ค่อนข้างเป็นที่ฮือฮากันในโลกออนไลน์พอสมควร เมื่อเจ้าพ่อนิยายสยองขวัญเกิดความสนใจในคาแรกเตอร์ เจสัน วอร์ฮีส์ จนออกปากว่าอยากเขียนนิยายเกี่ยวกับปีศาจร้ายระดับตำนานฮอลลีวู้ดรายนี้ สตีเฟน คิง เสนอไอเดียของเขาผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัวเมื่อวันจันทร์ที่ 15 มิถุนายน ที่ผ่านมานี้เอง
“มันเป็นไอเดียการเขียนนิยายในแนวที่ผมไม่เคยเขียนมาก่อนเลยนะ ในชื่อเรื่องว่า I JASON ด้วยการเล่าผ่านมุมมองของ เจสัน วอร์ฮีส์ เองเลย ให้เขาเล่าถึงชะตากรรมอันชั่วร้ายของเขาว่าทำไมเขาถึงยังต้องสิงสู่อยู่ที่ แคมป์ คริสตัล เลก เพื่อฆ่าแล้วฆ่าอีกอยู่แบบนี้”
นับว่าไอเดียของ สตีเฟน คิง นั้นน่าสนใจมาก ลองมองย้อนไปตามจริงแล้ว แม้ว่า Friday the 13th จะออกมาแล้วถึง 11 ภาค แล้วอีกภาคหนึ่งที่ไปเชื่อมโยงกับ a Nightmare on Elm Street เราก็ยังไม่เห็นมีครั้งไหนเลยที่เล่าเรื่องผ่านมุมมองของตัวเจสันเอง มันชวนให้ใคร่รู้มากในหัวของเจสัน นั้นคิดอะไรอยู่ ถึงยังวนเวียนอยู่กับแคมป์นี้ที่พรากชีวิตเขาไปตั้งแต่ยังเป็นเด็ก
ถึงแม้ว่าเป็นไอเดียที่น่าสนใจ แต่ก็ใช่ว่าจะเกิดขึ้นได้ง่าย ๆ เพราะมันมีเรื่องลิขสิทธิ์ชวนให้ยุ่งยากอีกมากมาย ซึ่งสตีเฟน คิง เองก็ยอมรับในข้อนี้ ซึ่งเขาก็เปรยในทวีตต่อมา
“แค่คิดถึงข้อตัวบทกฏหมายลิขสิทธิ์ที่ซับซ้อนน่าดู ก็ทำเอาผมปวดหัวไปแล้ว หัวใจผมก็จะตามไปด้วย แต่พระเจ้า จะไม่มีใครคิดเล่าเรื่องจากทางเจสันบ้างเลยเหรอ”
จะว่าไปแล้ว ถ้าคิดตาม สตีเฟน คิง ก็จริงอยู่ที่เราไม่เคยรู้เลยว่าทำไม เจสัน วอร์ฮีส์ ถึงเป็นอมตะฆ่าไม่ตายเสียที เป็นแค่การคาดเดาจากทางฝั่งคนดูเท่านั้นว่าเจสันจะต้องมีพลังเหนือธรรมชาติ แต่ทางผู้สร้างเองก็ไม่เคยอธิบายชี้ชัดเหตุผลในเรื่องนี้ เคยมีคนที่ออกมาอธิบายถึงปริศนาดำมืดนี้แล้วคือ อดัม มาร์คัส ผู้กำกับภาค Jason Goes to Hell: The Final Friday (1993) อดัม ได้ให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ Horror Geek Life ในปี 2007 ว่า เจสัน นั้นได้รับการสิงสู่โดยวิญญาน Deadite วิญญาณนี้ถือกำเนิดในจักรวาลหนัง Evil Dead เป็นวิญญาณอมตะที่ไม่ไปผุดไปเกิด แล้วเพราะแม่ของเจสันที่ศึกษามนตร์ดำก็เลยไปอัญเชิญวิญญาณ Deadite มาเข้าร่างเจสัน
ส่วนโอกาสที่เราจะได้ดู Friday the 13th ภาคใหม่นั้น ในวันนี้ยังไม่มีวี่แววใด ๆ ทั้งสิ้น ครั้งสุดท้ายที่ เจสัน วอร์ฮีส์ ได้ขึ้นจอใหญ่ก็คือภาค Friday the 13th remake เมื่อปี 2009 นู่นเลย จากนั้น พาราเมาท์ เจ้าของลิขสิทธิ์หนัง Friday the 13th ก็วางแผนจะสร้างภาคต่อออกมาในปี 2017 แต่ในปีนั้นหนัง Rings หนังสยองขวัญที่รีเมคจากหนังญี่ปุ่น เก็บเงินค่าตั๋วไป 83 ล้านเหรียญ จากทุนสร้าง 25 ล้านเหรียญ ซึ่งพาราเมาท์ไม่ค่อยแฮปปี้กับรายรับนัก ก็เลยแคนเซิลแผนการภาคต่อของ Friday the 13th ไปซะ
Halloween (2018) บทพิสูจน์ว่าหนังสยองขวัญจากยุค 80s ยังขายได้อยู่
แต่ถ้ามองความสำเร็จของ Halloween (2018) ที่ Blum House สร้าง แล้วได้ยูนิเวอร์แซลจัดจำหน่ายให้ ก็ทำรายได้ถล่มทลายเลยนะ ทุนสร้างแค่ 10 ล้านเหรียญ แต่ทำรายได้ทั่วโลกไปถึง 255 ล้านเหรียญ เห็นกันชัด ๆ ว่าอสุรกายจากยุค 80s ยังได้รับการต้อนรับที่ดีอยู่ การที่พาราเมาท์เบรกโพรเจกต์ Friday the 13th ไปนั้น อาจจะเป็นการตัดสินใจที่ผิดก็ได้