ผมได้ฟังงานริคก็ด้วยชื่นชอบผลงานของค่ายเบเกอรี่เป็นทุน ทีแรกที่ได้ยินก็นานมากแล้ว สงสัยในใจว่าน้องร้องอะไรหว่า … แต่ด้วยเป็นคนชอบฟังดนตรี เมโลดี้ที่จัดจ้าน คำร้องที่เข้มข้น จึงเป็นเรื่องเข้าใจได้ในท่วงทำนองในการเสพงานริค วันก่อน (25:08:18) นั่งดูจนจบโชว์คือฟิน ใส่เต็มทุกช่วง ไม่น่าเชื่อว่าเธอป่วยอยู่
เป็นคอนเสิร์ตที่จัดเต็มล้นอารมณ์ สัมผัสพลังงานผ่านเสียงดนตรี พลังการร้องของทั้งริค และแขกรับเชิญ แสงสี ที่สอดคล้องเป็นเนื้อเดียวกัน สื่อสารผ่านเวที ถึงผู้ชมแบบไร้รอยต่อ และว่ากันว่านี่น่าจะเป็นคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรกและครั้งสุดท้ายของเธอ คนที่มาชมคอนเสิร์ตของ ริค ในครานี้ย่อมเป็นแฟนพันธุ์แท้แน่นอน
บทเพลงแรกก็คือ ‘กุหลาบฟาร์ซี’ และก็ร่ายยาวด้วยพลังของฮาร์ดร๊อค สู่แขกรับเชิญผู้เป็นแรงบันดาลใจ และพลังขับเคลื่อนทางดนตรี และชีวิตของเธอ ปฐมพร ปฐมพร หรือพี่พราย ของ ริค วชิรปิลันธิ์ ที่มาพร้อมกับมือกีตาร์วงโมเดิร์น ด็อก เมธี น้อยจินดา ในส่วนนี้จะเห็นวิธีการขับร้องและตีความในบทเพลง ‘ปีศาจ’ ของพราย ในสไตล์ของริค การแสดงบนเวทีสามารถเชื่อมโยงอารมณ์ความรู้สึกส่งสารไปถึงผู้ชมอย่างเต็มเปี่ยม
ช่วงที่ เอ–พลกฤษณ์ วิริยานุภาพ มือกีตาร์วงพอส มาเป็นแขกรับเชิญ ริคกล่าวถึงโจ้ วงพอส หรือ อัมรินทร์ เหลืองบริบูรณ์ ผู้วายชนม์ อย่างลึกซึ้งว่า “ความตายคือการเกิดที่ไม่แตกต่างกัน” หลังหลั่งไหลความรู้สึกในการขับร้องบทเพลง ‘รักเธอทั้งหมดของหัวใจ’ ซึ่งเป็นเพลงฮิตของวงพอส บทเพลงในสไตล์ริคที่มีอัตลักษณ์เฉพาะตัวในการขับร้องผ่านดนตรีฮาร์ดร๊อค เวิร์ลบีทภารตะ จะได้เห็นถึงการดีไซน์เสียงที่ข้ามพ้นพรมแดนของภาษาเน้นถึงผัสสะของใจสู่ใจ เพียงแค่มีเสียงเป็นพาหะในการเชื่อมโยงต่อกัน ไม่ว่าตัวของริคเอง กับทีมดนตรี แขกรับเชิญ และนำพลังที่ผนึกแน่นเหล่านั้นลงไปสู่คนดู รวมถึงการใช้ฉากหลังที่แสดงถึงความเป็นนีโอ–ไซเคเดลิค หรือการเลือกเหตุการณ์ต่างๆ รูปเคารพที่เกี่ยวข้องส่งสารจากตัวเพลงของเธอให้ฟุ้งกำจายพุ่งดิ่งออกมา
บทเพลงอย่าง ‘ติชิลา‘, ‘เดวี‘, ‘คุรุ ปางอุ้มบาตร‘ ‘คืนร้อยมาร‘ ฯลฯ บ่งชี้และบอกถึงความรู้สึกและอารมณ์ที่ลึกล้ำดำดิ่งตรงนั้นได้เป็นอย่างดี การให้ความสำคัญกับเสียงที่ข้ามพ้นสิ่งที่เรียกว่า ภาษา เห็นได้ชัดในช่วงที่ น้อย วงพรู หรือ กฤษดา สุโกศล แคลปป์ มาเป็นแขกเชิญ และต่อเนื่องถึง ป๊อด โมเดิร์นด๊อก หรือ ธนชัย อุชชิน ที่พยายามให้ด้นสดเอาพลังและอารมณ์ความรู้สึกของเสียงจากหัวใจโดยตรง โดยไม่ต้องผ่านกระบวนคิดของสมองออกมา และพยายามเล่นกับคนดูให้รับถึงผัสสะตรงนี้ แขกรับเชิญอีกสองรายคือ คิว วงฟลัวร์ หรือสุวีระ บุญรอด ที่มาขับขานและเปล่งพลังทางเสียงประชันกันอย่างถ้อยทีถ้อยอาศัย และสุกี้–กมล สุโกศล แคลปป์ ในฐานะมือกีตาร์ที่ถูกรับเชิญมาเล่น ได้แสดงให้เห็นถึงการเชื่อมต่อทางดนตรีที่มีความผูกพันในความเคารพนับถือระหว่างศิลปินต่อศิลปินในการรังสรรค์งานออกมา รวมถึงสายใยสายใจระหว่างแม่กับลูกสาว ริคกับฬาเม การแสดงที่น่าสนใจอีกสองอย่างที่อยู่ในจักษุของผู้ชมคือ การเต้นภารตานาฏยัม โดย MASA กับการแสดงชุดดาบรัสเซีย DARK UTOPIA นับเป็นรสชาติที่หาได้ยากในคอนเสิร์ตอย่างแน่นอน และแสดงถึงความงามของสุนทรียะที่เรียกว่าการเต้นรำบนโลกใบนี้
ในช่วงท้ายกับการล่ำลาผ่านบทเพลงของโมเดิร์น ด๊อก ที่มีการดูเอ็ตระหว่างป๊อดกับริค โดยมีสุกี้และเมธี เล่นกีตาร์ในแบบอะคูสติก เป็นความน่าประทับใจที่ส่งท้ายอย่างธรรมดาทว่ามีอะไรให้รู้สึกมากกว่าที่เห็นของสายสัมพันธ์กว่าสองทศวรรษของคนดนตรีเหล่านี้ กับบัตรชมคอนเสิร์ตที่วางขายเพียง 1,000 ใบ จะเห็นได้ถึงความเป็นคนดนตรีอิสระที่เดินตามความเชื่อมั่นและความบริสุทธิ์ของดนตรีและเสียงที่สื่อสารต่อกัน รวมถึงการนำตัวตนห้วงลึกภายในของตัวเองมาแบ่งปันให้สัมผัสรู้สึกกันระหว่างตัวเธอและผู้ชมนี่คือพลังทางดนตรี นี่คือพลังของเสียง และนี่คือ ริค วิชิรปิลันธิ์ ที่เป็นหนึ่งเดียวแบบเธอเอง