ก่อนที่ วิโนนา ไรเดอร์ (Winona Ryder) นักแสดงไอคอนแห่งยุค 90s ในวัย 52 ปี จะสามารถกลับมาเป็นที่จดจำจากการรับบท จอยซ์ ไบเออร์ส ในซีรีส์ ‘Stranger Things’ และได้กลับมารับบท ลิเดีย ดีตซ์ ในหนังสยองขวัญตลกร้าย ‘Beetlejuice Beetlejuice’ ที่กำลังจะเข้าฉายเร็ว ๆ นี้ แต่อย่างที่ทราบกันดีว่า มีช่วงเวลาหนึ่งที่เธอหายหน้าหายตาไปจากวงการ ตั้งแต่การถูกแบนจากสตูดิโอภาพยนตร์บางราย รวมทั้งความอยากเลิกจากการแสดง เพราะถูกล่วงละเมิดทางเพศ
ล่าสุด ไรเดอร์ได้ให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร Esquire เกี่ยวกับเหตุการณ์ในอดีตที่เธอเคยประสบพบเจอ เธอเล่าว่า ตัวเธอเองน่าจะเคยโดนสตูดิโอหนังนอกกระแสชื่อดังอย่าง Miramax สั่งแบนไม่ให้ร่วมงานกับเธอในช่วงทศวรรษ 1990 – 2000 เพียงเพราะเธอเคยมีปัญหางัดข้อกับเจ้าของสตูดิโอ ฮาร์วีย์ ไวน์สตีน (Harvey Weinstein) อดีตผู้บริหารและโปรดิวเซอร์ผู้ทรงอิทธิพลของฮอลลีวูดที่น่าจะคาดหวังอะไร ‘มากกว่านั้น’
“ฉันคิดว่าน่าจะมาจากหลายสาเหตุ ครั้งหนึ่งฉันต้องเข้าประชุมกับเขา ฉันไปที่สำนักงานของ Miramax และยื่นมือให้เขา เขาจับมือกับฉัน เรานั่งลงที่โซฟาแล้วก็คุยกัน และจากนั้นฉันก็เดินออกไป และหลังจากนั้น ฉันก็โดนตัวแทนของฉันตวาดใส่ว่า ‘เธอทำบ้าอะไรลงไปวะเนี่ย ?’ ฉันถามกลับว่า ‘อะไรนะ’ ดูเหมือนว่าฉันจะทำให้เขาไม่พอใจ เพราะฉันยื่นมือออกไปจับมือเขางั้นเหรอเนี่ย”
เธอมีโอกาสพบเจอกับไวน์สตีนอีกครั้ง ตอนที่เธอกำลังถ่ายทำ ‘The House of the Spirits’ (1993) เธอเล่าว่า เขาบุกมาหาเธอที่กองถ่ายและทุบที่ประตูรถเทรลเลอร์ของเธออย่างรุนแรง เพราะเขาต้องการให้เธอมารับบทในหนังที่ดัดแปลงมาจากบทละครเวทีมิวสิคัลเรื่อง ‘Little Voice’ (1998) ที่เขากำลังผลิตอยู่
“แล้วฉันก็บอกกับเขาไปว่า ‘พระเจ้า ฉันเพิ่งไปดูเรื่องนั้นที่ลอนดอนมา คุณต้องเลือก เจน ฮอร์ร็อกส์ (Jane Horrocks) ผู้หญิงที่แสดงฉบับละครเวทีคนนั้นนะ เธอเก่งมาก ๆ’ แล้วเขาก็ทำตัวแปลก ๆ ก่อนจะเดินออกไป”
แม้เธอจะยืนยันว่าไม่เคยถูกไวน์สตีนล่วงละเมิดทางเพศ และไม่เคยเป็น 1 ในเหยื่อของไวน์สตีนที่ทำให้เขาถูกจับกุม และถูกตัดสินจำคุก 23 ปี ในข้อหาข่มขืนและล่วงละเมิดทางเพศเมื่อปี 2020 แต่การพบปะอันไม่น่าพอใจทั้ง 2 ครั้ง ทำให้เธอคิดว่า ไวน์สตีนคงใช้อิทธิพลของตัวเองในการออกคำสั่งให้โปรดิวเซอร์ไม่ให้เธอร่วมงานกับโปรเจกต์ต่าง ๆ ของสตูดิโอ ไรเดอร์พูดถึงตัวเธอเองว่า “เขาไม่ค่อยชอบฉัน เพราะฉันดันเป็นคนที่รู้มากเกินไปหน่อย”
แม้เธอจะรอดพ้นจากการตกเป็นเหยื่อของการกระทำอันเลวร้ายของไวน์สตีน แต่เธอเองก็เปิดเผยว่า เธอเคยถูกล่วงละเมิดทางเพศในช่วงวัย 20 และ 30 ปี เช่นเดียวกับนักแสดงหญิงหลายคนในยุคนั้น
“ฉันเคยมีประสบการณ์ที่ยากลำบากกับคน 2-3 คนที่เคยล่วงละเมิดทางเพศฉันอย่างโจ่งแจ้งเมื่อตอนอายุ 20 ปลาย ๆ และอีกครั้งก็คือตอนอายุ 30 ไม่ได้ถึงขั้นข่มขืน แต่มันก็ไม่เหมาะสมมาก ๆ เป็นเรื่องที่บ้าบอเหลือเกิน ฉันเข้าใจเลยว่า (เหยื่อของไวน์สตีนและคนอื่น ๆ ) ต้องผ่านอะไรมาบ้าง”
“ฉันเองโชคดีที่ฉันเองมีชื่อเสียงแล้ว มันเลยไม่ได้เกิดขึ้นกับฉันมากเท่าที่ฉันอาจจะต้องพบเจอ หากฉันยังอยู่ในช่วงที่กำลังดิ้นรน แต่ฉันก็จำความรู้สึกในใจตอนนั้นได้ว่า ฉันต้องต่อรอง ฉันต้องคิดถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นหากฉันพูดอะไรบางอย่างออกไป ฉันต้องคิดหาทางออก ในระหว่างที่คน ๆ นั้นกำลังทำสิ่งที่น่าขยะแขยงมาก ๆ”
ไรเดอร์ไม่ได้ต้องการระบุชื่อของผู้กระทำ หรืออธิบายรายละเอียดของสิ่งที่เกิดขึ้น แต่เธอเชื่อว่า สิ่งที่เธอเผชิญนั้นมีผลกระทบต่อตัวเธอไม่มากก็น้อย และยังส่งผลต่อปัจจุบัน เธอมีโอกาสเล่าเรื่องนี้ใหักับนักแสดงรุ่นลูกอย่าง เจนนา ออร์เทกา (Jenna Ortega) ฟัง “และขณะที่ฉันเล่า ฉันก็พลางคิดไปด้วยว่า ‘พระเจ้าช่วย มันเป็นอะไรที่แย่-ิบหายเลย'”
เธอเล่าเพิ่มเติมด้วยว่า ด้วยเหตุการณ์นั้น ทำให้เธอคุ้นชินกับการพยายามปกป้องตัวเอง “ถ้ามีใครทำตัวไม่เหมาะสม หรือพยายามจะจีบฉันตอนเมา ๆ ฉันก็จะ ‘ฮ่า ๆ ๆ’ อยากทำอะไรก็ทำ หรือทำสิ่งที่ไม่เหมาะเหรอ ? ฉันว่ายังพอรับได้นะ แต่ถ้ามาจับตัวฉัน อันนี้ฉันว่าเริ่มรุกล้ำมากไปหน่อย”
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า การคุกคามก็ทำให้มุมมองและทัศนคติที่เธอมีต่อฮอลลีวูดลดน้อยถอยลงอย่างมาก จนนำไปสู่การถอยออกมาจากฮอลลีวูดในช่วงระยะเวลาหนึ่ง “เมื่อมองย้อนกลับไป มันทำให้ฉันรู้สึกแย่กับการทำหนังมากจริง ๆ นักแสดงชื่อดังทุกคนมักจะบอกกับฉันเสมอว่า เมื่อไหร่ที่มันไม่ใช่เรื่องน่าตื่นเต้นอีกต่อไป คุณก็ต้องเลิกทำมันซะ และฉันก็แคร์กับเรื่องนี้มาก ๆ ด้วย”