เชื่อว่าคนเลี้ยงหมา คนรักหมาต่างเคยได้ยินคำกล่าวนี้กันมาแล้วว่า “หมาคือเพื่อนที่ดีที่สุดของมนุษย์” dog is man’s best friend เพราะหมาเป็นสัตว์เลี้ยงที่ใกล้ชิดกับมนุษย์มากที่สุดในประวัติศาสตร์ และสิ่งที่เผ่าพันธุ์สี่ขานี้ได้ฝากความประทับใจไว้กับมนุษย์เรามากที่สุดก็คือเรื่อง ความรัก ความซื่อสัตย์ ที่หมามีต่อเจ้าของ ที่เราต่างก็เคยได้รับรู้วีรกรรมของพวกหมามามากมาย ทั้งความพยายามปกป้องเจ้าของจนตัวตาย หรือการเฝ้ารอคอยเจ้าของไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีก็ตาม นอกจากนั้นยังมีความเชื่อกันอีกว่า หมามีประสาทสัมผัสสามารถรับรู้ได้ถึงอารมณ์ต่าง ๆ ของเจ้าของ ไม่ว่าจะสุข เศร้า เหงา ทุกข์ หมาจะคอยอยู่เป็นเพื่อนและพยายามจะปลอบประโลมเราด้วยวิธีของเขาแม้ว่าเขาจะไม่สามารถสื่อสารออกมาเป็นคำพูดได้ วันนี้มีนักวิทยาศาสตร์ได้ออกมายืนยันแล้วว่า หมาสามารถสัมผัสรับรู้อารมณ์จากเจ้าของได้จริง ไม่ใช่เป็นเพียงความเชื่ออีกต่อไป และนี่คือ 6 อารมณ์และอาการที่หมาสามารถสัมผัสจากเราได้

หมาสัมผัสได้เวลาเจ้าของเศร้า


สำหรับคนเลี้ยงหมาอาจจะเคยมีประสบการณ์ที่เวลาที่เรากำลังรู้สึกเศร้าอยู่ แล้วเจ้าหมาก็เข้ามาคลอเคลียมาเลียเรา ทีท่าเหมือนอยากจะปลอบประโลมเรา คุณเข้าใจถูกต้องแล้วครับ เจ้าหมาต้องการสื่อเช่นนั้นจริง ๆ
ผลการศึกษาในเรื่องนี้พบว่าหมาสามารถรับรู้อารมณ์ของมนุษย์ได้จริง นอกจากสัมผัสได้แล้ว หมายังคาดเดาอารมณ์ของมนุษย์ได้ด้วย สังเกตเวลาที่เจ้าพวกนี้ทำผิดสิ มันมักจะรู้ล่วงหน้าแล้ววิ่งไปแอบหรือวิ่งหนีก่อนเลย

นักวิทยาศาสตร์ประเมินไว้ว่า หมาที่เติบโตเต็มที่แล้วจะมีความคิดในระดับเทียบเท่ากับทารกถ้าพิจารณาในด้านของ ความสามารถทางจิตใจ (mental ability), ความฉลาดทางอารมณ์ (emotional intelligence) หรือ คำศัพท์ต่าง ๆ จากการศึกษาเรื่องนี้ยังพบว่าหมามีประสาทสัมผัส ที่ทำให้เขาสามารถตอบสนองต่ออารมณ์ของมนุษย์ได้แม้ว่าอาจจะยังไม่เข้าใจดีนักว่ามนุษย์กำลังรู้สึกอย่างไรในขณะนั้น สมมติว่าเรากำลังรู้สึกหดหู่หมาก็จะพยายามเข้ามาปลอบเราทั้งที่เค้าก็ไม่เข้าใจหรอกว่าความรู้สึกเศร้ามันคืออะไร

ในการทดสอบเรื่องนี้ นักวิทยาศาสตร์ประจำมหาวิทยาลัยลอนดอน ได้ทำการพิสูจน์กับหมาจำนวน 18 ตัว ด้วยการสังเกตพฤติกรรมของหมาเวลาที่เห็นคนกำลังร้องไห้ กับอีกคนที่กำลังฮัมเพลงอย่างมีความสุข หมาหลายตัวจะสงสัยกับการฮัมเพลงของมนุษย์เพราะเป็นพฤติกรรมแปลกใหม่ที่ไม่คุ้นเคยและใคร่รู้ ส่วนปฏิกิริยาตอบสนองต่อการร้องไห้นั้น พบว่าหมา 15 ตัวจาก 18 ตัวจะเดินเข้าไปหาและปลอบเจ้าของตัวเองที่กำลังร้องไห้อยู่

หมาแสดงถึงความเอาใจใส่ได้

จากการศึกษาในเรื่องนี้พบว่า หมาแต่ละตัว แต่ละสายพันธุ์ก็มีวิธีการแสดงออกที่ต่างกัน

1.ปลอบประโลมด้วยการสัมผัส
หมาส่วนใหญ่จะพยายามปลอบเราแบบนี้ เอาหัวมาพาดบนตักเรา ยื่นแขนมาแตะ ๆ เราเหมือนอยากจะลูบหลังตบหลังให้กำลังใจไรแบบนี้ บางตัวก็ใช้วิธีเลียแขนเลียมือเจ้าของ ประมาณว่าเค้าเข้าใจนะ สู้ ๆ นะ

2.ให้เวลาเจ้าของได้เป็นส่วนตัว
แบบนี้จะเป็นวิธีตรงกันข้ามกับแบบแรกเลย แต่ก็เป็นส่วนน้อย หมาจำพวกนี้ถ้าสัมผัสได้ว่าเจ้าของกำลังโศกเศร้าอยู่ เขาจะเลือกหลีกหนีไปให้ห่างเพราะเข้าใจว่าอารมณ์แบบนี้เจ้าของอยากจะมีเวลาส่วนตัว และจะเฝ้าสังเกตว่าอารมณ์เจ้าของปกติดีหรือยังถึงจะเข้ามาหา

3.พยายามดึงดูดความสนใจ
แบบนี้ก็น่ารักดี บางตัวพยายามจะให้กำลังใจเจ้าของที่กำลังเศร้าอยู่ด้วยการชวนเล่น บางตัวจะคาบบอลมาหย่อนข้างหน้าเจ้าของประมาณว่า ชวนไปเล่นบอลกันจะได้ลืมความทุกข์ซะนะ นักวิทยาศาสตร์ลองดึงดูดความสนใจหมาให้ไปทำอย่างอื่น ผลก็ปรากฏว่าเจ้าหมาก็พยายามทำเช่นเดิมกับเจ้าของ

หมารู้ว่าเจ้าของกำลังบาดเจ็บหรือป่วยอยู่

หมาจะรู้ได้ว่าเจ้าของกำลังบาดเจ็บหรือไม่สบาย อาศัยจากการสังเกตสีหน้าของเจ้าของ หมาจะจำสีหน้าปกติของเจ้าของได้ แต่ถ้าวันไหนอารมณ์บนใบหน้าเจ้าของเปลี่ยนแปลงไป หรือมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปจากเดิมด้วย หมาก็จะสังเกตได้และรับรู้ว่าเจ้าของกำลังบาดเจ็บหรือกำลังไม่สบาย

อย่างที่เรารู้กันดีแล้วว่า หมามีความสามารถพิเศษในการดมกลิ่นเหนือกว่ามนุษย์ 10,000 เท่า 1 ใน 3 ของสมองหมาประกอบไปด้วยเซลล์ที่ใช้ในการดมกลิ่นโดยเฉพาะ บางตัวแค่ดมกลิ่นก็รู้แล้วว่าคนนั้นกำลังป่วยอยู่ มีตัวอย่างมากมายเกี่ยวกับกรณีเช่นนี้ ต่อให้เป็นหมาที่เลี้ยงตามบ้านไม่เคยผ่านการฝึกมาก่อนก็ตามก็ยังสามารถรับรู้ได้ว่าเจ้าของกำลังเป็นมะเร็งแล้วสามารถส่งสัญญานเตือนได้ ช่วยให้เจ้าของรอดชีวิตก็มีมาแล้ว เคยมีการศึกษาในเรื่องนี้แล้วพบว่า หมามีความสามารถพิเศษในการตรวจหามะเร็งปอดและมะเร็งเต้านมในมนุษย์ได้ คาดว่าหมาสามารถรับรู้ได้จากลมหายใจของเจ้าของที่มีกลิ่นเปลี่ยนไป

ในการทดสอบเรื่องนี้ ทางทีมวิจัยใช้หมา 5 ตัวเข้าทำการทดลองด้วยการให้ดมกลิ่นเพียงอย่างเดียว ผลที่ได้น่าอัศจรรย์มาก เมื่อหมาสามารถระบุตัวผู้ป่วยโรคมะเร็งปอด 55 คน และมะเร็งเต้านม 31 คน มีทั้งที่ป่วยในระยะแรกเริ่มและระยะรุนแรง จากผู้ป่วยที่หมาระบุตัวมาแล้วนั้น ทีมแพทย์ได้ทำการวินิฉัยต่อด้วยการตัดชิ้นส่วนเนื้อเยื่อผู้ป่วยไปตรวจสอบ ผลคือการระบุตัวจากหมาแล้วพบว่าป่วยเป็นมะเร็งปอดจริง 0.99% และเป็นมะเร็งเต้านมจริง 0.88%

ในการทดลองเรื่องนี้ ได้เคยมีการใช้หมาพันธุ์ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์ มาทำการทดสอบ พบว่าหมาสามารถระบุตัวผู้ป่วยเป็นเนื้องอกในลำไส้ด้วยการดมกลิ่นได้ถูกต้อง 0.91% แต่ถ้าให้สัมผัสลมหายใจผู้ป่วยด้วยก็จะถูกต้องมากขึ้นเป็น 0.99% ส่วนหมาที่ผ่านการฝึกด้านนี้เฉพาะทาง ก็จะได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำมากขึ้น หมาเหล่านี้จะใช้วิธีการดมกลิ่นอุจจาระ เพื่อวินิจฉัยผู้ป่วยมะเร็งในระยะเริ่มแรก ได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำถึง 0.97% – 0.99%

หมารับรู้ว่าเจ้าของกำลังตั้งท้อง

เคยมีเจ้าของหมาตั้งข้อสันนิษฐานกันมากมายว่าหมาน่าจะรับรู้ได้นะว่าเจ้าของกำลังตั้งท้อง บางตัวรู้ก่อนที่เจ้าตัวจะรู้เสียอีกว่าตัวเองกำลังมีน้อง ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะฮอร์โมนในร่างกายของหญิงที่กำลังตั้งครรภ์นี่ล่ะทำให้กลิ่นจากร่างกายเปลี่ยนไป พอเจ้าของมีกลิ่นเปลี่ยนไป ก็ทำให้เจ้าหมาเริ่มให้ความสนใจมากขึ้น สงสัย สับสน สอดรู้ เอ๊ะ! ทำไมเจ้านายกลิ่นเปลี่ยนไปนะ เพราะอะไร ถ้าท้องแรก ๆ หมาก็แค่สงสัย แต่ถ้าเจ้าของคนไหนลูกดก หมาจะเริ่มจำได้ล่ะว่าถ้าเจ้าของกลิ่นเปลี่ยนไปแล้วอีกหลายเดือนก็จะมีนายน้อยโผล่มาในบ้าน

ที่หมามีประสาทสัมผัสเรื่องกลิ่นไวมากขนาดนี้ก็เพราะประสาทสัมผัสเรื่องการรับรู้กลิ่นของหมานั้นจะมีอยู่ 2 กลุ่ม กลุ่มแรกจะไวต่อกลิ่นอาหารโดยเฉพาะ และอีกกลุ่มจะไวต่อฟีโรโมนจากร่างกายมนุษย์หรือสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ พอเจ้าของมีกลิ่นที่เปลี่ยนไป หมาจะรับรู้ได้ทันที

ปฏิกิริยาตอบสนองจากหมาที่มีต่อเจ้าของเวลาตั้งครรภ์นั้น แต่ละตัวก็แตกต่างกันไป แต่ที่พบส่วนใหญ่หมาเหล่านี้จะคอยปกป้องเอาใจใส่เจ้าของมากขึ้น ตื่นตระหนกมากขึ้น บางตัวก็จะติดเจ้าของแจชอบขึ้นมานั่งบนตัก ให้รับรู้กันไว้ว่าหมาจะสามารถรับรู้ถึงพฤติกรรมของเจ้าของได้มากกว่าที่เราคิด โดยสังเกตจากกิจวัตรของเราที่เปลี่่ยนไป ถ้าเจ้าของเข้านอนเร็วขึ้น ตื่นขึ้นมากลางดึก หรือมีการจัดบ้านเพื่อต้อนรับสมาชิกใหม่ในครอบครัว

ไม่เพียงแค่เรื่องกลิ่น หมายังมีประสาทหูที่เยี่ยมยอดมาก เหนือกว่ามนุษย์ถึง 20,000 เท่า เวลาที่เจ้าของตั้งครรภ์ หมาจะได้ยินแม้กระทั่งเสียงหัวใจของตัวอ่อนในครรภ์ที่กำลังเต้น หรือบางทีรับรู้ได้เวลาที่ทารกในครรภ์กำลังขยับตัว

ถ้าเรามีความสุข หมาก็รับรู้ได้เช่นกัน

ไม่ใช่แค่ว่าหมาจะรับรู้ได้แต่ความรู้สึกเชิงลบเท่านั้น ในขณะที่เจ้าของกำลังมีความสุข เจ้าหมาก็รับรู้ได้เช่นกัน ซึ่งไม่ใช่แค่สังเกตสีหน้าเจ้าของเพียงอย่างเดียว แต่หมากับรู้ได้จากกลิ่นอีกนั่นแหละ เพราะว่าเวลาที่มนุษย์เรามีความสุขนั้น ร่างกายเราจะขับสารแห่งความสุขออกมาเช่น ออกซิโทนิน, เซโรโทนิน และ โดพาไมน์ หมาก็จะได้กลิ่นและสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงนี้

มีกลุ่มนักวิจัยในเวียนนาที่พยายามศึกษาในเรื่องนี้ ได้ทำการทดสอบกับหมาหลายตัว แต่ทดสอบด้วยการให้หมาดูภาพใบหน้ามนุษย์ แล้วก็พบว่าหมาจะแยกแยะสีหน้ามนุษย์ได้ว่ากำลังโกรธ หรือกำลังมีความสุขอยู่ ผลการทดสอบนี้สามารถยืนยันได้เลยว่า “หมา” คือสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์แรกที่สามารถระบุความแตกต่างของอารมณ์จากสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์อื่นได้ นักวิจัยเพิ่มเติมอีกว่าจากการทดลองนั้นยังพบเรื่องน่าประทับใจอีกว่า หมาสามารถระบุอารมณ์ของมนุษย์ได้ทั้งคนที่มันรู้จักและคนแปลกหน้า ที่น่าทึ่งไปกว่านั้น ถ้าลองปิดหน้าครึ่งบนบ้าง ครึ่งล่างบ้าง หมาก็ยังสามารถระบุอารมณ์ของมนุษย์ได้อีกด้วย ทั้งนี้นักวิจัยอาศัยการสังเกตปฏิกิริยาตอบโต้ของหมาในเชิงบวกและในเชิงลบ ปฏิกิริยาตอบรับเหล่านี้สามารถพบได้ทั้งในหมาที่ผ่านการฝึกและไม่เคยผ่านการฝึก จึงสามารถสรุปได้ว่าความสามารถนี้เป็นสัญชาตญาณที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติของหมา

หมารับรู้ได้เวลาเจ้าของกำลังเครียด

เวลาที่เราเครียดหรือหดหู่ หมาจะเข้ามาใกล้ ๆ เหมือนว่าพยายามจะให้กำลังใจเจ้าของ หมาแค่รับรู้ว่าอารมณ์เจ้าของอยู่ในสภาวะที่ไม่ปกติ เปลี่ยนไปจากเดิม แต่เค้าไม่รู้หรอกว่าอารมณ์เหล่านั้นคือะไรหรือเกิดจากอะไร เค้าแค่อยากจะช่วยเราตามวิธีของเค้าเท่านั้น แต่ในทางตรงกันข้าม ถ้าเจ้าของกำลังทะเลาะกัน เจ้าหมาจะรีบหนีไปให้ห่างเพราะไม่อยากมีส่วนร่วมในเหตุวิวาทนั้น

เวลาที่เราเครียด ร่างกายก็จะปล่อยฮอร์โมนออกมาเช่นกัน ฮอร์โมนเหล่านี้คือ อะดรีนาลีน และ คอร์ติซอล ซึ่งเมื่อฮอร์โมนเหล่านี้หลั่งไหลเพิ่มปริมาณมากขึ้น หมาก็จะได้กลิ่นทันที บางทีหมารับรู้ถึงอารมณ์เหล่านี้ได้ก่อนที่เจ้าของจะรู้ตัวเองเสียอีก หมาบางตัวพอรับรู้ได้ถึงการมาถึงของอารมณ์เหล่านี้ ก็จะพยายามช่วยเหลือเจ้าของให้อารมณ์ดีขึ้นเพื่อระงับการเกิดอารมณ์เช่นนี้ ถึงได้มีหลากหลายข้อยืนยันได้ว่า การเลี้ยงหมาจะช่วยทำให้เจ้าของอารมณ์ดีได้ ลดความตึงเครียดได้ ก็เพราะหมารับรู้ได้ถึงสภาวะอารมณ์เช่นนี้และพยายามชักชวนให้เจ้าของทำนู่นนี่เพื่อลดความตึงเครียด บางตัวก็แสดงท่าทางชวนให้เจ้าของจูงไปเดินเล่นนอกบ้านเพื่อเป็นการผ่อนคลาย

ก็เพราะหมามีประสาทสัมผัสที่ดีต่ออารมณ์ของมนุษย์ หมาจึงนิยมใช้เป็นแนวทางหนึ่งในการรักษาคนที่เป็นโรคภาวะป่วยทางจิตจากเหตุการณ์รุนแรง (Post-Traumatic Stress Disorder) หมาที่ช่วยรักษาอาการนี้ไม่ต้องผ่านการฝึกที่เข้มงวดเหมือนหมาตำรวจ หมาทหาร แต่ต้องผ่านการฝึกเฉพาะทางเพราะต้องอยู่กับเจ้าของที่มีอาการป่วยทางจิต

ทุกวันนี้มีการใช้หมาบำบัดกันมากขึ้นทั้งในโรงเรียน โรงพยาบาล สถานพยาบาลผู้สูงอายุ หมาพวกนี้ผ่านการฝึกเพื่อรู้วิธีเอาใจมนุษย์ที่กำลังอยู่ในสภาวะตึงเครียด วิตกกังวล หงุดหงิด หมาบำบัดจะมีคุณสมบัติเฉพาะในเรื่องความเป็นมิตร เข้ากับคนแปลกหน้าได้ดี และสามารถนั่งอยู่กับที่ใดที่หนึ่งได้เป็นเวลานาน ๆ มีมารยาทดี มีสมาธิดี

ในประเทศฝรั่งเศสมีการฝึกหมาพันธุ์โรดีเชียน ริดจ์แบ็ค ให้ตรวจหาระดับคอร์ติซอลในเด็กนักเรียนที่เป็นโรคออทิซึม เพราะนักเรียนกลุ่มนี้มีเกณฑ์ว่าจะมีระดับคอร์ติซอลสูงกว่าปกติ ในทุกเช้าของแต่ละวันคุณครูจะให้เด็กนักเรียนเดินแถวผ่านหน้าหมา ถ้าเด็กไหนมีระดับคอร์ติซอลสูง เจ้าหมาก็จะส่งสัญญาณบอกคุณครูด้วยการจ้องไปที่เด็กคนนั้นโดยเฉพาะ วิธีการนี้จะช่วยเหลือเด็กนักเรียนได้ดี คุณครูจะเข้าประกบตัวเด็กเพื่อนำไปเยียวยาก่อนที่อาการจะรุนแรงในภายหลัง

แล้วหมาพันธุ์ไหนล่ะที่เหมาะกับเราที่สุด

ในทุกวันนี้หมาถูกมนุษย์นำมาใช้ในงานหลายประเภท ที่เราเห็นกันหลัก ๆ เลยก็คือ หมาสำหรับดูแลผู้ป่วย (assistance dogs) หมาตำรวจ/ทหาร (Service dog) ที่จริงแล้วหมาทุกสายพันธุ์ก็สามารถนำมาฝึกเป็นหมาดูแลผู้ป่วยได้ แต่บางพันธุ์ก็มีคุณสมบัติเหมาะสมมากกว่าพันธุ์อื่น หมาดูแลผู้ป่วยควรจะมีขนาดตัวที่ใหญ่ มีความแข็งแรงมาก และถึกทนสูง เพราะบางกรณีหมาดูแลผู้ป่วยจะต้องแบกน้ำหนักสัมภาระไปกับตัวด้วย บางครั้งก็ต้องเดินเท้าระยะทางไกล ๆ ได้ และมีความอดทนในการนั่งรอครั้งละนาน ๆ

ส่วนหมาตำรวจ/ทหารนั้นจะต้องมีสติปัญญาที่ดี อารมณ์ดี และแข็งแรง ส่วนใหญ่จะใช้หมาพันธุ์ โกลเดน รีทรีฟเวอร์, ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์ และ เยอรมัน เชปเพิร์ด

ส่วนสายพันธุ์หมาที่เหมาะจะเลี้ยงเป็นเพื่อนเพื่อช่วยบรรเทาความหดหู่ตึงเครียดได้ดีนั้น ก็มีพันธุ์ที่ทำหน้าที่เหล่านี้ได้ดีเป็นพิเศษอย่างเช่น เฟรนช์ บูลด็อก, คิง ชาร์ล สเปเนียล, พัก สายพันธุ์เหล่านี้จะกระตืนรือร้นเป็นพิเศษ สามารถฝึกได้ง่าย และรักเจ้าของมาก

ส่วนเรื่องความสามารถในการดมกลิ่นนั้น อย่างที่เราเข้าใจว่าหมาทุกตัว ทุกสายพันธุ์ก็มีความสามารถในการดมกลิ่นเหมือนกันหมด นั่นก็ใช่ แต่ไม่ได้หมายความว่าหมาทุกตัวจะสนใจในกิจกรรมนี้ หมาที่ฝึกในเรื่องการดมกลิ่นได้ดี และนำมาใช้ในการดมหาผู้ป่วยมะเร็งนั้นก็มี ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์ และ โปรตุเกส วอเทอร์ ด็อก ส่วนพันธุ์ เยอรมัน เชปเพิร์ด และ ลาบราดอร์ นั้นใช้ตรวจหาอาการป่วยอื่น ๆ ในคนไข้

จากที่บอกชื่อพันธุ์ต่าง ๆ มาข้างต้น ก็ไม่ได้หมายความว่าไอ้ตัวที่อยู่กับเราที่บ้าน จะด้อยความสามารถกว่า หรือจะพิเศษน้อยกว่าพันธุ์นั้นพันธุ์นี้เสียเมื่อไหร่ ตราบใดที่เราไปเซเว่นแค่ 15 นาที แล้วพอกลับมาบ้าน เจ้าพวกนี้ก็ดีใจเหมือนเราหายจากบ้านไปสัก 7 วัน แค่นั้นก็เพียงพอจะพิสูจน์แล้วว่า เค้านั้นรักเราโดยไม่มีเงื่อนไขจริง ๆ

อ้างอิง