หลายคนรู้จัก คีอานู รีฟส์ (Keanu Reeves) นักแสดงแอ็กชันสตาร์หน้านิ่งที่มีผลงานการแสดงในฮอลลีวูดมายาวนานกว่า 38 ปี รวมทั้งในบทบาทของการเป็นนักดนตรี ด้วยการเป็นมือกีตาร์เบสของวงอัลเทอร์เนทีฟร็อก 3 ชิ้น ที่มีชื่อว่า ‘Dogstar’ นอกจากนี้เขายังมีบทบาทในฐานะของการเป็นนักเขียนที่กำลังมีผลงานการเขียน ทั้งการสร้างสรรค์ผลงานเรื่องราวในการ์ตูนคอมิก รวมทั้งการร่วมเขียนหนังสือนิยาย และที่หลายคนอาจนึกไม่ถึงก็คือ ปีนี้รีฟส์มีอายุครบ 59 ปีแล้ว และกำลังคิดถึงเรื่องความตายอยู่ในทุกช่วงวินาที
รีฟส์ และไชนา มิเอวิล (China Miéville) นักเขียนนิยายแนวไซไฟชาวอังกฤษ เจ้าของผลงานหนังสือนิยายเล่มใหม่ ‘The Book of Elsewhere’ ที่ได้รับการตีพิมพ์และจัดจำหน่ายโดยสำนักพิมพ์ Penguin Random House และวางแผงเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคมที่ผ่านมา ได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว BBC เกี่ยวกับผลงานของพวกเขา รีฟส์ได้แรงบันดาลใจเบื้องต้นของหนังสือเล่มนี้มาจากการคิดถึงความตาย ที่เขามองว่าเป็นสิ่งที่ดี
“ผมอายุ 59 ปีแล้วนะครับ ดังนั้น ผมจึงคิดถึงเรื่องของความตายอยู่ตลอดเวลา ผมไม่ได้หวังในแง่ที่ว่า เราจะไม่สูญเสียร่างกายไป แต่เป็นความหวังว่า มันจะทำให้เรารู้สึกซาบซึ้งต่อลมหายใจที่เรามี และความสัมพันธ์ที่เราได้มีโอกาสที่จะมี”
‘The Book of Elsewhere’ เป็นหนังสือนิยายที่เล่าเรื่องราวของนักรบที่มีชีวิตอมตะ แต่มีแรงปรารถนาที่ต้องการจะตาย ซึ่งมีพื้นเรื่อง หรือนับเป็นจักรวาลคู่ขนานกับเรื่องราวในซีรีส์คอมิก ‘BRZRKR’ อ่านว่า เบอร์เซิร์กเกอร์ (Berserker) ที่รีฟส์ทำหน้าที่แต่งเรื่องราวร่วมกับ Boom! Studios ซึ่งเป็นเรื่องราวแฟนตาซีของตัวละครเอกที่มีชีวิตเป็นอมตะ อยู่ในโลกมายาวนานกว่า 80,000 ปี
ตัวหนังสือเริ่มตีพิมพ์เล่มแรกในปี 2021 ก่อนจะมีเรื่องราวต่อมารวมทั้งหมด 3 เล่ม และกำลังถูกนำไปดัดแปลงเป็นหนังไลฟ์แอ็กชันที่รีฟส์รับหน้าที่แสดงนำ ด้วยความร่วมมือกับ Netflix รวมทั้งจะมีการดัดแปลงเป็นฉบับแอนิเมชันด้วย
สำหรับรีฟส์แล้ว หนังสือการ์ตูนมีเสน่ห์ที่ดึงดูดใจเป็นพิเศษ “ผมรักในภาพวาดต่าง ๆ ครับ ผมรักในถ้อยคำและการเล่าเรื่อง และผมรักในวิธีที่คุณจะสามารถมีส่วนร่วมกับหน้ากระดาษที่ซ้อนทับกัน ดังนั้น คุณจึงสามารถมองดูงานศิลปะและติดตามเรื่องราวไปพร้อม ๆ กันได้”
อย่างไรก็ตาม รีฟส์กลับถ่อมตัวและมองว่าตัวเองมีส่วนร่วมเพียงบางส่วน “ผมไม่ได้เป็นคนเขียนนิยายหรอกครับ ไชนาต่างหากที่เป็นคนเขียน”
“เขาพูดถ่อมตัวเกินไปหน่อยครับ ผมคิดว่านิยายเล่มนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย หากไม่ได้ทำงานระดมความคิดและทำงานกันอย่างประณีตรอบคอบร่วมกันกับคีอานู” มิเอวิลกล่าว
ในคอมิก ‘BRZRKR’ ตัวละครเอกในเรื่องมีชื่อที่รู้จักกันในชื่อว่า ‘B’ ที่มีรูปลักษณ์ หน้าตา และทรงผมคล้ายกับรีฟส์ หลังจากที่หนังสือตีพิมพ์ แฟน ๆ หลายส่วนสังเกตได้ถึงเรื่องราวที่มีความคล้ายคลึงกันระหว่างชีวิตของตัวละคร ‘B’ และชีวิตส่วนตัวของรีฟส์ที่พบกับความสูญเสียมาโดยตลอด
ในปี 1993 รีฟส์ต้องสูญเสีย ริเวอร์ ฟีนิกซ์ (River Phoenix) นักแสดงวัยรุ่น พี่ชายของ วาคีน ฟีนิกซ์ (Joaquin Phoenix) ไปตลอดกาล จากการเสพยาเสพติดเกินขนาด รีฟส์และฟีนิกซ์ร่วมงานกันครั้งแรกใน ‘Parenthood’ (1989) และกลายเป็นเพื่อนสนิทในฮอลลีวูดเพียงไม่กี่คนของเขา ก่อนที่จะได้ร่วมงานกันอีกครั้งใน ‘My Own Private Idaho’ (1991) ที่นับเป็นครั้งสุดท้ายที่ทั้งคู่ทำงานร่วมกัน
การสูญเสียครั้งใหญ่ของเขาเกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อเขาและภรรยา เจนนิเฟอร์ ไซม์ (Jennifer Syme) ผู้ช่วยผู้กำกับของผู้กำกับชื่อดัง เดวิด ลินช์ (David Lynch) ต้องสูญเสียลูกสาวที่เกิดก่อนกำหนดในปี 1999 ทำให้ความหวังอยากสร้างครอบครัวของทั้งคู่ต้องสะดุด และในที่สุดความฝันนั้นก็กลายเป็นฝันสลาย ทั้งคู่แยกทางกัน จนกระทั่งไชม์ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ และเสียชีวิตในปี 2001
สิ่งที่ตัวละคร ‘B’ มี แต่รีฟส์ไม่มีก็คือ การเป็นมนุษย์ครึ่งเทพ ที่ทำให้มีอายุมากกว่า 80,000 ปี และมีคำสาปแห่งความรุนแรง ที่ทำให้ ‘B’ กลายเป็นนักรบที่สามารถ “ต่อยที่หน้าอก ฉีกแขน ฉีกหัวของคนอื่นออกได้” ตามที่รีฟส์อธิบาย ความรุนแรงปรากฏขึ้นตั้งแต่ฉากเปิดเรื่องที่มีฉากยิง และการบรรยายถึง “ธุรกิจนองเลือดแห่งการกวาดล้างอันโหดร้ายยิ่ง”
ในขณะที่รีฟส์คือนักแสดงฮอลลีวูดที่ได้รับการกล่าวขานว่ามีการวางตัวดี นิสัยดี มีพฤติกรรรมที่เป็นแบบอย่าง จนได้รับการยกให้เป็นสุภาพบุรุษแห่งฮอลลีวูด รีฟส์อธิบายถึงความรุนแรงที่เขาสร้างขึ้นให้กับตัวละคร ‘B’ ที่ได้จากหนังแอ็กชัน อาทิ ‘Speed’ (1994) รวมทั้งแฟรนไชส์ ‘The Matrix’ และ ‘John Wick’ “ผมคิดว่ามันคงได้รับอิทธิพลจากหนังแอ็กชันบางเรื่องที่ผมแสดงน่ะครับ”
“ผมหวังว่า คนที่ได้อ่าน ‘BRZRKR’ คงจะไม่ออกไปข้างนอก แล้วฉีกแขนหรือตัดหัวใคร เพราะว่าในเรื่องราวนี้ มันมีเรื่องของความรักอยู่ ถ้าหากคุณได้อ่านมันจริง ๆ ผมหวังว่าคุณอาจจะได้พบกับความรัก หากว่าตอนนี้คุณยังไม่เคยได้มีมัน”
ในขณะที่มิเอวิล ตอบคำถามเกี่ยวกับการเชื่อมโยงความรุนแรงในการ์ตูนหรือนิยาย กับความรุนแรงที่เกิดขึ้นในชีวิตจริงว่า “ผมเองรู้สึกหงุดหงิดมากกับคำถามแนว ๆ นี้ ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร มันชัดเจนเลยว่า สิ่งเหล่านี้มันกลายเป็นแพะรับบาปในเชิงวัฒนธรรมไปแล้ว ผมคิดว่า ความคิดที่ว่าการเล่นวิดีโอเกม ดูภาพยนตร์ หรืออะไรก็ตามแต่ มันเป็นแค่การล้างความผิดให้กับคนที่ได้ประโยชน์จากการใช้ความรุนแรงเท่านั้นเอง”
ในขณะที่รีฟส์และมิเอวิลคือคนที่สร้างโลกแห่งจินตนาการ รีฟส์อธิบายถึงการพยายามหลบหนีจากความเป็นจริง “ในท้ายที่สุด บางที จินตนาการในการสร้างโลกอีกใบ ก็อาจจะทำให้เรารู้สึกสบายใจขึ้นได้บ้างในบางแง่มุม”
“และบางทีก็มีบ้างที่ตัวละครถูกสร้างสรรค์ขึ้นจากความเจ็บปวด การสร้างสรรค์สิ่งต่าง ๆ เป็นเรื่องที่ดี เพียงแค่สร้างสรรค์ แบ่งปัน และหวังว่าผู้คนจะชื่นชอบเรื่องราวที่เราบอกเล่าออกไป”
รีฟส์ในฐานะนักแสดงที่ยังขึ้นชื่อเรื่องของความใจกว้าง การชอบแบ่งปันสิ่งต่าง ๆ และมักจะไม่ค่อยเห็นเขารับเครดิตหรือเป็นเจ้าข้าวเจ้าของสิ่งต่าง ๆ แต่เขากลับอธิบายโต้แย้งในเรื่องนี้เมื่อพูดถึงความสำเร็จที่เกิดขึ้นจากนิยายเรื่องนี้
“ผมรักในการเป็นเจ้าข้าวเจ้าของสิ่งต่าง ๆ ครับ ผมชอบที่จะมีสิ่งของต่าง ๆ มากมาย และผมก็จะไม่แสดงตัวเองว่าเป็นคนที่ยอมสละทุกสิ่งทุกอย่างแน่นอน”