ในช่วงรอบปีที่ผ่านมา ใครหลายคนที่เล่น TikTok คงได้เห็นปรากฏการณ์ความไวรัลของมีมชักโครกประหลาดที่มีหัวคนอยู่ด้านบน มาพร้อมกับเพลงติดหูที่มีเนื้อร้องว่า “Skibidi Dop Dop Dop Yes Yes…” ที่เรียกรวม ๆ ว่า ‘Skibidi Toilet’ ที่สร้างปรากฏการณ์ฮิตระดับไวรัลในหมู่ผู้ชมวัยเด็ก แต่ทำเอาผู้ใหญ่งงว่าไอ้ตัวพรรค์นี้มันฮิตได้ไง และตอนนี้ไอ้ตัวพรรค์แบบนี้นี่แหละที่กำลังจะกระโดดจากโลกออนไลน์มาอยู่ในรูปแบบภาพยนตร์และทีวีซีรีส์
เว็บไซต์ Variety ได้เผยแพร่รายงานจากบทสัมภาษณ์ทางพอดแคสต์ Strictly Business ที่ได้เปิดเผยว่า ตอนนี้ คลิปไวรัลขวัญใจผู้ชมวัยนมกล่อง Skibidi Toilet กำลังจะถูกดัดแปลงในรูปแบบหนังและซีรีส์ ด้วยการควบคุมของ ไมเคิล เบย์ (Michael Bay) ผู้กำกับและโปรดิวเซอร์เจ้าของวิสัยทัศน์ระเบิดภูเขาเผากระท่อม ผู้ปลูกปั้นแฟรนไชส์หนังจากของเล่น ‘Transformers’ ให้โด่งดังในระดับบล็อกบัสเตอร์ และอดัม กู้ดแมน (Adam Goodman) อดีตประธาน Paramount Pictures ในนามของบริษัทสตูดิโอดิจิทัลคอนเทนต์ Invisible Narratives
กู้ดแมนกล่าวในส่วนหนึ่งของบทสัมภาษณ์ว่า “ตอนนี้เรากำลังอยู่ในระหว่างการเจรจา ทั้งในส่วนของโทรทัศน์ และในส่วนของภาพยนตร์ที่เริ่มมีการพูดคุยแล้วเบื้องต้น สำหรับเรา เรื่องราวมันยังไม่จบเพียงเท่านั้น”
การวิเคราะห์ข้อมูลจาก Variety Intelligence Platform ได้เปิดเผยข้อมูลวิเคราะห์ยอดการชม YouTube รายเดือนจากช่อง YouTube DaFuq!?Boom! เจ้าของผลงานคลิป Skibidi Toilet เทียบกับช่อง YouTube ของแฟรนไชส์คอนเทนต์รายใหญ่ พบว่า แม้จำนวนผู้ชมคลิป Skibidi Toilet จะชะลอตัวลงอย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังมีฐานผู้ชมจำนวนที่มากกว่าคอนเทนต์ของแฟรนไชส์รายใหญ่ ๆ ทั้ง Star Wars, Wizarding World, Jurassic World, Fast & Furious หรือแม้แต่คอนเทนต์ของ Marvel และ DC และคาดว่าการนำ ลิขสิทธิ์ Skibidi Toilet ไปสปินออฟในรูปแบบหนังและซีรีส์ ก็จะช่วยเพิ่มฐานผู้ชมให้รู้จักในวงกว้างได้มากขึ้น
Skibidi Toilet คือคลิปซีรีส์แอนิเมชันที่ถูกเผยแพร่ในช่อง YouTube ที่มีชื่อว่า DaFuq!?Boom! ที่สร้างขึ้นโดย อเล็กเซย์ เกราซิมอฟ (Alexey Gerasimov) คอนเทนต์ครีเอเตอร์และแอนิเมเตอร์ชาวจอร์เจียวัย 23 ปี โดยเกราซิมอฟได้เรียนรู้และทดลองสร้างแอนิเมชันตัวแรกโดยใช้ซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์กราฟิก 3 มิติ Source Filmmaker ที่เขาเรียนรู้และทดลองสร้างขึ้นด้วยตัวเอง จนได้แอนิเมชันความยาว 12 นาที และอัปโหลดขึ้น YouTube เป็นครั้งแรกในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ปี 2023
ชื่อ Skibidi Toilet มีที่มาจากเพลงประกอบของคลิปนี้ ซึ่งเป็นการรีมิกซ์เพลง “Give It To Me” ของ ทิมบาแลนด์ (Timbaland) ที่มีท่อน ‘Skibidi’ เข้ากับเพลง “Dom Dom Yes Yes” ของ ไบเซอร์ คิง (Biser King) ที่ติด (หลอน) หูจนกลายเป็นเพลงธีมของ Skibidi Toilet ไปในที่สุด คลิปแรกนี้มียอดผู้ชมสูงถึง 190 ล้านวิว โดยในปัจจุบัน ช่องนี้มียอดผู้ติดตาม 43 ล้านคน และมียอดเข้าชมรวมมากกว่า 17,000 ล้านครั้ง
เรื่องราวของ Skibidi Toilet ถูกขยายออกมาจนกลายเป็นคลิปซีรีส์ความยาว 1-5 นาทีออกมาหลายตอน แต่โดยรวม ๆ เป็นเรื่องราวสงครามของเหล่า Skibidi Toilet ที่ต้องการเปลี่ยนมนุษย์ทุกคนให้เป็นมนุษย์ชักโครกเหมือนตัวเอง และมีการเพิ่มตัวละครไซบอร์กที่มีรูปร่างคล้ายมนุษย์ แต่มีหัวเป็นโทรทัศน์, ลำโพง และกล้องวงจรปิด ออกมาเป็นตัวละครคอยปราบปราม Skibidi Toilet อีกที โดยมีจุดอ่อนคือปุ่มกดน้ำ หากกดแล้วจะทำให้หัวหายเข้าไปในชักโครก
แม้ Skibidi Toilet จะดูแปลกประหลาด เซอร์เรียล และสยองขวัญสำหรับผู้ใหญ่บางคน แถมยังมีเนื้อหาที่รุนแรงจนไม่สามารถจัดเข้าหมวดหมู่ YouTube kids ได้ (เหมาะกับผู้ชมอายุ 13 ปีขึ้นไป) แต่กลับกลายเป็นไวรัลฮิตในหมู่เด็ก ๆ โดยเฉพาะเด็กรุ่น Gen Alpha (เด็กที่เกิดในช่วงปี 2010 เป็นต้นไป) เนื่องจากเป็นคลิปที่ไม่มีบทพูดใด ๆ มีเรื่องราวที่ดูง่ายไม่ซับซ้อน และด้วยความแปลกประหลาด ตลกขบขันแบบไร้สาระ ไร้แก่นสารใด ๆ ก็เลยทำให้มันกลายมาเป็นมีมที่ถูกผลิตซ้ำจนกลายเป็นไอคอนทางวัฒนธรรมของปี 2023 และสามารถผลิตสินค้าคอลเลกชันของตัวเองออกมาวางขายได้
แน่นอนว่าความ Creepy และฉากรุนแรง (แบบไซไฟ) ของ Skibidi Toilet ก็ทำให้หลายฝ่ายออกมาต่อต้าน ทั้งการที่มี TikToker ของอินโดนีเซียออกมาเตือนผู้ปกครองเกี่ยวกับ Skibidi Toilet Syndrome หรืออาการติดคลิป Skibidi Toilet ของบุตรหลานที่เกิดอาการหงุดหงิด ซึมเศร้า โมโหร้ายเมื่อถูกห้ามไม่ให้ดูคลิป Skibidi Toilet ในขณะที่สื่อ และผู้เชี่ยวชาญหลายคนมองว่าสิ่งนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ และไม่น่าจะเกิดอันตรายอะไร ไม่ต่างจากสื่ออื่น ๆ ที่เด็กดู ที่บางครั้งก็มีความรุนแรงแฝงอยู่เช่นกัน ในขณะที่เด็ก Gen Alpha ดูคลิปเหล่านี้เพราะความสนุก ดูตามเพื่อน และมีความเป็นมีมตลกขบขันที่เด็ก ๆ เข้าถึงได้ง่ายนั่นเอง
รายงานนี้เกิดขึ้นหลังจากที่บริษัท Invisible Narratives ที่มีกู้ดแมนเป็นผู้ก่อตั้ง และเบย์ที่ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาฝ่ายสร้างสรรค์ ได้ทำข้อตกลงกับบริษัทของเล่นยักษ์ใหญ่ของสหรัฐอเมริกา Bonkers Toys ในการผลิตและจำหน่ายของเล่นจาก Skibidi Toilet ไปทั่วโลก
ซึ่ง ณ เวลานี้ยังไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับสตูดิโอ หรือบริษัทที่พวกเขากำลังเข้าพูดคุยเพื่อพัฒนาโปรเจกต์ดังกล่าวร่วมกัน แต่กู้ดแมนได้เปิดเผยว่า เขากำลังสนใจที่จะสร้าง Skibidi Toilet ให้กลายเป็นหนังแนวแอนิเมชันผสมไลฟ์แอ็กชัน ที่มีสไตล์คล้ายคลึงกับหนัง ‘District 9’ (2009) หรือ ‘John Wick‘ และเบย์จะร่วมพัฒนาเนื้อหาร่วมกับเกราซิมอฟอย่างใกล้ชิด
“ที่ผมจะบอกก็คือ ทั้งไมเคิล และเจฟฟรีย์ บีครอฟท์ (Jeffrey Beecroft) ซึ่งเป็นผู้ออกแบบงานสร้างที่ทำงานร่วมกับเขามาอย่างยาวนาน เป็นเพื่อนร่วมงานที่เคยร่วมงานกับเขาในหนังทุกเรื่อง กำลังทำงานใกล้ชิดกับอเล็กเซย์ เพื่อทำให้เบื้องหลังของงานชิ้นนี้มีความเป็นมืออาชีพจริง ๆ และเพื่อให้แน่ใจว่า หากเราตัดสินใจเอาสิ่งนี้ไปทำหนังหรือทีวีซีรีส์ งานนี้จะได้รับการยกระดับให้สูงกว่าสิ่งที่ผู้สร้างมีอยู่บนอินเทอร์เน็ต”
ปรากฏการณ์การข้ามแพลตฟอร์มจากโซเชียลมีเดียและโลกออนไลน์มาสู่พื้นที่สื่อแบบดั้งเดิมกำลังกลายเป็นเทรนด์ที่น่าสนใจในโลกฮอลลีวูดเวลานี้ ตั้งแต่การที่ยูทูบเบอร์ชื่อดัง MrBeast ได้จับมือกับ Prime Video เพื่อผลิตรายการเรียลลิตีโชว์ ‘Beast Games’ ที่มีเงินรางวัลแจ็กพอตสูงถึง 5 ล้านเหรียญ รวมทั้งการเซ็นสัญญาผลิตภาพยนตร์ของช่อง YouTube ยอดนิยมสำหรับเด็ก Cocomelon ภายใต้การดูแลของสตูดิโอ Universal Pictures เป็นต้น
กู้ดแมน ในฐานะอดีตผู้บริหารสตูดิโอภาพยนตร์ และผู้ก่อตั้งสตูดิโอดิจิทัลคอนเทนต์ Invisible Narratives ที่มุ่งเน้นการเชื่อมโยง Content Creator ที่มีศักยภาพเข้ากับแบรนด์ชื่อดังและภาพยนตร์ฮอลลีวูด ได้กล่าวถึงศักยภาพและความเชื่อมั่นในการนำเอาไวรัลฮิตของเด็กยุคนี้อย่าง Skibidi Toilet มาสร้างเป็นหนังและซีรีส์ ที่จะมีความใกล้เคียงกับความสำเร็จของเขาในอดีตที่เคยเกิดขึ้นกับภาพยนตร์เฉกเช่นเดียวกัน
“หากเราได้พบพันธมิตรที่เชื่อมั่นจริง ๆ ว่ามีโอกาสที่จะเติบโต สามารถเล่าเรื่องให้มีการเติบโตได้อย่างแท้จริง และทำให้สิ่งเหล่านี้เป็นไปตามที่เราคาดหวังไว้ได้ หนังและทีวีก็ดูจะเป็นการขยายตัวที่เป็นธรรมชาติสำหรับเรา เขากำลังสร้างสิ่งที่อาจจะเป็น ‘Transformers’ ตัวถัดไป หรือไม่ก็อาจจะกลายเป็นจักรวาล Marvel ก็เป็นได้”