ถ้าเอ่ยชื่อ ทอม ครูซ เชื่อว่าคนส่วนใหญ่ย่อมต้องรู้จัก แม้ว่าจะไม่ใช่คอหนังฮอลลีวูดก็ตาม ไมว่าจะด้วยบทบาทของ อีธาน ฮันต์ จาก Mission Impossible ที่ลากยาวมาถึงภาคที่ 6 แล้ว หรือบทบาท มาเวอร์ริก จาก Top Gun หนึ่งในอมตะที่กำลังจะมีภาค 2 ตามออกมา และหนังขึ้นหิ้งอีกหลาย ๆ เรื่องไม่ว่าจะเป็น Jerry Maguire, The Last Samurai และ Minority Report
นับว่า ทอม ครูซ เป็นหนึ่งในดาราแถวหน้าของฮอลลีวูดที่มีเพียงไม่กี่คนที่สามารถรักษาระดับความนิยมมาได้อย่างยาวนานตั้งแต่บทบาทแจ้งเกิดใน Risky Business ปี 1983 นับย้อนไปก็เป็นเวลาถึง 37 ปีแล้ว จากวันนั้นเขาอายุแค่ 21 ปีมาจนถึงตอนนี้เขาก็อายุปาเข้าไป 58 ปีแล้ว ชื่อเสียงของทอมไม่เคยแผ่วหรือห่างหายไปจากวงการเลย แน่นอนว่าการเป็นคนมีชื่อเสียงและอยู่ในสปอตไลต์ของสื่อตลอดเวลาก็ต้องแลกกับการสูญเสียการมีชีวิตส่วนตัว โดยฉพาะข่าวฉาวโฉ่ย่อมเป็นที่กระหายของบรรดานักข่าว แล้วทอม ครูซ ก็เป็นแหล่งข่าวที่ดีเสียด้วย ตั้งแต่เขาเริ่มสนใจในลัทธิ ไซแอนโธโลจี (Scientology) และนี่คือเรื่องราวประหลาด ๆ ที่เราคัดมาเล่าต่อ 22 เรื่อง ซึ่งเราเชื่อว่าบางเรื่องก็สุดประหลาดและเราเชื่อว่าต้องมีหลายเรื่องที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อนก็ได้
1.วีรบุรุษในชีวิตจริง
เรามักเคยได้ยินวีรกรรมจากนักแสดงฮอลลีวูดหลาย ๆ คน ที่ไม่ได้เป็นพระเอกนางเอกแค่บนจอ แต่ในชีวิตจริงเขาเหล่านี้ต่างก็เคยได้ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์เดินดินมานักต่อนัก โดยไม่ได้หวังผลหรือเสียงสรรเสริญจากสาธารณชน ซึ่ง ทอม ครูซ เองก็เคยมีวีรกรรมน่าชื่นชมเช่นกัน ในปี 1996 ทอม ครูซ พบเหตุการณ์รถชนแล้วหนีบนถนน วิลไชร์ บูเลอวาร์ด ในซานตา มอนิกา ผู้หญิงที่ถูกชนได้รับบาดเจ็บหนัก กระดูกขาร้าว ทอมรีบรุดเข้าไปดูแลเธอ เขาโทรตามรถพยาบาลด้วยตัวเองและอยู่เป็นเพื่อนเธอจนรถพยาบาลไปถึง ไม่แค่นั้นเขายังขับตามไปดูอาการเธอถึงโรงพยาบาลด้วย วันรุ่งขึ้นทอมไปเยี่ยมเธออีกครั้งแล้วพบว่าหญิงเคราะห์ร้ายรายนี้ไม่ได้ทำประกันอุบัติเหตุ ทอมเลยควักกระเป๋าจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้เป็นจำนวน 7,000 เหรียญ
ในปีเดียวกันนั้น ทอม ครูซ ได้พาครอบครัวไปล่องเรือบริเวณเกาะคาปรี ในอิตาลี เขาได้พบว่าเรือยอชต์ลำที่อยู่ใกล้ ๆ กันนั้น มีหนุ่มสาวมาปาร์ตี้กันบนเรือ แล้วจู่ ๆ เรือก็เกิดเพลิงลุกไหม้ ทอม ครูซ เอาเรือกู้ชีพพายเข้าไปหาเรือดังกล่าวแล้วได้ช่วยชีวิตผู้โดยสารทั้ง 5 ได้อย่างปลอดภัย ทันท่วงทีก่อนที่เรือยอชต์ความยาว 20 เมตร จะจมสู่ก้นทะเล
อีกเหตุการณ์หนึ่งในปี 1998 ช่วงนั้นทอม ครูซ คบหาอยู่กับ นิโคล คิดแมน ทั้งคู่พักอยู่ในลอนดอนช่วงกำลังถ่ายทำหนัง Eye Wide Shut เหยื่อในเหตุการณ์นี้เป็นสาวไฮโซนาม ริต้า ซิมมอนด์ เธอขับรถสปอร์ตหรูมาจอดริมข้างทาง และน่าจะตกเป็นเป้าสายตาของโจรรายนี้อยู่แล้ว พอเธอก้าวลงจากรถ เจ้าโจรก็ตรงเข้าประชิดตัว แล้วขู่บังคับปลดเครื่องประดับไปหลายชิ้น แหวน. นาฬิกา และตุ้มหู มูลค่ารวม 153,000 เหรียญ จากนั้นก็รีบวิ่งหนีไป ทอม ครูซ อยู่ในบริเวณใกล้เคียงได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือจากริต้า พอได้ความว่าเธอถูกโจรปล้นแล้วกำลังวิ่งหนีไป ทอมก็สวมวิญญาณพระเอกวิ่งไล่กวดโจร พร้อมทั้งบอดี้การ์ดของทอมก็ไล่ตามไปติด ๆ โดยทีไม่ห่วงความปลอดภัยตัวเองเลย แม้ฝีเท้าของทอมจะไล่ตามโจรไม่ทัน แต่วีรกรรมของเขาก็ได้ใจไฮโซสาว และบรรดาแฟน ๆ ที่ทราบข่าว
2.เขาก้าวมาจากครอบครัวระดับล่าง
ดาราหลายคนมีพ่อแม่หรือญาติพี่น้องอยู่ในวงการ หรือมีชื่อเสียงมาจากวงการอื่น ๆ เช่นเป็นเซเลบหรือนักกีฬาชื่อดังก็เป็นทางลัดที่เข้าสู่วงการได้เร็ว แต่สำหรับทอม ครูซ เขาไมได้มีพื้นฐานทางลัดดังกล่าว หนำซ้ำสถานะครอบครัวของเขาเรียกได้ว่าอยู่ห่างจากโอกาสความสำเร็จในวันนี้อย่างมาก ครอบครัวเขายังกับถอดมาจากหนังน้ำเน่าดี ๆ นี่เอง เขามีพ่อที่มีอาชีพช่างไฟ ส่วนแม่เป็นครูสอนพิเศษ พ่อของเขาเป็นขี้เมา พอเมาก็ชอบทุบตีแม่ แล้วก็ทิ้งแม่และเขาไปตั้งแต่เขายังเป็นเด็ก ทำให้แม่ต้องหาเลี้ยงครอบครัวเพียงลำพัง เมื่อทอมโตพอจะช่วยงานได้ เขาก็ไปรับจ้างตัดหญ้าให้กับเพื่อนบ้านในละแวกนั้นเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายให้แม่
ช่วงเวลาวัยเด็กนั้น แม่ต้องย้ายที่อยู่บ่อยครั้ง ทำให้ทอมต้องเข้าออกโรงเรียนเป็นประจำ ในช่วงเวลา 12 ปีเขาต้องเข้าออกโรงเรียนถึง 15 แห่ง แล้วแต่ละแห่งเขาก็มักถูกกลั่นแกล้งจากเพื่อนเกเรเป็นประจำ
3.หย่ากับภรรยาทั้ง 3 คน ตอนที่เธออายุ 33 ปีเท่ากัน
เรื่องนี้เป็นเรื่องบังเอิญที่ช่างน่าประหลาดใจ ในอดีตเขาก็มีภรรยาที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฏหมายมาแล้ว 3 คน แต่ที่น่าแปลกคือในวันที่ ทอม ครูซ หย่าขาดกับภรรยาทั้ง 3 นั้น พวกเธอต่างมีอายุ 33 ปี เท่ากันหมด ไม่เพียงเท่านั้น ทั้ง 3 คน ยังมีอายุห่างกัน 11 ปีพอดีเป๊ะ
ในช่วงวัย 20 ปี ของ ทอม ครูซ นั้น เขาค่อนข้างชอบพอกับนักแสดงหญิงที่มีอายุมากกว่าเขา เขาเคยมีข่าวกับ รีเบ็กก้า เดอร์มอเนย์ แก่กว่าเขา 3 ปี, แพตที เชียลฟา แก่กว่าเขา 9 ปี และนักร้องดัง แฌร์ แก่กว่าเขาถึง 16 ปี แล้วก็มาลงเอยกับ มิมิ โรเจอร์ ที่แก่กว่าเขา 6 ปี
มิมิ โรเจอร์ เกิด 27 มกราคม 1956 ปัจจุบันอายุ 64 ปี สมรส 9 พฤษภาคม 1987 / หย่า 4 กุมภาพันธ์ 1990 ไม่มีบุตรด้วยกัน
นิโคล คิดแมน เกิด 20 มิถุนายน 1967 ปัจจุบันอายุ 53 ปี สมรส 24 ธันวาคม 1990 / หย่า 8 สิงหาคม 2001
มีบุตรบุญธรรม 2 คน อิสซาเบลลา และ คอนเนอร์
แคที โฮล์มส์ เกิด 8 ธันวาคม 1978 ปัจจุบันอายุ 42 ปี สมรส 18 พฤศจิกายน 2006 / หย่า 20 สิงหาคม 2012 มีบุตรสาว 1 คนชื่อ ซูรี ครูซ
นอกเหนือจาก 3 คนนี้ ก็มี เพเนโลปี ครูซ นักแสดงสาวที่นามสกุลออกเสียงเหมือนกัน คบหากันอยู่ในช่วงปี 2001 – 2004 แต่ไม่ได้แต่งงานกัน ก่อนที่ทอม ครูซ จะมาลงเอยกับ แคที โฮล์มส์ ตั้งแต่เลิกรากับ แคที โฮล์มส์ มา ทอมก็ครองตัวเป็นโสดมาแล้วถึง 8 ปี
4.เขาอ่านหนังสือไม่ได้จนกระทั่งโตเป็นผู้ใหญ่
ทอมเปิดเผยว่าตั้งแต่เด็กจนโตเขาไม่สามารถอ่านหนังสือได้ เป็นผลมาจาก “อาการบกพร่องในการเรียนรู้” (Dyslexia) มาโดยตลอด เขาตรวจพบอาการนี้เมื่ออายุได้ 7 ขวบ ทอมอธิบายว่าในช่วงวัยเด็กของเขา ตกอยู่ในสถานะ “ไม่สามารถอ่านออกเขียนได้” แม้จนกระทั่งเข้าสู่ระดับมัธยมแล้ว เขาก็ยังไม่สามารถอ่านหนังสือได้
“พอผมเข้าเรียนที่ใหม่ ผมก็พยายามปิดบังอาการบกพร่องทางการเรียนไม่ให้เพื่อน ๆ ได้รู้ แต่ในที่สุดผมก็ถูกส่งไปรักษาปัญหาในการอ่าน”
อาการ Dyslexia มาเป็นปัญหาหนักสำหรับทอมเมื่อตอนที่เขาอายุได้ 19 ปี แล้วพยายามเข้าสู่วงการแสดง ทำให้เขาเริ่มกังวลว่าความบกพร่องในการอ่านของเขาจะทำให้เขาไปได้ไม่ถึงเป้าหมาย ทำให้เขาต้องพยายามให้หนักมากขึ้น จนเมื่อเขาได้มาพบกับ แอล.รอน ฮับบาร์ด ผู้ก่อตั้งลัทธิซายแอนโธโลจี้ ที่แนะนำให้เขารู้จัก “เทคโนโลยีการศึกษา” ของลัทธิ ที่ช่วยแก้ไขอาการ Dyslexia ของเขาได้ เป็นเหตุให้เขาเลื่อมใสศรัทธาในลัทธินี้อย่างมาก และก้าวมาเป็นสมาชิกในระดับสูงของลัทธิ ซึ่งส่งผลต่อชีวิตคู่ของเขาในเวลาต่อมา
5.เขาอยากบวชเป็นพระ
เพราะว่าเขาเติบโตมาในครอบครัวที่เคร่งครัดในศาสนาคริสต์ ตอนที่ทอมอายุ 14 ปี เขาได้ทุนเข้าศึกษาต่อในโรงเรียนสอนศาสนา ฟรานซิสคัน ในซินซินเนติ ที่นี่ล่ะที่มีผลต่อความเชื่อถือศรัทธาของเขาอย่างมาก จนทำให้ทอมตัดสินใจอยากบวชเป็นพระ แต่ความคึกคะนองตามประสาวัยรุ่นก็เข้ามาแทรกแซง ทอมโดนไล่ออกจากโรงเรียนสอนศาสนาด้วยข้อหาขโมยเหล้า
ความศรัทธาในศาสนาคริสต์สั่นคลอนอีกครั้ง ในช่วงที่เขาใช้ชีวิตร่วมกับ มิมิ โรเจอร์ ภรรยาคนแรก เพราะว่ามิมินี่ล่ะที่เป็นคนแนะนำให้ทอมได้รู้จักกับลัทธิซายแอนโธโลจี้ เพราะว่าพ่อของมิมิเป็นเพื่อนกับ แอล.รอน ฮับบาร์ด ผู้ก่อตั้งลัทธินั่นเอง
ในปี 1993 นิตยสารเพลย์บอยได้สัมภาษณ์มิมิ โรเจอร์ ถึงเรื่องลัทธิซายแอนโธโลจี้ มิมิเองปฏิเสธเรื่องอิทธิพลในการชักจูงทอมเข้าสู่ลัทธิ เธออ้างว่าเธอไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับกิจกรรมใด ๆ ของลัทธิแล้ว แต่เธอยืนยันว่าในอดีตทอมเคยมีการพิจารณาว่าอยากบวชเป็นพระจริง ๆ
6.ฟันหน้าเป็นปมด้อย
เรื่องนี้หลายคนอาจจะไม่เคยรู้ ว่าทอมเข้าวงการแสดงมาด้วยปัญหาฟันหน้าเก จากอุบัติเหตุขณะเล่นฮ็อกกี้โดนลูกฮ็อกกี้ลอยมากระแทกเข้าฟันหน้าอย่างจัง เวลาแสดงหนังเขาจึงต้องใส่ฟันหน้าปลอมอยู่เสมอ เรื่องนี้ แพททริก สเวย์ซี นักแสดงผู้ล่วงลับก็ยังเขียนไว้ใว้ในหนังสือบันทึก The Time of My Life ว่า ทอม ครูซ รู้สึกไม่มั่นใจกับปัญหาฟันหน้าของเขาอย่างมาก ทำให้เขาเลี่ยงที่จะถ่ายภาพอยู่เสมอ
แต่เรื่องที่น่าแปลกที่นักแสดงระดับแถวหน้าของฮอลลีวูดผู้นี้ไม่เคยตัดสินใจแก้ปัญหาฟันหน้าของเขาอย่างจริงจัง จนกระทั่งปี 2002 ปีนั้นเขาอายุ 39 ปีแล้ว ทอมเพิ่งจะตัดสินใจเข้าหาหมอฟันแล้วใส่เหล็กดัดฟันอยู่นาน ซึ่งเขาจะถอดเฉพาะเวลาที่เข้าฉากถ่ายทำเท่านั้น จนปี 2010 ฟันหน้าเขาถึงได้เข้าที่เข้าทางแล้วก็สามารถยิ้มสู้กล้องได้อย่างเต็มภาคภูมิเสียที
7.วัน ทอม ครูซ
น่าจะเป็นนักแสดงฮอลลีวูดคนเดียวล่ะมั้งที่ได้มีวันสำคัญระดับชาติเป็นของตัวเอง บรรดาแฟน ๆ ชาวญี่ปุ่นร่วมกันยกให้วันที่ 10 ตุลาคม ของทุกปีเป็น Tom Cruise Day ได้รับการอนุมัติเห็นชอบจากองค์กรวันสำคัญแห่งชาติประเทศญี่ปุ่นมาตั้งแต่ปี 2006 ด้วยเหตุผลที่ว่า ทอม ครูซ เป็นดาราฮอลลีวูดเพียงคนเดียวที่เดินทางมาพบปะแฟน ๆ ชาวญี่ปุ่นบ่อยที่สุด เท่ากับเป็นการพัฒนาและส่งเสริมวัฒนธรรมของ 2 ประเทศ
7.ไม่เคยมี โมเดล หรือ วิดีโอเกม ที่จำลองภาพลักษณ์เขา
น่าจะเป็นเหตุผลส่วนตัวที่ไม่เคยได้รับการอธิบาย แต่ก็เป็นอีกเรื่องที่แตกต่างจากนักแสดงฮอลลีวูดทั่วไป ที่มีรายรับจากการอนุญาตให้ผู้ผลิตสินค้าและวิดีโอเกมได้จำลองภาพลักษณ์จากบทบาทดังออกมาเป็น หุ่น หรือ แอ็กชันฟิกเกอร์ หรือจำลองภาพลักษณ์เขาไปเป็นตัวละครในวิดีโอเกม ซึ่งแน่นอนว่าเป็นรายรับอีกมหาศาล
แต่สำหรับทอม ครูซ เขาไม่สนใจรายรับจากตลาดนี้ ทำให้แฟน ๆ ไม่เคยเห็นทอม ครูซ เป็นแอ็กชันฟิกเกอร์ใด ๆ หรือปรากฏตัวในวิดีโอเกมใด ๆ แม้ว่าบริษัทผู้ผลิตวิดีโอเกมหลายแห่งจะติดต่อขอซื้อลิขสิทธิ์ Mission Impossible ไปพัฒนาวิดีโอเกม แต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ
8.Interview with the Vampire: The Vampire Chronicles
แฟน ๆ ของทอม ครูซ จะต้องจำหนังเรื่องนี้ได้ดี หนังเป็นข่าวดังตั้งแต่ประกาศสร้าง อย่างแรกเพราะหนังดัดแปลงมาจากนิยายชื่อดังของ แอนน์ ไรซ์ ที่มีแฟน ๆ ติดตามจำนวนมาก และอีกเหตุผลสำคัญนั่นคือ แอนน์ ไรซ์ ผู้ประพันธ์ให้สัมภาษณ์อย่างชัดเจนว่าเธอไม่พอใจกับการที่ผู้สร้างเลือกทอม ครูซ มารับบทเป็น เลสแทต ตัวละครนำของเรื่อง
“ฉันคิดว่า แบรด พิตต์ จะต้องเป็น เลสแทตที่ยอดเยี่ยมมาก ฉันพยายามมานานแล้วที่บอกพวกเขาว่าควรจะสลับบทกัน ให้แบรด พิตต์ เป็น เลสแทต แล้ว ทอม ครูซ เป็น หลุยส์ แทน แต่แล้วพวกเขาก็ไม่สนใจความเห็นฉัน โอ้! แต่สำหรับวิธีที่พวกเขาเลือกให้ทอม ครูซ เป็นเลสแทตนี่มันช่างประหลาดซะเหลือเกิน ใช่สำหรับฉันแล้วทอมเหมาะเป็นหลุยส์ เขาควรเล่นบทนั้น ดูเป็นคนอมทุกข์ รู้สึกผิดบาปต่อการกระทำในอดีตแล้วสะท้อนออกมาเป็นตัวตนของเขา ฉันนี่แทบจินตนาการไม่ออกเลยว่ามันจะออกมายังไง ฉันมองว่ามันแทบเป็นไปไมได้เลยกับสิ่งที่นีล จอร์แดน (ผู้กำกับ) เดวิด เกฟเฟ็น (ผู้อำนวยการสร้าง) และทอม ครูซ จะทำให้มันออกมาดีได้อย่างไร ตอนนี้ฉันมีแค่คำถามเดียวว่า ทอม ครูซ คุณคิดว่าคุณกำลังทำอะไรอยู่ หา?”
แล้วสุดท้ายทั้ง 3 คนที่แอนกล่าวถึงก็เดินหน้าโพรเจกต์จนสำเร็จ ตามมารยาทของทีมงานเมื่อหนังเสร็จสมบูรณ์ เขาก็เชิญให้แอน ไรซ์ ได้มาชมภาพยนตร์ก่อนฉายจริง เมื่อแอนได้ดูหนังเวอร์ชันเสร็จสมบูรณ์ เธอก็เปลี่ยนความคิดดั้งเดิมทันที แล้วก็รู้สึกผิดที่ให้สัมภาษณ์ด้วยถ้อยคำรุนแรงไปก่อนหน้านี้ เธอแก้ตัวด้วยการซื้อโฆษณาในนิตยสาร Daily Variety เขียนข้อความขอโทษ ทอม ครูซ ยาว 2 หน้า ใจความว่า ทอม ครูซ ได้พิสูจน์ให้เธอเห็นแล้วว่าเขาสามารถเป็น เลสแทต ที่สมบูรณ์แบบได้จริง นอกจากนั้นเธอยังซื้อเนื้อที่เล็ก ๆ ในนิตยสารเพื่อโปรโมตหนังอีกด้วย
Interview with the Vampire ประสบความสำเร็จตั้งแต่สุดสัปดาห์แรกที่ออกฉายในวันที่ 11 พฤศจิกายน 1994 ทำรายได้ไป 36.4 ล้านเหรียญ สร้างสถิติใหม่ให้กับหนังทำเงินสูงสุดที่ไม่ได้ฉายในช่วงซัมเมอร์ และยังครองสถิติหนังเรต R ทำเงินสูงสุดอีกด้วย
9.อารมณ์ขันของ ทอม ครูซ
Tropic Thunder หนังตลกปี 2008 เข้าฉายในไทยในชื่อว่า “ดาราประจัญบาน ท.ทหารจำเป็น” น่าจะเป็นหนังเรื่องโปรดของหลาย ๆ คน ด้วยความรั่วสุด ๆ ของหนังที่นำเอานักแสดงแถวหน้ามารวมทีมกันครั้งใหญ่ ทั้ง เบ็น สติลเลอร์ ที่ควบหน้าที่ผู้กำกับด้วย แล้วยังมีแจ็ก แบล็ก และที่สำคัญ โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ ที่แปลงภาพลักษณ์เป็นคนดำจนจำแทบไม่ได้ และอีกบทบาทที่ทุกคนจะไม่มีวันลืมก็คือเซอร์ไพรส์จาก ทอม ครูซ ที่ขอร่วมสนุกด้วยในบท เลส กรอสแมน ผู้อำนวยการสร้างจอมหยาบคาย เขามาด้วยภาพลักษณ์เป็นชายหัวล้านร่างอ้วน และชื่นชอบในการเต้นรำ ซึ่งทอม ในบท เลส กรอสแมน ยังได้โชว์ลีลาการเต้นในฉากเครดิตท้ายเรื่องอีกด้วย
10.ความสัมพันธ์กับลูก ๆ
ทอม ครูซ มีลูกที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขจริง ๆ ของเขาเพียงคนเดียวคือ ซูริ ลูกสาวที่เกิดกับ แคที โฮล์มส์ ปัจจุบันเธออายุ 14 ปีแล้ว มีคำกล่าวอ้างจากหลาย ๆ สื่อว่า ทอมไม่ได้เจอกับซูริมาหลายปีแล้ว ซึ่งสืบเนื่องมาจากระเบียบข้อบังคับของลัทธซายแอนโธโลจี้ที่ประเมินว่า แคที โฮล์มส์ แม่ของซูรินั้นเข้าข่ายเป็น ‘Suppressive Person (SP)’ประมาณว่าเป็น บุคคลที่เข้าข่ายต่อต้านลัทธิ และมีแนวโน้มว่าจะเป็น ‘Potential Troubled Source (PTS)’”ต้นตอของปัญหา” ต่อสมาชิกระดับสูงของลัทธิ ซึ่งก็หมายถึงตัวทอม ครูซ นั่นล่ะ สมาชิกควรจะที่จะตัดการติดต่อกับบุคคลดังกล่าวในทุกช่องทาง แม้ว่าทอมจะไม่ได้เจอกับซูริ แต่ก็มีข่าวว่าทอมยังได้ติดต่อกับ อิซาเบลลา และ คอนเนอร์ 2 ลูกบุญธรรมที่ทอม ครูซ และนิโคล คิดแมน รับอุปการะมา
11.เขาคือผู้กู้ชีพแว่นตา เรย์-แบนส์
ถ้าเอ่ยถึงยี่ห้อแว่นกันแดดทุกคนต้องนึกชื่อ เรย์-แบนส์ เป็นอันดับแรก ๆ Ray-Bans เป็นยี่ห้อแว่นกันแดดที่มีอายุมากกว่า 80 ปี โดยเฉพาะในยุค 60s นั้นได้รับความนิยมมากเพราะได้นักแสดงชื่อดังอย่าง เจมส์ ดีน, มาร์ลอน แบรนโด และ ฮัมฟรีย์ โบการ์ต มาช่วยโปรโมต แต่พอมาถึงยุค 80s กลับเป็นช่วงซบเซาของเรย์-แบนส์ ถึงขั้นเกือบล้มละลาย แล้วคนที่มาช่วยกิจการให้รอดได้ก็คือ ทอม ครูซ กับหนัง Risky Business ปี 1983 ที่นอกจากหนังเรื่องนี้ยังเป็นเรื่องแจ้งเกิดเขาแล้วยังช่วยกู้สถานการณ์บริษัทให้กับเรย์-แบนส์ได้อีกด้วย
ทอมเซ็นสัญญากับเรย์-แบนส์ในปี 1982 ด้วยมูลค่า 50,000 เหรียญต่อปี แล้วภาพลักษณ์ของทอมที่สวมแว่นเรย์-แบนส์ ในหนังก็สามารถดึงยอดขายให้โดดสูงขึ้นถึง 50% เรย์-แบนส์ สานต่อความสัมพันธ์อันดีกับทอม ครูซ อีกครั้งในปี 1986 กับหนัง Top Gun เมื่อทอมสวมแว่นเรย์-แบนส์ รุ่นคลาสสิก Ray-Ban aviators ก็ทำให้สินค้ากลับมาได้รับความนิยมในกลุ่มทหารอีกครั้ง ดึงยอดขายให้พุ่งกระฉูดขึ้นมาอีก 40% จากแบรนด์ที่เกือบถึงทางตันก็สามารถอยู่รอดมาได้จนถึงทุกวันนี้
12.พยายามควบคุมอารมณ์ขั้นสุด
ปี 2005 ทอม ครูซ ไปร่วมปรากฏตัวในงานเปิดฉายภาพยนตร์ War of the Worlds รอบปฐมทัศน์ในลอนดอน ระหว่างที่ ทอม ครูซ เดินพรมแดงหน้าโรงฉายนั้นเขาได้แวะทักทายกับแฟน ๆ และให้สัมภาษณ์กับนักข่าวหลายคน มีชายคนหนึ่งปลอมเป็นนักข่าวแล้วใช้ไมโครโฟนปลอมที่เป็นปืนฉีดน้ำ ฉีดน้ำเข้าเต็มหน้าทอมระหว่างที่ทอมกำลังตอบคำถาม ทำเอาทอมยัวะสุด ๆ แต่ก็เห็นได้ชัดว่าเขาพยายามควบคุมอารมณ์ ทอมยิ้มให้ มองหน้าแล้วก็ถามคำถาม
“คุณทำแบบนี้ทำไม?”
ทอมถามซ้ำ ๆ แบบนี้หลายครั้ง ชายผู้นั้นก็ได้แต่ขอโทษ ทำยังคงถามซ้ำอีก
“นี่คุณไม่ได้ใคร่ครวญก่อนเลยใช่ไหม เวลาคิดจะทำอะไรกับใครแบบนี้”
เมื่อเห็นสถานการณ์เริ่มไม่สู้ดี เพราะเห็นได้ว่าทอมเริ่มมีโทสะ ชายผู้นั้นก็หันและพยายามเดินหนี แต่ทอมก็เอื้อมมาคว้าแขนเขาไว้
“อย่าหนีสิ มันดูไร้มารยาทนะ ผมหยุดเพื่อให้คุณสัมภาษณ์แต่สิ่งที่คุณทำนี่มัน….หยาบคายอย่างมาก”
แล้วก็เหมือนจะน็อตหลุดเข้าจริง ๆ กับคำสุดท้าย
“คุณนี่มันงี่เง่ามาก”
เรื่องไม่จบแค่นั้น เพราะเล่นไม่เข้าท่ากับนักแสดงระดับโลกแบบนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจรวบตัวนักข่าวปลอมรายนี้พร้อมกับพรรคพวกรวม 4 คนเข้าคุกไป พวกเขาได้รับการประกันตัวในเวลาต่อมา แต่ตำรวจก็ยังนัดให้มารายงานตัวอีกครั้งในสัปดาห์ถัดไป
13.ขึ้นไปโดดบนโซฟาในรายการ โอปรา วินฟรีย์ โชว์
ในช่วงที่เดินสายโปรโมตหนัง War of the Worlds เช่นกัน วันที่ 23 พฤษภาคม 2005 ทอม ครูซ ไปเป็นแขกรับเชิญในรายการทอล์กโชว์ชื่อดัง The Oprah Winfrey Show ในช่วงนั้น ทอม ครูซ กำลังเป็นข่าวหวานชื่นกับ แคที โฮล์มส์ นักแสดงวัยรุ่นชื่อดังจากทีวีซีรีส์ Dawson Creek ยิ่งทำให้ชื่อของทอม ครูซ เป็นที่สนใจอย่างมากในข่าวกอสซิป และแน่นอนว่าโอปราห์จะต้องถามเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้
ในลิงก์วิดีโอที่แนบมา จะเห็นตั้งแต่ช่วงที่โอปราห์บอกผู้ชมในห้องส่งว่าแขกรับเชิญวันนี้คือ ทอม ครูซ เท่านั้นก็เรียกเสียงโห่ร้องได้กระหึ่มห้องส่ง ทอม ครูซ ในชุดดำก้าวออกมาด้วยสีหน้าชื่นมื่นสุด ๆ แล้วเล่นกับผู้ชมด้วยการกรีดร้องใส่ จากนั้นทอมและโอปราห์ก็เริ่มนั่งสนทนากับบนโซฟา เมื่อโอปราห์ถามเข้าเรื่องที่เขากำลังคบหากับแคที โฮล์มส์ ทอมก็เปิดเผยด้วยความยินดีพร้อมแสดงท่าทางอาการว่าเขามีความสุขกับแคทีขนาดไหน ด้วยการลงไปนั่งคุกเข่ากับพื้นเมื่อโอปราห์เอ่ยชื่อแคที โฮล์มส์ ขึ้นมา ไม่แค่นั้นเขายังขึ้นไปกระโดดบนโซฟาอีกด้วย ทำเอาโอปราห์หันไปบอกกับผู้ชมว่า “เขาหลุดโลกไปแล้ว เขาหลุดโลกไปแล้ว”
ยามรักหวานชื่น ก็เป็นแบบนี้ทั้งนั้นแหละเนอะ
14.พ่อผู้มีความรับผิดชอบ
ทอม ครูซ หย่าร้างกับ นิโคล คิดแมน ในปี 2001 หลังจากใช้ชีวิตคู่ด้วยกันมา 11 ปี ทั้งคู่มีข้อตกลงหลังหย่าร้างว่าผลัดกันดูแลลูกเลี้ยงทั้งสองคือ อิซาเบลลา และ คอนเนอร์
ในปี 2002 ระหว่างที่ทอม ครูซ ได้เข้าร่วมพิธีประกาศผลรางวัลออสการ์ ที่โกดักเธียเตอร์ แล้วเผอิญว่าวันนี้ตรงกับเวรของทอมที่ต้องดูแลลูกบุญธรรมทั้งสองนี้ หลังจากทอมได้ทำหน้าที่ขึ้นพูดในงานแล้ว เขาก็รีบบึ่งออกจากด้านหลังอาคารแล้วตรงกลับบ้านเพื่อทำหน้าที่พ่อทันที เขาชมพิธีมอบรางวัลในครึ่งหลังร่วมกับลูก ๆ ทางทีวี ช่างเป็นพ่อที่น่ารักจริง ๆ
15.เคยไปขอโทษ บรูค ชิลด์ ถึงบ้าน
บรูค ชิลด์ เป็นนักแสดงสาวสวยชื่อดังในยุค 80s จากผลงานแจ้งเกิดเรื่อง The Blue Lagoon (1980) เนื่องจากเป็นนักแสดงในรุ่นราวคราวเดียวกัน ทำให้ทอม ครูซ และ บรูค ชิลด์ เป์นเพื่อนนักแสดงที่รู้จักกันเป็นการส่วนตัว แต่แล้วลัทธิซายแอนโธโลจี้ก็เป็นเหตุอีกครั้ง ที่ทำให้ทอม ครูซ ออกมาตำหนิบรูค ชิลด์ ผ่านสื่อด้วยถ้อยคำรุนแรง เมื่อบรูค ชิลด์ เปิดเผยว่าเธอกินยาเพื่อระงับอาการซึมเศร้าหลังคลอด นั้นเป็นการกระทำที่ “ไร้ซึ่งความรับผิดชอบ” ทอม ครูซ กล่าวตำหนิเธอผ่านสื่อ เพราะขัดกับหลักการของลัทธิซายแอนโธโลจี้ ที่ไม่ใช้ยารักษาโรคในยุคปัจจุบัน อาจจะด้วยสำนึกในภายหลัง ทำให้ทอม ครูซ ตัดสินใจขับรถไปขอโทษบรูค ชิลด์ ถึงที่พักของเธอเอง สุดท้าย บรูค ชิลด์ ก็ยกโทษให้เพื่อนเก่าคนนี้ และยินดีไปร่วมพิธีสมรสของ ทอม ครูซ กับ แคที โฮล์มส์ อีกด้วย
16.เขาเป็นแฟนของทีม รีล มาดริด
แฟน ๆ ของทีมฟุตบอล รีล มาดริด ต่างชื่นชมยินดีเมื่อทราบข่าวนักแสดงระดับโลกผู้นี้ก็เป็นแฟนของทีม รีล มาดริด ด้วยเช่นกัน ทอม ไม่เป็นเพียงแค่แฟนของทีมเฉย ๆ เขายังเป็นผู้สนับสนุนคนสำคัญของทีมอีกด้วย เหตุผลที่ทอม เป็นแฟนของทีมรีล มาดริด ก็เพราะ เขาเป็นเพื่อนกับ เดวิด เบ็กแฮม ผู้เล่นคนสำคัญของทีมนั่นเอง เรายังได้เห็นทอม ครูซ กับ แคที โฮล์มส์ ศรีภรรยาในช่วงนั้นไปร่วมเชียร์ทีม รีล มาดริด ในสนามร่วมกับ วิกตอเรีย เบ็กแฮม
แต่แล้วแฟน ๆ ของรีล มาดริด ก็รู้สึกขุ่นเคืองเล็กน้อย ในช่วงที่ทอม ครูซ ไปโปรโมตหนัง The Mummy ที่มาดริด ในปี 2017 แล้ว ทอม ครูซ ก็ได้ไปเยี่ยมสนามของทีม อัตเลติโก มาดริด แล้วก็ยืนชูเสื้อทีมหมายเลข 8 ที่ปักชื่อ Tom Cruise ไว้ด้านหลัง
“มันจะต้องเป็นสนามแข่งที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ ผมแทบทนรอไม่ไหวที่จะได้เห็นพวกเขากลับมาแข่งในสนามนี้อีกครั้ง”
ทอม ครูซ กล่าวในโอกาสนั้น
17.ไม่รับค่าตัวล่วงหน้าในหนัง Mission Impossible
นักแสดงชื่อดังหลายคนมักจะได้ค่าตัวสูงลิบลิ่วจากหนังแต่ละเรื่อง แต่สำหรับ ทอม ครูซ เขาเลือกไม่ขอรับค่าตัวล่วงหน้าจากแฟรนไชส์ Mission Impossible ที่เป็นแฟรนไชส์หลักที่สร้างชื่อเสียงให้เขาอย่างมากในยุคหลังจากบท อีธาน ฮันต์ แต่เขาเลือกที่จะขอส่วนแบ่ง 30 % จากรายได้ทั้งหมดของหนังแทนค่าตัวในตำแหน่งนักแสดงนำและผู้อำนวยการสร้าง ก็เป็นข้อตกลงที่แฟร์ ๆ ที่น่าจะแฮปปี้กันทั้งตัวทอม ครูซ เองและพาราเมาท์ สตูดิโอผู้สร้าง เพราะทอมเป็นผู้อำนวยการสร้างเอง ถ้าหนังทำกำไรได้ดี ทอมก็ได้ส่วนแบ่งเยอะ ถ้าเผอิญหนังเจ๊ง ทอมก็ได้น้อยไปด้วยสตูดิโอไม่ต้องควักกระเป๋ามาจ่ายค่าตัวให้ทอม และด้วยแนวทางนี้ทำให้เขามีรายรับจากหนังภาคแรก Mission: Impossible (1996) ไปมากถึง 70 ล้านเหรียญ ส่วนในภาค 2 และ 3 ทอมก็ได้เงินเข้ากระเป๋าไป 75 ล้านเหรียญ
18.มีหนังทำเงินระดับ 100 ล้านต่อเนื่อง 5 เรื่อง
ไม่แปลกที่ทอม ครูซ สามารถอยู่ยงคงกระพันในวงการมาจะ 40 ปีแล้ว แน่นอนว่าผลงานการแสดงกว่า 50 เรื่องของเขา ก็จะต้องมีทั้งผลงานที่คว่ำไม่เป็นท่าบ้างอย่าง The Mummy แต่ผู้คนก็ยังจดจำเขาได้มากกว่าในฐานะนักแสดงแม่เหล็ก ที่ชื่อเสียงยังสามารถเรียกเงินจากกระเป๋าคนดูได้ทุกวันนี้ และเขายังเป็นนักแสดงคนเดียวที่สร้างสถิติมีหนังที่เขาแสดงนำทำเงินพ้นหลัก 100 ล้านต่อเนื่องกัน 5 เรื่อง ดังนี้
- 1992 A Few Good Men รายได้ในสหรัฐฯ 141 ล้านเหรียญ / รายได้รวมทั่วโลก 236 ล้านเหรียญ
- 1993 The Firm รายได้ในสหรัฐฯ 158 ล้านเหรียญ / รายได้รวมทั่วโลก 270 ล้านเหรียญ
- 1994 Interview with the Vampire: The Vampire Chronicles รายได้ในสหรัฐญ 105 ล้านเหรียญ / รายได้รวมทั่ว โลก 223 ล้านเหรียญ
- 1996 Mission Impossible รายได้ในสหรัฐฯ 180 ล้านเหรียญ / รายได้รวมทั่วโลก 457 ล้านเหรียญ
- 1996 Jerry Maguire รายได้ในสหรัฐฯ 153 ล้านเหรียญ / รายได้รวมทั่วโลก 273 ล้านเหรียญ
สถิติรายได้ 100 ล้านมาหยุดที่เรื่อง Eye Wide Shut ปี 1999 ผลงานที่ทอม ครูซ แสดงร่วมกับ นิโคล คิดแมน ภรรยาในวันนั้น รายได้ในสหรัฐฯ ทำไปได้เพียง 55 ล้านเหรียญ แต่รายได้รวมทั่วโลกก็ยังพ้นหลัก 100 ล้านอยู่ดี ไปจบที่ 105 ล้านเหรียญ (บางสื่อบอกว่า 162 ล้านเหรียญ)
19.เป็นต้นแบบของตัวการ์ตูน “อะลาดิน” ในแอนิเมชัน Aladdin (1992)
ใครที่ได้ชม Aladdin (1992) แล้วรู้สึกว่าตัวละคร อะลาดิน มีความละม้ายคล้าย ทอม ครูซ กันบ้างมั้ย นั่นไม่ใช่เหตุบังเอิญ แต่เป็นความตั้งใจของทีมงานที่ต้องการให้รูปร่างหน้าตาของอะลาดินออกมาดูน่ารัก ต้องตาผู้ชมในวงกว้าง ทางผู้ออกแบบตัวละครก็เลยเลือกใช้ใบหน้าของ ทอม ครูซ มาเป็นต้นแบบในการสร้างสรรค์ตัว เจ้าชายอาลี ให้มีส่วนผสมของพระเอกหนังแอ็กชันและมีเสน่ห์ดึงดูดผู้ชมฝ่ายหญิง แต่ ทอม ครูซ ก็ไม่ใช่ตัวเลือกแรก เพราะเดิมทีแล้วทางผู้ออกแบบเลือกใบหน้าของ ไมเคิล เจ. ฟอกซ์ พระเอกจาก Back To The Future มาเป็นต้นแบบ แต่ เจฟฟรีย์ คาตเซ็นเบิร์ก ประธานร่วมของดิสนีย์ในยุคนั้นเห็นแล้วไม่ชอบใจ สั่งให้รื้อทิ้งแล้วแนะนำให้ใช้ใบหน้าของ ทอม ครูซ แทน
20.เขาเกือบได้เป็น Iron Man
รู้กันไหมว่า โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ ไม่ใช่ตัวเลือกแรกของมาร์เวล ที่จะมาเป็น โทนี่ สตาร์ก หรือ Iron Man เพราะทางสตูดิโอได้ทาบทาม ทอม ครูซ เป็นรายแรกแต่ ทอม บอกปฏิเสธไป ซึ่งภายหลังทอมก็ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุผลที่เขาปฏิเสธว่าเขาพิจารณาตัวเองแล้ว ภาพลักษณ์ของเขาดูไม่ใกล้เคียงกับบุคลิกลักษณะของ โทนี่ สตาร์ก เอาเสียเลย
“ไม่ใกล้เคียงเลยครับ แต่ผมน่ะรักในภาพลักษณ์ของ โรเบิร์ต ดาวนีย์. จูเนียร์ นะ ผมน่ะนึกภาพไม่ออกเลยว่าใครจะมาเล่นบทนี้ได้ถ้าไม่ใช่เค้า ผมคิดว่ามันเหมาะเจาะกับเขามาก”
21.เขาเป็นนักบินที่มีใบอนุญาต
การที่เขาหลงใหลในการบินมาจากตอนที่ได้รับบทนำในหนัง Top Gun เมื่อปี 1986 หนังมีอิทธิพลต่อผู้ชมชาวอเมริกันอย่างมาก สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับทหารอากาศ จนทำให้หนุ่มอเมริกันสมัครเข้าเป็นทหารอากาศเยอะมากในช่วงนั้น หนังยังสร้างแรงบันดาลใจอย่างมากให้กับ ทอม ครูซ เองด้วย แม้ว่าก่อนหน้าที่จะแสดงใน Top Gun นั้น เขาไม่เคยมีประสบการณ์การบินมาก่อนเลย และตอนที่ต้องขึ้นบินจริง ๆ ด้วยเครื่อง F-14 ในระหว่างการถ่ายทำก็ทำเอาเขาเมาเครื่องถึงกับต้องอาเจียนอยู่หลายครั้ง แต่หลังจากเขาเริ่มปรับสภาพได้และเริ่มคุ้นเคยกับการบิน ก็ทำให้เขารู้สึกหลงใหลในการบินอย่างจริงจัง และต้องการเป็นนักบิน ทอมสมัครเข้าเรียนการบินและได้ใบอนุญาตนักบินอย่างถูกต้องในปี 1994
“ใช่ครับ ผมสามารถขับเครื่องบินได้แล้ว”
เมื่อมีใบอนุญาตถูกต้องแล้ว อันดับต่อไปก็คือการมีเครื่องบินของตัวเอง ระดับทอม ครูซ ย่อมไม่ธรรมดา ปัจจุบันเขาเป็นเจ้าของเครื่องบิน Gulfstream G450 ที่สามารถบรรทุกผู้โดยสารได้ 19 คน ในราคาสูงถึง 38 ล้านเหรียญ
22.ซื้อมอเตอร์ไซค์คันแรกเมื่ออายุ 12 ขวบ
ความที่เขาชื่นชอบในความตื่นเต้นและมักแสดงฉากเสี่ยงตายด้วยตัวเองอยู่บ่อยครั้ง เป็นอุปนิสัยส่วนตัว ที่เริ่มส่อแววมาตั้งแต่เด็ก ทอม ครูซ ในวัยเพียง 12 ปี เขาสามารถเก็บหอมรอมริบทุกบาททุกสตางค์แล้วไปซื้อมอเตอร์ไซค์คันแรกของตัวเอง แต่ก็คงจะซิ่งมาก หลังเป็นเจ้าของได้ไม่นาน ทอมก็ซิ่งไปชนกับกับรถยนต์ 2 คน ทำเอาตัวเขาลอยละลิ่วข้ามรถไปนอนแอ้งแม้งกับพื้น ทอมเคยย้อนเล่าอดีตเรื่องนี้ให้ฟังตอนที่ไปออกรายการทอล์กโชว์กับ เจย์ ลีโน ว่าเขาปิดเรื่องนี้เป็นความลับได้สำเร็จ
“ผ่านไปปีนึงผมถึงไปเล่าเรื่องนี้ให้แม่ฟัง ซึ่งถึงตอนนั้นผมก็รอดพ้นทุกข้อหาไปแล้ว”
อ้างอิง อ้างอิง อ้างอิง อ้างอิง อ้างอิง อ้างอิง อ้างอิง อ้างอิง อ้างอิง อ้างอิง อ้างอิง อ้างอิง อ้างอิง อ้างอิง อ้างอิง อ้างอิง