายทางเพศ ในปี 2016 เขาเองได้มีส่วนร่วมในแคมเปญโฆษณา ‘Love Has No Labels’ เพื่อสนับสนุนการไม่แบ่งแยกผู้คนด้วยเชื้อชาติ ศาสนา เพศ รสนิยมทางเพศ อายุ และความพิการ
และถ้าย้อนกลับไปเมื่อปี 2013 ซีนาเคยถูกถามความรู้สึกถึงตอนที่ เฟรด รอสเซอร์ (Fred Rosser) หรือ แดร์เรน ยัง (Darren Young) เป็นนักมวยปล้ำคนแรกของ WWE ที่ออกมา Come Out หรือเปิดเผยว่าตนเองเป็นเกย์ โดยเขาได้อ้างอิงไปถึงสตีฟที่ตัดสินใจ Come Out ด้วยเช่นกัน
“พี่ชายคนโตของผมเป็นเกย์อย่างเปิดเผย และมาจากครอบครัวที่มีเด็กผู้ชาย 5 คน ซึ่งมันเป็นเรื่องยากมากที่จะยอมรับได้ แต่ครอบครัวของเราก็ยอมรับเขาอย่างเปิดเผย ผมเองรู้จักแดร์เรนเป็นการส่วนตัว แดร์เรนเป็นคนดี และนั่นก็เป็นการเคลื่อนไหวของเขาที่กล้าหาญมาก ๆ และผมขอแสดงความยินดีกับสิ่งที่เขาทำ และแดร์เรนเองก็เป็นมืออาชีพที่สมบูรณ์แบบ ผมภูมิใจในการ Come Out ของเขาจริง ๆ “