ย้อนเวลากลับไปในช่วงปี 1952 (2495) นิยายสายลับชื่อดังอย่าง James Bond 007 ได้ออกมาสู่มือแฟน ๆ ด้วยปลายปากกาของ Ian Fleming นักข่าวและนักประพันธ์ชาวอังกฤษ ที่เล่าเรื่องราวของสายลับหนุ่มสุดหล่อชาวอังกฤษ ที่ได้รหัสสังหารหมายเลข 007 ในการทำภารกิจกู้โลก โดยตอนแรกของนิยายที่ถูกเขียนขึ้นมานั้นก็คือตอน Casino Royale ที่ประสบความสำเร็จอย่างมากมายจนมีนิยายตอนต่าง ๆ ถูกเขียนออกมา รวมถึงภาพยนตร์ที่ถูกสร้างขึ้นมาตอนแรกในปี 1962 (2505) ในชื่อตอนว่า Dr. No หลังจากนั้นเป็นต้นมาเราก็ได้เห็นเรื่องราวของสายลับคนนี้เรื่อยมา แม้แต่ในวิดีโอเกมที่หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่าตั้งแต่อดีตจนถึงตอนนี้มีเกมจากนิยายและภาพยนตร์ James Bond ที่ถูกสร้างออกมามากมายหลายเกม เราจะมาดูกันว่าตั้งแต่อดีตมีเกมอะไรในซีรีส์ James Bond 007 ที่น่าสนใจบ้าง ถ้าพร้อมแล้วก็เตรียมตัวให้พร้อมแล้วตามมาดูกันเลย
Shaken but Not Stirred
เริ่มต้นเกมแรกในซีรีส์ James Bond 007 ที่ถูกสร้างขึ้นมาในปี 1982 ในชื่อเกม Shaken but Not Stirred ที่ลงบนเครื่อง ZX Spectrum ที่เป็นเกมแนว Interactive fiction ที่เป็นการอ่านนิยายแล้วเลือกคำตอบ โดยสิ่งที่เราเลือกตอบก็จะส่งผลกับเนื้อเรื่องที่จะขึ้นมา ถ้าจะให้เห็นภาพงง่าย ๆ ก็คงจะคล้าย ๆ เกม Detroit Become Human ในยุคนี้ โดยในเกมเราจะได้รับบทเป็น James Bond ในภารกิจป้องโลกจาก Dr. Death ที่มีแผนเรียกค่าไถ่กรุง London ถ้าไม่จ่ายเขาจะยิงหัวรบนิวเคลียร์ใส่ 007 ของเราจึงต้องไปยังสถานที่ต่าง ๆ เพื่อค้นหาหัวรบนิวเคลียร์ก่อนจะสายเกินไป ซึ่งเรื่องราวนี้จะถูกแต่งขึ้นมาใหม่ไม่ได้อ้างอิงมาจากนิยายตอนไหน และนี่ก็นับเป็นเกม James Bond 007 เกมแรกที่ถูกสร้างขึ้นมา
James Bond 007
ปีถัดมาในช่วง 1983 ตัวเกม James Bond ก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาอย่างเป็นทางการ กับเกม James Bond 007 ที่ลงบนเครื่อง Atari 2600, Atari 5200, Atari 8-bit family และ Commodore 64 ที่เราจะได้รับบทเป็น James Bond 007 กับรถคู่ใจในการทำภารกิจกู้โลก ที่เราต้องบินบนฟ้าดำน้ำไปจนถึงการวิ่งบนถนนเพื่อไปให้ถึงเป้าหมาย ตัวเกมไม่ได้อ้างอิงเรื่องราวมาจากภาพยนตร์หรือนิยายเรื่องไหน แต่เป็นการอ้างอิงรถสุดล้ำยุคจากภาพยนตร์ภาคต่าง ๆ อย่าง Diamonds are Forever, The Spy Who Loved Me, Moonraker และ For Your Eyes Only มายำรวมกันในเกมนี้
James Bond 007 A View to a Kill
หลังจากเกมขับรถอย่าง James Bond 007 วางจำหน่ายไปได้ 2 ปีในช่วงปี 1985 ก็มีเกมภาคใหม่จากซีรีส์นี้มาให้เราเล่นในชื่อ James Bond 007 A View to a Kill ที่คราวนี้ตัวเกมจะถูกพัฒนาลงบนเครื่องคอมพิวเตอร์อย่าง MS-DOS, Macintosh และ Apple II ที่เป็นเกม Action ที่ตัวเกมจะอ้างอิงเรื่องราวบางส่วนจากภาพยนตร์ตอนที่ 14 ของซีรีส์ในชื่อเดียวกันอย่าง A View to a Kill มาดัดแปลงเป็นเกม ที่เราจะต้องขับรถไปยังสถานที่ต่าง ๆ ใน Paris เพื่อหาเบาะแส ก่อนจะตัดเข้าสู่ตัวเกมที่เราต้องเดินหาศัตรูและฆ่ามันให้หมด นับเป็นเกมที่แปลกใหม่น่าสนใจมาก ๆ ในยุคนั้น
James Bond 007 Goldfinger
กลับมาที่เกมแนวอ่านนิยายเล่าเรื่องที่เรียกว่า Interactive fiction อีกครั้งในชื่อภาคว่า James Bond 007 Goldfinger ที่เรื่องราวในเกมภาคนี้จะอ้างอิงมาจากนิยายของ Raymond Benson ที่รับช่วงเขียนนิยาย James Bond 007 มาดัดแปลงเนื้อหาให้ต่างกับภาพยนตร์เพื่อใช้ในวิดีโอเกม ที่จะเล่าเรื่องราวของผู้ก่อการร้ายในชื่อ Goldfinger ที่มีแผนการร้ายครองโลก ที่เราสามารถเลือกเส้นทางที่จะเกิดขึ้นหรือการกระทำของ Bond จากตัวเลือกต่าง ๆ แบบเดียวกับภาค Shaken but Not Stirred ที่จุดขายของเกมก็คือเนื้อหาที่ต่างจากชมภาพยนตร์และอ่านนิยาย ตัวเกมวางจำหน่ายในปี 1986
The Living Daylights
หนึ่งปีต่อมาในปี 1987 ก็มีเกมใหม่ออกมาในชื่อ The Living Daylights เพื่อต้อนรับภาพยนตร์เรื่องใหม่ของ 007 ในชื่อเดียวกัน ที่อ้างอิงเรื่องราวจากนิยายเรื่องสั้น James Bond ในชื่อ The Living Daylights ที่เขียนโดย Ian Fleming มาสร้าง แต่ตัวเกมกลับไม่ได้เอาเรื่องราวของภาพยนตร์หรือนิยายมาใช้ แต่ตัวเกมจะเอาฉากยิงกันในภาพยนตร์มาใช้แทน โดยตัวเกมเป็นแนว Action เดินยิงแหลกกับบท James Bond ที่แสดงโดย Timothy Dalton ตัวเกมลงบนหลายเครื่องเกมในยุคนั้นอย่าง Amstrad CPC, Amstrad PCW, Atari 8-bit, BBC Micro, Commodore 64, MSX และ ZX Spectrum ตัวเกมค่อนข้างน่าสนใจและเล่นสนุกมาก ๆ ในยุคนั้น
Live and Let Die
ในเมื่อมีเกมแนวขับรถไปแล้วคราวนี้มาที่เกมขับเรือบ้างในเกม Live and Let Die ที่อ้างอิงฉากในภาพยนตร์ชื่อเดียวกันมาทำเป็นเกม ที่ในภาพยนตร์นั้นจะได้นักแสดงมากความสามารถอย่าง Roger Moore มาเป็น James Bond ตัวเกมจะมีหน้าจอเมนูที่บอกเราถึงอาวุธที่ได้ รวมถึงความเร็วในการแล่นเรือที่มาพร้อมกับฉากต่าง ๆ มากมายตามในภาพยนตร์ ที่ถ้าในเกมไม่เขียนว่า 007 คงคิดว่ามันคือเกมขับเรือทั่วไป แต่แฟน ๆ ในยุคนั้นต่างชื่นชอบมาก ๆ ตัวเกมวางจำหน่ายบนเครื่อง Amiga, Atari ST, Amstrad CPC, Commodore 64, MS-DOS และ ZX Spectrum ในปี 1988
007 Licence to Kill
มาถึงปี 1989 เกม James Bond ก็พัฒนาไปอีกขั้น ที่คราวนี้ตัวเกมได้เปลี่ยนมาเป็นเกมแนวยิงมุมมองด้านบนที่มีกราฟิกสวยงาม เล่นแล้วได้อารมณ์สายลับ 007 ที่คราวนี้ต้องไปบุกรังศัตรูเพื่อปกป้องโลกแบบในภาพยนตร์ในชื่อเกม 007 Licence to Kill ที่ตัวเกมได้หยิบฉากการไล่ล่าจักรพรรดิยาเสพติด Sanchez ที่สังหารแฟนสาวที่เป็นเพื่อนสนิทของ Bond ในภาพยนตร์มาทำเป็นเกม โดยในเกมจะมีทั้งการไล่ล่ายิงกันบนบกบนฟ้าและขับเรือไล่ล่าครบสูตรตามในภาพยนตร์ที่แฟน James Bond ต้องหามาสะสม ตัวเกมวางจำหน่ายบนเครื่อง Amiga, Amstrad CPC, Atari ST, BBC Micro, Commodore 64, DOS, MSX และ ZX Spectrum
The Spy Who Loved Me
คราวนี้เปลี่ยนมาดูเกม James Bond 007 ที่สร้างมาจากภาพยนตร์ในปี 1977 ในชื่อภาค The Spy Who Loved Me มาทำเป็นเกมกันบ้าง โดยเกมนี้จะใช้ชื่อเดียวกับภาพยนตร์ที่วางจำหน่ายในปี 1990 บนเครื่อง Amiga, Atari ST, Amstrad CPC, Commodore 64, DOS computers และ ZX Spectrum ที่เป็นเกมแนวขับรถยิงกัน ซึ่งเป็นหนึ่งในฉากของภาพยนตร์ The Spy Who Loved Me ที่ในเกมนี้เราจะได้ขับรถ Lotus Esprit ไล่ล่าศัตรูซึ่งมีหลายฉากให้เล่น แต่จากข้อมูลบอกว่าตัวเกมไม่ค่อยสนุกและได้คะแนนไปเพียง 36% เท่านั้นจากสื่อในยุคนั้น
James Bond 007 The Duel
หลังจากห่างหายจากวงการเกมไปกว่า 3 ปี เกมในซีรีส์ James Bond 007 ก็กลับมาอีกครั้งในชื่อเกมภาคใหม่ว่า James Bond 007 The Duel ที่วางจำหน่ายในปี 1993 ที่เป็นเกม Action มุมมองด้านข้าง ที่เราจะได้รับบทเป็น James Bond ที่ต้องไปบุกฐานศัตรูเพื่อช่วยตัวประกันที่ถูกจับ ขณะที่เรื่องราวในเกมไม่ได้อ้างอิงมาจากภาพยนตร์ตอนไหน แต่ก็ได้นักแสดงที่รับบท James Bond มาขึ้นปก ตัวเกมวางจำหน่ายบนเครื่อง Mega Drive และ Master System
GoldenEye
และก็มาถึงเกมแนวยิงมุมมองบุคคลที่ 1 ที่ขึ้นหิ้งระดับตำนาน ซึ่งนักเล่มเกมหลายคนต่างยกย่องให้เกม GoldenEye บนเครื่อง Nintendo 64 เป็นเกมเดินยิงที่มีระบบการเล่นและควบคุมที่ยอดเยี่ยมมาจนถึงทุกวันนี้ ตัวเกมจะอ้างอิงเรื่องราวในภาพยนตร์ในชื่อเดียวกัน ที่นำแสดงโดย Pierce Brosnan กับการทำลายแผนการของเหล่าร้าย ที่ในตอนนั้นจัดว่าเป็นอะไรที่แปลกใหม่มาก ๆ เพราะนอกจากการเดินหน้าไล่ยิงแล้ว ตัวเกมยังมีภารกิจในการปกป้องตัวประกัน และการไล่ล่าหลาย ๆ แบบที่เกมแนวยิงทั่วในยุคนั้นไม่มี อย่างการขับรถไล่ล่ายิงกันซึ่งเป็นมุมมองที่แปลกใหม่มาก ๆ ในยุคนั้น ตัวเกมยังเปลี่ยนอาวุธได้หลายแบบแถมมีหลายฉากให้เล่น และที่พิเศษอีกอย่างคือโหมด Deathmatch ที่เป็นการแบ่งเป็น 4 จอเพื่อเล่นยิงกับเพื่อนได้อีก ตัวเกมที่แม้จะเอามาเล่นตอนนี้ตัวเกมก็ยังคงสนุกจนเราอยากให้คุณหามาเล่น ตัวเกมวางจำหน่ายในปี 1997
James Bond 007
มากันที่เครื่องเกมพกพาอย่าง Game Boy กันบ้างในชื่อเกมว่า James Bond 007 ที่วางจำหน่ายในปี 1998 ตัวเกมเป็นมุมมองด้านบนกับภารกิจในการยับยั้งแผนการชั่วร้ายเหมือนทุกครั้ง แต่คราวนี้ตัวเกมจะไม่ได้อ้างอิงเรื่องราวมาจากตอนไหนของภาพยนตร์หรือนิยายมาสร้าง แต่จะถูกเขียนใหม่ทั้งเหมือนหลายเกมก่อนหน้านี้ โดยคราวนี้เรื่องราวจะเกี่ยวความความบ้าคลั่งของนายพลชาวรัสเซีย ที่คิดจะฆ่าล้างเชื้อชาติอื่นด้วยนิวเคลียร์ ในส่วนของตัวเองจะเป็นแนว Action Adventure เดินหน้ากำจัดศัตรูที่มีฉากในประเทศต่าง ๆ และมีตัวละครสายลับ 008 มาเป็นคู่หูด้วย
Tomorrow Never Dies
หลังจากที่ทีมงานสร้างเกม GoldenEye 007 บน Nintendo 64 ประสบความสำเร็จความสำเร็จเป็นอย่างดี ทางทีมงานก็ไม่รอช้ารีบทำเกมในซีรีส์ James Bond ออกมาอีกครั้ง แต่คราวนี้ทางทีมงานได้เปลี่ยนจากเกมมุมมองบุคคลที่ 1 ซึ่งกลายเป็นเกมแนวยิงในตำนานไปแล้วมาเป็นเกมบุคคลที่ 3 ในชื่อภาคว่า Tomorrow Never Dies ที่อ้างอิงเรื่องราวจากในภาพยนตร์ชื่อเดียวกัน ตัวเกมวางจำหน่ายในปี 1999 ที่ทางทีมพัฒนาบอกว่าตัวเกมนี้จะเป็นแนวลอบเร้น(Stealth Game) แต่พอเล่นจริง ๆ เราต้องมาไล่ยิงศัตรูไปเสียอย่างนั้น และนี่ก็เป็นครั้งแรกในซีรีส์เกม James Bond ที่เราจะได้ควบคุมเป็นตัวละครอื่นนอกจาก James Bond โดยในเกมนี้เราจะเล่นเป็น Wai-Lin สาว Bond ที่ได้นักแสดงสาวสวยอย่าง Michelle Yeoh รับบทในภาพยนตร์อีกด้วย ตัวเกมได้รับเสียงตอบรับระดับกลาง ๆ ออกไปทางผิดหวังเมื่อเทียบกับผลงานที่แล้วมา
The World Is Not Enough
ดูเหมือนความสำเร็จของ GoldenEye 007 บน Nintendo 64 จะเป็นจุดขายที่น่าสนใจและยากจะหาเกมไหนมาทำตามได้ ทางทีมพัฒนาเกมในยุคนั้นจึงพยายามสร้างเกม James Bond ในแนวยิงมุมมองบุคคลที่ 1 ออกมาอีกครั้ง ซึ่งมาพร้อมกับภาพยนตร์ตอนใหม่ของ James Bond ในชื่อ The World Is Not Enough ที่ตัวเกมก็ใช้ชื่อเดียวกับภาพยนตร์ ตัวเกมวางจำหน่ายในปี 2000 ซึ่งลงทั้งบน Nintendo 64 และ PlayStation 1 กับการรับภารกิจตามในภาพยนตร์ที่มีถึง 11 ภารกิจ ที่มีทั้งการยิงแหลกไปจนถึงการลอบเร้นที่เป็นการพัฒนาต่อยอดมาจาก Tomorrow Never Dies ที่ให้อารมณ์และกราฟิกที่สวยกว่า GoldenEye 007 ส่วนเสียงตอบรับทาง GameSpot สรุปว่าเกมนี้ไม่ใช่ GoldenEye สำหรับ PlayStation แต่ถ้าคุณเบื่อที่จะเล่นเกม Medal of Honor หรือ Metal Gear Solid เกมนี้จะช่วยบรรเทาอาการเสพติดการลอบยิงของคุณได้ชั่วคราว
007 Racing
หนึ่งในจุดเด่นของซีรีส์ James Bond ที่นอกจากตัวนักแสดงที่รับบท 007 หรือสาว Bond แล้ว รถที่ James Bond ใช้ในภาพยนตร์ก็คืออีกสิ่งที่แฟน ๆ สนใจ เพราะแทบทุกภาคในภาพยนตร์เราจะเห็นรถสวย ๆ ที่มีเทคโนโลยีล้ำยุคมากมาย ทั้งรถดำน้ำรถบินได้รถติดจรวดไปจนถึงรถติดปืนกลที่มีหลายแบบหลายคัน และด้วยจุดเด่นที่ว่ามาจึงทำให้เกิดเกม 007 Racing ขึ้นมา ซึ่งต้องบอกก่อนว่ามันไม่ใช่เกมแข่งรถ แต่เป็นเกมขับรถเพื่อทำภารกิจของ James Bond ที่คราวนี้เขาและสาว Bond ต้องช่วยกันยับยั้งการก่อการร้ายด้วยไวรัสร้ายแรงที่จะฆ่าคนนับล้าน โดยตลอดทั้งเกมนั้นเราจะได้อยู่แต่ในรถเพื่อทำภารกิจตามสถานที่ต่าง ๆ ตามเนื้อเรื่องที่ถูกเขียนขึ้นมาใหม่ ซึ่งการเล่าเรื่องราวนั้นจะถูกตัดเป็นฉาก Cutscene แบบในภาพยนตร์หรือบอกเล่าผ่านการคุยกันระหว่างขับรถ ตัวเกมวางจำหน่ายในปี 2000 บน PlayStation 1
The World Is Not Enough
กลับมาที่เครื่องเกมพกพาอย่าง Game Boy Color กันบ้าง กับเกมที่สร้างในชื่อเดียวกับภาพยนตร์อย่าง The World Is Not Enough ที่ตัวเกมนั้นจะใช้กราฟิกมุมมองด้านบนกับเรื่องราวที่อ้างอิงมาจากในภาพยนตร์ทุกฉาก ทั้งฉากในกรุง London ไปจนถึงเรือดำน้ำของรัสเซียที่ให้อารมณ์แบบเกมในซีรีส์ Metal Gear Solid บนเครื่อง Game Boy Color ที่ออกมาก่อนหน้านี้ ซึ่งตัวเกม The World Is Not Enough จะเป็นแนวลอบเร้นผสมยิงแหลกที่ทำออกมาได้ดี ตัวเกมก็ให้อารมณ์ความรู้สึกที่สนุกสมเป็น James Bond ตัวเกมวางจำหน่ายในปี 2001
James Bond 007 Agent Under Fire
กระโดดมาที่เครื่องเกมยุคใหม่อย่าง PlayStation 2, GameCube และ Xbox กันบ้างกับภาคใหม่ของเกมในซีรีส์ James Bond ในชื่อเกมว่า James Bond 007 Agent Under Fire ซึ่งเกมภาคนี้จะต่างกับเกมอื่น ๆ ในซีรีส์ James Bond ตรงที่ตัวเกมนั้นจะไม่ได้อ้างอิงจากภาพยนตร์หรือนิยายตอนไหนมาทำเป็นเกม แต่จะเป็นเรื่องราวที่ถูกแต่งขึ้นมาใหม่โดยการอ้างอิงเรื่องราวต่อมาจาก 007 Racing และจะเชื่อมต่อกับภาค James Bond 007 Nightfire ที่จะออกตามมาให้เป็นเรื่องราวเดียวกัน โดยในภาคนี้ไวรัสสุดอันตรายที่ James Bond ยับยั้งเอาไว้ได้ในตอนนั้น ได้ถูกพัฒนาต่อยอดให้ไวรัสสามารถเจาะจงเหยื่อในการฆ่าได้ โดยใช้เลือดของคนมาเป็นเป้า ซึ่งตอนนี้มีเลือดของบุคคลสำคัญ 9 คนที่เป็นเป้าของไวรัส James Bond จึงต้องไปยับยั้งแผนการนี้ ในส่วนของตัวเกมจะเป็นแนวยิงมุมมองบุคคลที่ 1 ตัวเกมมีทั้งฉากเดินยิงและขับรถแบบในเกมภาคก่อน ตัวเกมมีกราฟิกที่สวยงามสมยุคแถมเล่นสนุกสมเป็น James Bond มาก ๆ
James Bond 007 Nightfire
อย่างที่กล่าวไปในหัวข้อที่แล้วว่าเกม James Bond 007 Nightfire ภาคนี้จะอ้างอิงเรื่องราวตัวละครระบบการเล่นมาจาก James Bond 007 Agent Under Fire และ 007 Racing ที่คราวนี้ตัวเกมจะเล่าเรื่องราวขององค์กรที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งสองภาคก่อนหน้า ที่ชี้เป้าไปที่ Drake นักอุตสาหกรรมที่มีชื่อเสียง ซึ่งเขามีเป้าหมายจะยึดครองโลกด้วยการขโมยชิปนำทางขีปนาวุธ ซึ่งชิปนี้สามารถทำให้จรวดผ่านดาวเทียมป้องกันขีปนาวุธที่สร้างโดยสหรัฐอเมริกาได้ James Bond จึงต้องตามสืบหาที่อยู่และทำลายฐานยิงขีปนาวุธนั้นก่อนจะสายไป ในส่วนของตัวเกมก็ยังคงความสนุกกราฟิกที่สวยงาม และเนื้อเรื่องที่สมเป็น James Bond จนเป็นเกมขายดีในสหรัฐอเมริกาอันดับที่ 93 ของปี 2002 เลยทีเดียว
James Bond 007 Everything or Nothing
ยังคงอยู่กับเกมในซีรีส์ James Bond 007 บนเครื่อง PlayStation 2 กับภาคใหม่ที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยไม่ได้อ้างอิงมาจากภาพยนตร์หรือนิยายอีกครั้งในชื่อ James Bond 007 Everything or Nothing ที่ผลิตโดย EA Redwood Shores ที่ได้นักแสดงที่เป็นคนจริง ๆ อย่างอดีต James Bond อย่าง Pierce Brosnan (ตอนนั้นเขาเลิกเป็น James Bond แล้ว) มาเป็นต้นแบบในเกม รวมถึงนักแสดงคนอื่น ๆ ในภาพยนตร์มารับบท Q กับ M ในเกมอีกด้วย ตัวเกมอ้างอิงระบบการเล่นแบบมุมมองบุคคลที่ 3 มาจากเกมภาค Tomorrow Never Dies และใช้กราฟิก Engine เดียวกับภาค Agent Under Fire และที่เกมนี้พิเศษกว่าเกมอื่นตรงที่ระบบเล่น 2 คนผ่านระบบ Oline ที่บนเครื่อง GameCube จะมีระบบเชื่อมต่อกับ Game Boy Advance ด้วย Link Cable ก็จะได้รับประสบการณ์เล่นที่ต่างจากเครื่องอื่นอีกด้วย ตัวเกมวางจำหน่ายในปี 2003
From Russia with Love
หลังจากที่ซีรีส์เกม James Bond วนเวียนอยู่กับ Pierce Brosnan กับเรื่องราวใหม่ที่ถูกสร้างขึ้นมาไม่ได้อ้างอิงมาจากภาพยนตร์หรือนิยายมานาน คราวนี้แฟน ๆ 007 ก็เริ่มจะมีความหวังเมื่อทาง EA Redwood Shores นำเอา James Bond 007 ฉบับภาพยนตร์กับนิยายในตอน From Russia with Love มาสร้างเป็นเกม แถมยังอ้างอิงตัวละครมาจากคุณปู่ Sean Connery ที่มาเป็นต้นแบบตัวละครและให้เสียงเองหลังจากที่ห่างหายจากบท James Bond มากว่า 22 ปี โดยในเกมนี้จะอ้างอิงเรื่องราวมาจากภาพยนตร์ ที่เกี่ยวกับลูกสาวของนายกรัฐมนตรีแห่งสหราชอาณาจักรถูกลักพาตัวไปโดยองค์กร OCTOPUS จน James Bond ต้องไปตามตัวกลับมา ก่อนจะกลายเป็นข้อพิพาทในการสงครามโลกครั้งที่ 3 ตัวเกมจะเป็นเกม Action มุมมองบุคคลที่ 3 ที่มีกราฟิกสวยงามเอาใจแฟน ๆ James Bond รุ่นเก่า ตัวเกมวางจำหน่ายในปี 2005
007 Quantum of Solace
3 ปีหลังจาก From Russia with Love เกมในซีรีส์ James Bond ก็หายไปจากตลาด ขณะที่ทางภาพยนตร์ก็มี James Bond คนใหม่พร้อมภาพยนตร์ที่ออกมาแล้ว 2 ภาค ทางค่ายเกมจึงเข็นเกม James Bond ภาคใหม่ออกมาชื่อเดียวกับภาพยนตร์ในชื่อ 007 Quantum of Solace ที่วางจำหน่ายในปี 2008 ที่ใช้เรื่องราวเดี่ยวกับในภาพยนตร์ในการเป็นต้นแบบแต่ในเกม ที่มีการเพิ่มเติมฉากและเรื่องราวบางส่วนที่เราไม่เห็นในภาพยนตร์ ตัวเกมใช้หน้าและเสียงของ Daniel Craig มาใส่ในเกม กับระบบการเล่นที่เน้นการแอบในที่กำบังเพื่อยิงศัตรูหรือจะปรับเป็นมุมมองบุคคลที่ 1 ก็ได้ ตัวเกมทำออกมาได้ดีกราฟิกสวยงามสมการรอคอยของแฟน ๆ
GoldenEye 007
เชื่อว่าหลายคนที่เมื่อเห็นชื่อเกม GoldenEye 007 คงจะงงว่าเกมนี้คือเกมเดียวกับ GoldenEye 007 ที่ลงบน Nintendo 64 เมื่อปี 1997 รึเปล่า ก็คงจะต้องตอบว่าใช่และไม่ใช่ไปพร้อม ๆ กัน เพราะเกม GoldenEye 007 บนเครื่อง Nintendo Wii คราวนี้เป็นการเอาเกม GoldenEye 007 ฉบับเก่าบน Nintendo 64 มาทำใหม่แต่เปลี่ยนกราฟิกหน้าตัวละครใหม่ให้เป็น Daniel Craig แทน Pierce Brosnan พร้อมกับเปลี่ยนระบบการควบคุมใหม่ให้เหมาะกับตัวควบคุมของ Wii รวมถึงกราฟิกที่สวยงามกว่าสมัยเครื่อง Nintendo 64 เรียกว่าดีงามถูกใจแฟน ๆ เป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่ถึงกับยอดเยี่ยมอย่างที่ภาคเก่าทำเอาไว้ แต่อย่างน้อยเด็ก ๆ ยุคนี้จะได้รับรู้ถึงความสนุกของเกม GoldenEye 007 ว่าสนุกขนาดไหน ตัวเกมวางจำหน่ายในปี 2010
James Bond 007 Blood Stone
ยังคงอยู่กับ Daniel Craig ในบท James Bond แต่คราวนี้ตัวเกมจะไม่ใช้เรื่องราวในภาพยนตร์ แต่จะเป็นเรื่องใหม่ที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยเฉพาะ ในชื่อภาคว่า James Bond 007 Blood Stone กับเรื่องราวการกู้โลกครั้งใหม่ที่เกี่ยวกับลการก่อร้ายที่ Bond ของเราต้องเดินทางไปทั่วโลก(รวมถึงประเทศไทย) เพื่อหาเบาะแสเกี่ยวกับการก่อการร้ายที่อยู่เบื้องหลังการระเบิดที่ประชุม G-20 ตัวเกมจะเป็นแนว Action มุมมองบุคคลที่ 3 ที่เน้นการแอบที่กำบังและยิง ตัวเกมมีทั้งการขับรถขับเรือไล่ล่าตามสูตรได้อารมณ์เหมือนในภาพยนตร์เป็นอย่างมาก ตัวเกมมีโหมด Online ที่เล่นพร้อมกันสูงสุดถึง 16 คนในฉาก กับหลายโหมดการเล่นที่ดีงามมาก ๆ ในยุคนั้น ตัวเกมวางจำหน่ายในปี 2010 บน PlayStation 3 และ Xbox 360
007 Legends
ปิดท้ายกับเกมภาคล่าสุดของ James Bond ที่ถูกทำเป็นวิดีโอเกมกับ 007 Legends ที่เป็นการฉลองครบรอบ 50 ปีภาพยนตร์ชุด James Bond ตัวเกมเลยจัดเต็มด้วยการนำเหล่า James Bond ในยุคต่าง ๆ มาให้เราเล่นในฉากของภาพยนตร์ ถึง 6 คน 6 ภาคอย่างภาค Goldfinger ที่มี Sean Connery รับบท ภาค On Her Majesty’s Secret Service กับ George Lazenby, Moonraker กับ Roger Moore, Licence to Kill กับ Timothy Dalton, Die Another Day กับ Pierce Brosnan และ Skyfall กับ James Bond คนล่าสุดอย่าง Daniel Craig ตัวเกมจะหยิบยกฉากเด่น ๆ ในแต่ละภาคมาทำเป็นเกมให้เราได้เล่น พร้อมกับเสียง(ในภาพยนตร์) และใบหน้าของนักแสดงที่ทำออกมาได้ดีในแง่ของการฉลองครบรอบ 50 ปี แต่ในแง่ของระบบการเล่นนั้นมันเป็นแค่เกมแนวยิงมุมมองบุคคลที่ 1 ทั่วไปที่ไม่มีอะไรน่าสนใจ ตัวเกมวางจำหน่ายในปี 2012 เป็นภาคล่าสุด ที่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีการประกาศเกมในซีรีส์ James Bond ภาคใหม่ออกมา
ก็จบกันไปแล้วกับ 23 เกมในซีรีส์ James Bond ตั้งแต่อดีตที่เราหยิบยกมานำเสนอ เพื่อเป็นการต้อนรับ James Bond ภาคใหม่ที่กำลังจะฉายในอีกไม่ช้าในชื่อภาคว่า No Time to Die ที่เป็นการแสดงเป็น James Bond ครั้งสุดท้ายของ Daniel Craig เราก็ได้แต่หวังว่าจะมีเกม James Bond สนุก ๆ มาให้ได้เล่นกัน และถ้าใครเป็นแฟนภาพยนตร์เรื่องไหน เคยเล่นเกมภาคใดของ James Bond มาบ้างก็บอกกันมาได้เพื่อแลกเปลี่ยนกัน ส่วนคราวหน้าจะเป็นเกมอะไรก็ติดตามกันได้ที่นี่ที่เดียว
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส