ดูเหมือนว่าสมรภูมิของวงการ K-Pop เกาหลีใต้จะยังไม่หายคุกรุ่น หลังจากเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ไฮบ์ คอร์ปอเรชัน (HYBE Corporation) บริษัทสื่อบันเทิง Big 4 ของวงการบันเทิงเกาหลีใต้ ตกเป็นข่าวใหญ่ หลังจากที่มีรายงานข่าวว่า มินฮีจิน (Min Hee-jin) ผู้บริหารสังกัด ADOR พยายามแยกสังกัดออกมาเป็นอิสระจาก HYBE จนกลายเป็นกรณีพิพาทที่ยังไม่สามารถหาข้อสรุปได้จนถึงทุกวันนี้
ผลพวงจากข้อขัดแย้งในกรณีดังกล่าว บานปลายมาจนกระทั่งเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา คณะกรรมาธิการวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยวของรัฐสภาเกาหลีใต้ ได้ซักถามข้อสงสัยเกี่ยวกับเอกสารที่จัดทำขึ้นเพื่อรายงานต่อผู้บริหารของ HYBE โดยตรง และได้มีการนำมาเปิดเผยต่อสาธารณะเป็นครั้งแรก
สิ่งที่สร้างความตกตะลึงไปทั่วทั้งวงการก็คือ เนื้อหาภายในของเอกสารฉบับนี้มีเนื้อหาที่มีการวิจารณ์และดูหมิ่นศิลปิน K-Pop ของค่ายอื่น ๆ ทั้ง เอสเอ็ม เอ็นเตอร์เทนเมนต์ (SM Entertainment), เจวายพี เอ็นเตอร์เทนเมนต์ (JYP Entertainment) และ วายจี เอ็นเตอร์เทนเมนต์ (YG Entertainment) รวมทั้งยังโจมตีภาพลักษณ์ การโปรโมต การทำการตลาดของเหล่าศิลปิน K-Pop ค่ายอื่น ๆ ด้วย
โดยบทความนี้จะเป็นการสรุปเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นภายใน HYBE โดยสังเขป ทั้งกรณีขัดแย้งที่เกิดขึ้นในสังกัด ADOR ที่มีศิลปินในสังกัดอย่าง นิวจีนส์ (NewJeans) รวมทั้งกรณีเอกสารหลุด ไปจนถึงแถลงการณ์ขอโทษของผู้บริหาร
สรุปประเด็นดราม่า HYBE – ADOR และ NewJeans
HYBE Corporation ก่อตั้งขึ้นในปี 2005 โดยแต่เดิมมีชื่อว่า Big Hit Entertainment โดย บังชีฮยอก (Bang Si-Hyuk) นักแต่งเพลงผู้อยู่เบื้องหลังวงบอยแบนด์ระดับโลก บีทีเอส (BTS) ความสำเร็จของ BTS ส่งผลให้ HYBE สามารถก้าวขึ้นมาเป็น 1 ใน 4 บริษัทยักษ์ใหญ่ของวงการบันเทิงเกาหลีใต้ในปัจจุบัน และมีสังกัดย่อยถึง 6 สังกัด ได้แก่ Big Hit Music, Belift Lab, Source Music, Pledis Entertainment, KOZ Entertainment รวมทั้ง ADOR ที่มี มินฮีจิน ทำหน้าที่เป็น CEO และโปรดิวเซอร์
ความสำเร็จของมินฮีจินเกิดขึ้นตั้งแต่สมัยที่เธอทำงานดูแลภาพลักษณ์ และอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของศิลปินของ SM Entertainment มากมายหลายวง จนกระทั่งเธอได้เข้ามาทำงานกับ HYBE ในปี 2017 ซึ่งเธอเองก็เป็นผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของวงเกิร์ลกรุ๊ป NewJeans ที่สร้างแรงกระเพื่อมใหม่ให้กับวงการ K-Pop ด้วยวิชวลและแนวทางดนตรีที่สอดคล้องกับเทรนด์จากยุค 2000 ที่กำลังเป็นที่นิยม ความสำเร็จนี้ทำให้มินฮีจินได้รับการเสนอ Stock Option หรือสิทธิ์ในการซื้อหุ้นของ ADOR ในราคาต่ำ ทำให้มีรายงานว่าเธอมีสัดส่วนหุ้นอยู่ที่ 18%
เรื่องเริ่มแดงขึ้นมาหลังจากที่เมื่อวันที่ 22 เมษายน HYBE ได้จัดให้มีการตรวจสอบภายใน (Audit) สังกัด ADOR และพบว่า มินฮีจิน CEO และโปรดิวเซอร์ของ ADOR และทีมผู้บริหาร ได้นำข้อมูลภายในที่เป็นความลับของบริษัทไปเปิดเผยเพื่อจูงใจแก่นักลงทุนภายนอก นอกจากนี้ ผู้ตรวจสอบภายในยังพบว่า มินฮีจินและทีมผู้บริหารมีความพยายามจะแยก ADOR ออกจาก HYBE ด้วยการหาวิธีกดดันให้ HYBE ขายหุ้น 80% ที่ ADOR ถือครองอยู่
จากการตรวจสอบยังพบอีกว่า มินฮีจินพยายามจะทำลายภาพลักษณ์ของ HYBE เพื่อให้บริษัทเกิดวิกฤติ เพราะต้องการจะเข้าซื้อหุ้นของ ADOR ที่ HYBE ถือครองอยู่เป็นของตัวเอง นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า มีความพยายามในการทำให้ศิลปินของ HYBE เจอกับกระแสแง่ลบ เพื่อโน้มน้าวให้ผู้ปกครองของศิลปินและแฟนคลับกดดันให้เปิดเผยข้อมูลส่วนตัว รูปถ่าย และข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพของศิลปิน รวมถึง Trainee หรือศิลปินฝึกหัด รวมทั้งมีการออกมาเปิดเผยว่า มินฮีจินได้จัดทำเอกสารเพื่อกดดันให้ HYBE ขายหุ้น ADOR รวมทั้งรายละเอียดเกี่ยวกับการยกเลิกสัญญาศิลปิน และสัญญาที่เกี่ยวข้องกับการบริหาร เพื่อเข้าถือสิทธิ์ในการครอบครอง ADOR
ในขณะที่มินฮีจินได้ออกมากล่าวหาว่า HYBE มีความพยายามจะแย่งชิงกระแสของวง NewJeans ด้วยการให้สังกัด Belift Lab เดบิวต์ศิลปินเกิร์ลกรุ๊ป ไอลิท (ILLIT) โดยกล่าวหาว่า ILLIT จงใจทำลายศิลปินที่เธอปลุกปั้น ด้วยรูปแบบแนวเพลง รวมไปถึงการนำเสนอวิชวลที่มีความคล้ายคลึงกับ NewJeans จนทำให้แฟนเพลงหลายคนนึกว่าเป็นเพลงใหม่ของ NewJeans หลังจากที่ได้เห็น Teaser ของวง ILLIT
จนทำให้มีรายงานว่า HYBE ได้จัดการประชุมเพื่อกล่าวตำหนิมินฮีจิน และผู้บริหารที่มีเจตนาพยายามแยก ADOR ออกไป และมีรายงานว่าทาง HYBE ได้ยื่นจดหมายกดดันให้มินฮีจินลาออกจากตำแหน่ง จนกระทั่งในวันที่ 25 เมษายน HYBE ได้ยื่นฟ้องมินฮีจินและผู้ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งออกมาเปิดเผยว่า เธอมักจะปรึกษากับคนทรงเจ้าเพื่อตัดสินใจในการบริหารงาน ก่อนที่มินฮีจินจะออกมาแถลงข่าวปฏิเสธว่า ไม่มีความพยายามจะแยกตัวหรือแย่งชิงสิทธิ์ในการบริหารแต่อย่างใด และเผยว่าเธอปรึกษากับคนทรงเจ้าจริง แต่เป็นการปรึกษาแค่เพื่อคลายข้อสงสัยของตนเองเท่านั้น
HYBE ได้ออกมาแถลงโต้กลับมินฮีจินว่า การกล่าวหาและพาดพิงต่าง ๆ นั้น HYBE มีหลักฐานโต้กลับได้ในทุกประเด็น รวมทั้งเรียกร้องให้มินฮีจินคืนเอกสารข้อมูลภายในของบริษัท และเรียกร้องให้ลาออกจากการเป็น CEO เพราะไม่เหมาะสมที่จะทำหน้าที่ผู้บริหาร รวมทั้งยังเรียกร้องให้หยุดพาดพิงศิลปินและผู้ปกครองของศิลปินด้วย จนทำให้ HYBE ตัดสินใจปลดมินฮีจินออกจากการเป็นผู้บริหารไว้ก่อน
เหตุการณ์ลากยาวมาจนถึงเดือนกันยายน สมาชิกทั้ง 5 คนของวงเกิร์ลกรุ๊ป NewJeans ได้เปิดช่อง YouTube ขึ้นใหม่โดยใช้ชื่อว่า nwjns ก่อนจะมีการถ่ายทอดสดเพื่อเปิดเผยสิ่งที่เธอต้องเผชิญท่ามกลางความขัดแย้งระหว่างมินฮีจินและ HYBE โดยสมาชิกทั้ง 5 คนได้เรียกร้องให้บังชีฮยอก CEO ของ HYBE แต่งตั้งมินฮีจินกลับมาเป็น CEO ของ ADOR อีกครั้ง และยังได้กล่าวถึงความผูกพันของพวกเธอที่มีต่อมินฮีจิน ซึ่งเป็นผู้ที่มีส่วนร่วมในการสร้างและกำหนดทิศทางให้กับวง และยังเปิดเผยว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา พวกเธอทำงานกับมินฮีจินมาด้วยดี
ในขณะที่ได้กล่าวหาว่า การบริหารของ CEO คนใหม่ที่ขึ้นตรงต่อ HYBE นั้นทำให้พวกเธอถูกละเลย และไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม โดย ฮันนิ (Hanni) 1 ในสมาชิกวงได้เปิดเผยว่า เธอได้ทักทายพูดคุยกับศิลปินวงอื่น ๆ แต่กลับถูกผู้จัดการของวงดังกล่าวสั่งกับศิลปินว่า “อย่าไปสนใจเธอ” เมื่อเธอนำเรื่องไปบอกกับ คิมจูยอง (Kim Joo-young) CEO คนใหม่ของ ADOR ก็กลับถูกปฏิเสธว่าไม่มีหลักฐาน โดยภายหลังคลิปถ่ายทอดสดดังกล่าวได้ถูกลบออกไป
ผลพวงจากคดีดังกล่าว ทำให้ในวันที่ 15 ตุลาคม ฮันนิได้เดินทางเข้าไปให้ข้อมูลกับรัฐสภาเกาหลีใต้ ที่เข้ามาเป็นผู้ดูแลในข้อขัดแย้งดังกล่าว โดยเธอได้เปิดเผยว่า เธอถูกผู้จัดการของวง ILLIT สั่งศิลปินให้เมินและทำเป็นมองไม่เห็นเธอ นอกจากนี้เธอยังกล่าวว่า เธอเคยเห็นพนักงานของสังกัดนินทาวง NewJeans ผ่านแอปฯ แชตที่ใช้สื่อสารภายในบริษัท รวมทั้งยังมีการสั่งให้ฝ่ายประชาสัมพันธ์ของ HYBE ติดต่อนักข่าวเพื่อพยายามจะลดทอนความสำเร็จของวง ทำให้พวกเธอมองว่า HYBE รังเกียจพวกเธอ ในขณะที่ผู้บริหารของ Belift Lab ต้นสังกัดของวง ILLIT ได้ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว
ปมดราม่าเอกสาร HYBE หลุด บุลลีศิลปิน K-Pop BLACKPINK – LISA โดนด้วย
เมื่อวันที่ 24 ตุลาคมที่ผ่านมา ในที่ประชุมของสภาคณะกรรมาธิการวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยวของรัฐสภาเกาหลีใต้ ได้มีการเปิดเผยเอกสารที่เรียกว่า ‘รายงานเกี่ยวกับอุตสาหกรรมดนตรี’ ซึ่งเป็นเอกสารที่ HYBE จัดทำขึ้นเป็นการภายใน และเผยแพร่ทางอีเมลถึงบังชีฮยอก และคณะผู้บริหารของ HYBE เป็นรายสัปดาห์ ซึ่งเขียนโดยบุคคลที่ใช้ชื่อว่า มิสเตอร์เอ (Mr. A) ซึ่งทำงานเป็นนักวิจารณ์เพลง และเป็นหัวหน้ากองบรรณาธิการนิตยสาร Weverse ในเครือของ HYBE
โดยเอกสารที่คาดว่าน่าจะมีฉบับเต็มยาว 18,000 หน้านี้ ได้มีการระบุรายละเอียดเกี่ยวกับการวิพากษ์วิจารณ์ และดูหมิ่นศิลปิน K-Pop ค่ายอื่น ๆ ตั้งแต่ค่าย Big 4 และค่ายขนาดเล็ก รวมทั้งประเด็นเกี่ยวกับการใช้ชีวิตส่วนตัว ความคิดเห็นของผู้คนในโลกออนไลน์ และความคิดเห็นเกี่ยวกับด้านการตลาดของศิลปิน K-Pop
รวมไปถึงการประเมินรูปลักษณ์ของศิลปินไอดอล K-Pop วงต่าง ๆ อาทิ การวิจารณ์ภาพลักษณ์ของวงไอดอลจากบริษัทขนาดกลางและเล็กว่า “ไม่มีใครที่มีใบหน้าที่มีความเป็นไอดอลเลย และการแสดงของพวกเขาก็แสดงออกมาอย่างกับการแสดงความสามารถพิเศษของโรงเรียนมัธยมต้น”, “สมาชิกคนอื่น ๆ นั้นช่างน่าเกลียดเหลือเกิน” และ “มีเหตุผลที่ชัดเจนว่าทำไมทีมนี้ถึงไม่ได้รับความนิยมมาสักระยะหนึ่งแล้ว”
นอกจากนี้ยังมีการวิจารณ์ศิลปินเป็นรายค่าย ตั้งแต่การวิจารณ์ศิลปินหน้าใหม่ของค่าย SM Entertainment ว่า “น่าแปลกใจมากที่ไม่มีใครดูสวยเลย”, “รสนิยมของพวกเขาเปลี่ยนไปแล้วหรือไม่”, “ไม่เหมาะกับเป็นเซนเตอร์” และ “การเต้นมีปัญหา” รวมทั้งยังกล่าวถึงศิลปินของค่าย YG ว่า “บางทีอาจเป็นเพราะระบบฝึกหัดของพวกเธอยังด้อยกว่า” และวิจารณ์สมาชิกวงไอดอลของค่าย JYP ว่า “พวกเขาผ่านการศัลยกรรมมามากจนแทบจะจำไม่ได้ หลายคนดูเหมือนอยู่ในสภาพแวดล้อมที่กดดันทางจิตใจ จนส่งผลชัดเจนทั้งในด้านวิชวลและเสน่ห์ดึงดูด”
1 ในศิลปินที่ถูกกล่าวถึงและวิพากษ์วิจารณ์ในเอกสารฉบับนี้ก็คือวงเกิร์ลกรุ๊ป BLACKPINK ศิลปินในสังกัดค่าย YG โดยมีเนื้อหาที่กล่าวหาว่า การที่วงดังได้เพราะได้มีโอกาสขึ้นแสดงในเทศกาลดนตรี Coachella และกล่าวหาว่าที่เพลงของลิซ่า (LISA) สามารถติดอันดับบนชาร์ตเพลงได้ก็เพราะใช้วิธีการโกงด้วยการปั่นผลโหวต
และยังเปิดเผยว่า HYBE มีส่วนในการพยายามปล่อยข่าวเท็จ หรือข่าวที่ไม่มีมูลเพื่อปั่นกระแสความเกลียดชังและชื่อเสียงในแง่ลบแก่ลิซ่า รวมทั้งพยายามสร้างภาพลักษณ์ของ Fandom หรือกลุ่มแฟนคลับของลิซ่าให้ดูไม่ดีต่อสาธารณชน และพยายามตั้งชื่อแฟนดอมของศิลปินในค่ายของตนเองให้คล้ายกับแฟนดอมของลิซ่าเพื่อเกาะกระแสให้วงของตนดังตามไปด้วย
รวมทั้งยังมีการพาดพิงไปถึงศิลปินวงอื่น ๆ อีกมากมาย อาทิ กล่าวถึงวง TWICE ว่าเป็นวงที่มีทีมเวิร์กดี แต่ไม่สามารถรับมือกับสถานการณ์เฉพาะหน้าได้ และยังวิจารณ์วง Aespa ว่าเป็นวงที่มีเพลงติดชาร์ต แต่กลับเป็นโชว์ที่ไม่มีพัฒนาการในการเต้นและมีโชว์ที่ไม่น่าประทับใจเมื่อยามออกทัวร์คอนเสิร์ต
หลังจากที่มีข่าวออกมา แฟนคลับของศิลปินที่ถูกพูดถึงในเอกสารดังกล่าวได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของ HYBE อย่างล้นหลาม และเรียกร้องให้ HYBE ออกมาขอโทษศิลปินต่าง ๆ แบบเรียงคน จนภายหลัง HYBE ได้ออกมาแถลงการณ์ว่า เอกสารฉบับนี้เป็นเพียงการรวบรวมความคิดเห็นจากแฟนคลับ ไม่ใช่จุดยืนของบริษัทแต่อย่างใด
จนถึงขนาดที่ศิลปินในสังกัดของบริษัท HYBE ยังต้องออกมาแสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยต่อบริษัทที่มองศิลปินเป็นเพียงวัตถุ ก่อนที่ HYBE จะออกมาประกาศว่า ได้ทำการไล่หัวหน้าผู้จัดทำเอกสารดังกล่าวออกจากบริษัทเป็นที่เรียบร้อย และจะดำเนินการติดต่อไปยังค่ายต่าง ๆ ที่ถูกพาดพิงเพื่อขอโทษทางค่ายและตัวศิลปินโดยตรงอีกด้วย
จนกระทั่งเมื่อวันที่ 29 ตุลาคมที่ผ่านมา อีแจซัง (Lee Jae-Sang) CEO ของ HYBE ได้ออกแถลงการณ์ขอโทษต่อกรณีดังกล่าวผ่านเว็บไซต์ทางการของบริษัท โดยมีเนื้อหาระบุว่า
“ในฐานะ CEO ของ HYBE ผมขอกราบขอขมาต่อศิลปิน ผู้ที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรม และแฟน ๆ ทุกท่านเกี่ยวกับเอกสารที่ถูกวิจารณ์ดังกล่าว เอกสารดังกล่าวนี้ถูกจัดทำขึ้นในกระบวนการรวบรวมความคิดเห็น และปฏิกิริยาต่อแนวโน้มและประเด็นในอุตสาหกรรม เพื่อแชร์ให้กับผู้บริหารบางส่วน โดยมีวัตถุประสงค์ในการทำความเข้าใจความคิดเห็นของแฟน ๆ และตลาดที่มีต่อศิลปิน แต่เนื้อหาของเอกสารนั้นไม่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง”
“ในฐานะตัวแทนของบริษัท ผมขอยอมรับผิดทั้งหมด และขอรับผิดชอบต่อการใช้ภาษาที่รุนแรงและหยาบคายต่อศิลปิน K-Pop รวมทั้งยังมีการเพิ่มเติมความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน และการที่มีการบันทึกเนื้อหานี้ลงในเอกสาร ผมรู้สึกเสียใจอย่างยิ่งที่ศิลปินและสมาชิกผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องถูกเข้าใจผิด และได้รับความเสียหายจากการถูกตั้งข้อสงสัยจากข่าวกระแสเชิงลบที่ไม่มีมูลความจริงอย่างสิ้นเชิงจากเอกสารนี้”
“ผมกำลังติดต่อไปยังแต่ละบริษัทเพื่อขอโทษเป็นการส่วนตัว นอกจากนี้ เราขออภัยอย่างจริงใจต่อศิลปินทุก ๆ คนภายในบริษัท HYBE ที่ถูกวิจารณ์เพราะความผิดพลาดของบริษัท เราขอยอมรับว่า ผู้บริหารที่ได้เปิดเผยเอกสารฉบับนี้ ขาดความตระหนักต่อปัญหาที่เกิดขึ้น และในฐานะผู้บริหาร เราได้สั่งหยุดการจัดทำเอกสารการตรวจสอบทันที เราขอสัญญาว่า จะจัดทำแนวทาง และเสริมความเข้มแข็งในระบบการควบคุมภายในไม่ให้เกิดปัญหานี้ขึ้นอีก”
“ขอกล่าวย้ำอีกครั้งหนึ่งว่า เราขอโทษต่อศิลปิน ผู้ที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรม และแฟน ๆ ที่รักและสนับสนุน K-Pop ที่ได้รับความเจ็บปวดจากเหตุการณ์นี้ทุกคน ในฐานะตัวแทนของบริษัท เราจะปรับปรุงข้อผิดพลาดในอดีตด้วยการไตร่ตรองและทบทวนตนเองให้ละเอียดถี่ถ้วนกว่านี้ และเราจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรม K-Pop อย่างยั่งยืน โดยยึดถือสิทธิ ผลประโยชน์ของศิลปิน K-Pop ทุกคน และความเคารพที่มีต่อแฟน ๆ เป็นสำคัญ”