1 ในประเด็นที่ถกเถียงกันมากที่สุดของฮอลลีวูดในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาก็คงหนีไม่พ้นประเด็นเกี่ยวกับคำว่า ‘Nepo Baby’ อธิบายแบบรวบรัด คำนี้มักใช้เรียกบรรดาดารานักแสดงหรือคนดังที่ได้รับโอกาสจากการอุปถัมภ์หน้าที่การงาน ไม่ว่าจะทั้งการเป็นทายาท หรือมีเครือญาติที่มีชื่อเสียงและอิทธิพลในสายงานนั้น ๆ และมีคอนเน็กชันกับหลาย ๆ วงการ เช่น วงการสื่อมวลชน หรือวงการแฟชั่น ที่คอยกรุยทางให้พวกเขาสามารถเดินเข้ามาในเส้นทางฮอลลีวูดได้โดยไม่ต้องเริ่มต้นตั้งแต่ศูนย์
ประเด็นที่ถกเถียงกันก็คงหนีไม่พ้นเรื่องของความเหมาะสมในวงการบันเทิง ในขณะที่หลายคนมองว่าเหล่า Nepo Baby ที่เข้ามาทำงานในวงการได้ด้วย ‘บุญพ่อ-บารมีแม่’ จนหลายครั้งก็มองข้ามทักษะฝีมือจริง ๆ ที่พวกเขามี ก็ไม่ต่างอะไรกับ ‘เด็กเส้น’ ที่ได้รับใบเบิกทางเข้ามาเบียดบังโอกาสของคนอื่น ๆ ที่ใช้ความพยายามทำงานด้วยตัวเอง แม้ Nepo Baby จะทำงานผิดพลาด พวกเขาก็ยังมีฟูกหนา ๆ ไว้รองรับเสมอ
ในขณะที่หลายคนกลับมองว่าการแปะป้ายคนดังว่าเป็น Nepo Baby นั้นดูจะเป็นการตีขลุมจนเกินไป การเข้ามาทำงานแบบเดียวกับที่พ่อแม่เคยทำและสร้างโอกาสไว้ให้ ก็ไม่ต่างอะไรกับการใช้ ‘คอนเน็กชัน’ ในหน้าที่การงาน บางครั้งลูกหลานคนดังก็ไม่จำเป็นจะต้องไร้ทักษะ ทำงานไม่ได้เรื่องไปเสียทุกคน และบางครั้งการเป็นลูกหลานคนดังก็ต้องฝ่าฟันอุปสรรคในการพิสูจน์ตัวเอง เพื่อให้ได้รับการยอมรับในฝีมือด้วยเช่นเดียวกัน
มายา ฮอว์ก (Maya Hawke) นักแสดง ศิลปิน นักแต่งเพลงวัย 25 ปี ที่มีผลงานการเป็นศิลปินที่มีอัลบั้มออกมาหลายอัลบั้ม รวมทั้งผลงานการแสดง ตั้งแต่การรับบทในมินิซีรีส์ ‘Little Women’ (2017) ของ BBC รับบทสมทบในหนัง ‘Once Upon a Time in Hollywood’ (2019) รวมทั้งการแสดงหนังนอกกระแสทั้ง ‘Asteroid City’ (2023) และ ‘Maestro’ (2023)
มายาก็เป็นนักแสดงอีกคนที่ถูกแปะป้ายวิจารณ์ว่าเป็น Nepo Baby ด้วยเช่นกัน เนื่องจากเธอเป็นทายาทของ 2 นักแสดงดังของฮอลลีวูด อีธาน ฮอว์ก (Ethan Hawke) และอูมา เธอร์แมน (Uma Thurman) มายาได้ให้สัมภาษณ์ในเว็บไซต์ Times of London ที่เธอยอมรับว่า การที่เธอได้รับบทเป็น 1 ในบุปผาชน (Flower Child) ผู้ติดตามของชาร์ลส์ แมนสัน (Charles Manson) ในหนัง ‘Once Upon a Time in Hollywood’ อาจจะเกิดขึ้นจากสายสัมพันธ์บางอย่างที่มีอิทธิพลต่อการคัดเลือกนักแสดง
“ตัวฉันเองถูกล้อเลียนบ่อยมากจากคลิปนั้น ตอนที่ฉันพูดบนพรมแดงว่า ฉันก็ได้ไปออดิชันมาด้วยนะ คือฉันไม่ได้จะหมายความว่าฉันได้บทนี้เพราะไม่ได้ใช้เส้นสายเลย แต่ฉันคิดว่าฉันได้บทนั้นเพราะฉันแค่ทำมันอย่างเต็มที่จริง ๆ ต่างหาก”
มายาเล่าเสริมว่า ผู้กำกับ เควนทิน ทารันทิโน (Quentin Tarantino) ชอบการคัดเลือกนักแสดงหน้าใหม่ ๆ และพยายามอย่างเต็มที่ในการให้โอกาสนักแสดงหน้าใหม่เข้าสู่ฮอลลีวูดเป็นจำนวนมาก และแน่นอนว่า เธอเองได้ฟังแม่ของเธอเล่าถึงช่วงเวลาที่เธอเคยทำงานกับผู้กำกับจอมระห่ำในหนัง ‘Pulp Fiction’ (1994) รวมทั้ง ‘Kill Bill: Vol. 1’ (2003) และ ‘Kill Bill: Vol. 2’ (2004) มาแล้ว
“ฉันมีบทสนทนาต่าง ๆ มากมายเกี่ยวกับแม่ของฉัน และฉันก็ได้รับการสนับสนุนมาโดยตลอด การได้ทำงานกับคนที่เคยเป็นส่วนสำคัญในชีวิตแม่ของฉัน จึงมีความหมายสำหรับตัวฉันเองมาก ๆ”
หลังจากมีผลงานการแสดงมาพอสมควร ผลงานโดดเด่นก็คงหนีไม่พ้นการรับบท โรบิน บักลีย์ สาวพนักงานขายไอศกรีมบุคลิกห้าว ๆ จากซีรีส์ ‘Stranger Things’ ซีซัน 3 ของ Netflix ที่เธอเองก็ชื่นชอบเช่นเดียวกัน
“ฉันรู้สึกโชคดีมากเลยค่ะที่บทบาทนี้ทำให้ฉันเป็นที่รู้จัก คือไม่รู้จะใช้คำไหนดี มันเป็นบทบาทของคนที่มีทั้งความฉลาด ตลก งุ่มง่าม เพี้ยน ๆ ฉันไม่ต้องรับบทเป็นสาวสวยเซ็กซี่ ซึ่งฉันเองก็ไม่ได้มีคุณสมบัติมากพอที่จะรับบทเป็นแบบนั้นได้”
แม้เธอจะยอมรับในความเป็น Nepo Baby ของตัวเอง แต่ปีที่ผ่านมาเธอเองก็ต้องเผชิญช่วงเวลาที่ไม่มั่นคงเช่นเดียวกัน เพราะปี 2023 เป็นปีที่มายาได้มีโอกาสร่วมงานกับทั้งพ่อและแม่ ทั้งการร่วมแสดงหนังตลกอาชญากรรม ‘The Kill Room’ (2023) ร่วมกับเธอร์แมน และร่วมงานกับฮอว์กในหนังดราม่าชีวประวัติ ‘Wildcat’ (2023) ที่พ่อของเธอเป็นผู้กำกับและเขียนบท แต่เธอเองก็อยากให้ผู้คนสนใจเธอในหลาย ๆ ด้านนอกจากการเป็นนักแสดงด้วย
“ฉันเองก็ค่อนข้างเครียดกับเรื่องนี้อยู่ค่ะ ฉันดีใจนะที่มีคนสนใจสิ่งเหล่านี้มากมาย แต่ฉันเองก็รู้สึกว่าพวกเขาคงไม่สนใจเรื่องดนตรีเท่าไหร่หรอก”
แม้เธอจะเป็น 1 ในนักแสดงมากมายหลายคนในวงการที่ถูกวิจารณ์ว่าเป็น Nepo Baby แต่เธอเองก็เป็นนักแสดงอีกหลาย ๆ คนที่ออกมายืนยันว่าเธอยังคงรู้สึกสบายใจ ที่จะใช้ประโยชน์จากการเป็นทายาทดาราฮอลลีวูดในการเดินบนเส้นทางที่เต็มไปด้วยความไม่เท่าเทียม โดยเฉพาะในวงการฮอลลีวูด เพื่อให้ได้มาในสิ่งที่สมควรจะได้รับ แม้หลายคนจะมองว่าเธอไม่สมควรก็ตาม
“ไอ้คำว่า ‘สมควรจะได้รับ’ เนี่ย มันเป็นคำที่ซับซ้อนนะคะ มีคนมากมายที่สมควรจะได้มีชีวิตที่คนอื่นไม่มี แต่ฉันคิดว่าฉันยอมรับได้กับการที่ไม่สมควรจะได้รับมัน แต่ก็ยังคงลงมือทำต่อไป และฉันก็รู้ว่าการที่ฉันไม่ลงมือทำอะไร มันก็ไม่ได้แปลว่าจะช่วยอะไรใครด้วยเหมือนกัน ตอนที่ฉันเริ่มเข้าวงการ ฉันเห็นเส้นทาง 2 ทาง ซึ่งทางหนึ่งก็คือ ไปเปลี่ยนชื่อ ทำศัลยกรรมจมูกซะ และไปออดิชันหางานแบบที่เขาเปิดรับสมัครทุกคน อะไรแบบนั้น”
“สำหรับฉัน มันก็เป็นเรื่องปกตินั่นแหละค่ะที่คุณจะถูกล้อเลียน เมื่อคุณได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดีกว่าคนอื่น ๆ มีบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความโชคดี ความสัมพันธ์ของฉันกับพ่อและแม่ก็เต็มไปด้วยความจริงใจและมีแต่เรื่องดี ๆ ฉันเองจึงไม่ค่อยได้อะไรเท่าไหร่กับสิ่งที่คนอื่น ๆ เขาพูดกัน”