เมื่อดาวกลุ่มเล็ก ๆ อันสุกปลั่งสดใสทั้ง 6 ดวงได้โคจรมาบรรจบกันเป็นกลุ่มก้อนกลายเป็นกลุ่มดาวพิณ ก็ก่อเกิดเป็นผลลัพธ์กลุ่มเกิร์ลกรุ๊ปสไตล์ T-Pop ในนาม “LYRA” รวมถึงบทเพลงแห่งความเชื่อมั่นอย่าง “LYRA” และ “Vanilla” 

กับเมมเบอร์ผู้เป็นดั่งตัวแทนแห่งดวงดาวทั้ง 5 ดวง คือ ปัญ-ปัญสิกรณ์ ติยะกร, เจนนิษฐ์ โอ่ประเสริฐ, ฟ้อนด์-ณัฐทิชา จันทรวารีเลขา, นิว-ชัญญาภัค นุ่มประสพ และ นิกี้-วรินท์รัตน์ ยลประสงค์ ก็พร้อมแล้วสำหรับย่างก้าวใหม่ ภายหลังจากช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงเหล่านั้น…


โดยเริ่มต้นวงโคจรรอบใหม่นี้ด้วย… “ต๊ะต่อนยอน…Hurry Up!” ที่ได้ดาวนอกกลุ่มอย่าง “Sunnee-เกวลิน บุญศรัทธา” นักร้องไทยที่โด่งดังในประเทศจีนมาร่วมงาน

การเดินทางครั้งใหม่ครั้งนี้มีที่มาอย่างไร….และจะเป็นเช่นไรต่อไป…เมมเบอร์สาวแห่งดวงดาวทั้ง 5 พร้อมให้คำตอบอยู่แล้ว

Part I

ในช่วงต้นปีเพจ BNK48 จะให้เมมเบอร์ระบุ 2021 Goal ของตัวเองตอนนั้นปัญบอกว่าขอให้ LYRA เจอเส้นทางที่ใช่และขอให้เราทำมันออกได้ดีตอนนี้มาถึงซิงเกิล 3 แล้วมันตอบโจทย์ในสิ่งที่ปัญตั้งเป้าเอาไว้แล้วหรือยัง

จวบเมื่อเวลาผ่านมาเกือบครบรอบการโคจร 1 ปี “LYRA'” จึงได้คลี่คลายกลายมาเป็น “VYRA”

ปัญ : หนูก็คิดว่ามันเดินทางมาในทิศทางที่ถูกต้อง แต่ว่าถามว่ามันเจอคำตอบหรือว่ามันใช่หรือยัง ก็อาจจะยังไม่ใช่ เพราะว่าเราเพิ่งมาแค่ 3 เพลงเอง แต่หนูว่าที่เราเดินมาก็เป็นทุกก้าวที่เดินอย่างระมัดระวังและมั่นใจ ซึ่งหนูก็รู้สึกว่า เราก็คิดมากันอย่างดีแล้วนะคะ ทั้งทางตัวเมมเบอร์แล้วก็ทางผู้ใหญ่ มันอาจจะไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่ว่ามันก็เป็นเส้นทางที่เราก็พร้อมที่จะเดินไป แต่ 2021 Goal ที่ตั้งก็ด้วยความหวังว่าจะเจอ

เจนนิษฐ์ : พูดเผื่อไว้

ปัญ : ใช่ เผื่อว่าเราจะเจอเส้นทางที่มัน สิ่งที่ใช่กับวงเรา และเป็นจุดที่ Members สบายใจและทุก ๆ อย่างด้วย

คิดยังไงกับความเปลี่ยนแปลงของซิงเกิลนี้

ปัญ : จริง ๆ พวกเราก็สบายใจมาตั้งแต่ตอนที่เกิดความเปลี่ยนแปลงแล้วนะคะ แต่ซิงเกิ้ลนี้เกิดขึ้นในตอนที่อะไรหลาย ๆ อย่างเข้ารูปเข้ารอยมากยิ่งขึ้น เพราะย้อนไปตอนแรกเลย เราเริ่มจากที่ไม่เคยทำงานกับคนอื่นเลย เนื่องจากเราอยู่ BNK48 มาตลอด ก็อาจจะไปร่วมกับกองอื่นนู้นนี่นั่นบ้าง แต่ว่าเรื่องของการทำเพลงเนี่ย ส่วนมากเราก็จะทำแค่กับครูเอ๊ะ (พงศ์จักร พิษฐานพร) ครูแมน (ตนุภพ โนทยานนท์) แต่อันนี้พอเราออกมาด้านนอก มีระบบการทำงานที่เปลี่ยนไปจาก 48Group เราก็ต้องมีการปรับตัวที่มากยิ่งขึ้น ใน Single แรก เนื่องจากเราทำพร้อมกัน และยังเป็นช่วงปรับตัว เลยยังไม่ได้คุ้นชินกับการทำงานแบบนี้ หรือว่าอาจจะยังไม่แน่ชัดมากว่าภาพมันเป็นยังไง
เจนนิษฐ์ : หรือเราเป็นยังไง
ปัญ : จนกระทั่งปล่อยเพลงออกไปแล้วได้มีออกเดินสาย ได้มีนู่นนี่นั่น ได้พูดถึง พอมีคนถามถึงเรื่องวงเป็นยังไง จึงได้เห็นภาพอะไรที่ชัดเจนขึ้น ทำให้เราได้คำตอบกับตัวเองมากขึ้นเรื่อย ๆ กลับมาที่คำถามว่า “ต๊ะต่อนยอน…Hurry Up!” ใช่คำตอบที่ถูกต้อง 100% ตอนนี้ไหม หรือคำตอบที่ครบสมบูรณ์ หรือข้อมูลแบบ100% ที่ตอบคำถามได้ว่า นี่แหละคือสิ่ง ๆ นั้น และก็อาจจะยังไม่ใช่ เพราะว่ามันก็ยังต้องเดินต่อไปเรื่อย ๆ แล้วอีกอย่างหนึ่งหนูก็คิดว่า หนูยังไม่อยากให้เจอคำตอบในเร็ว ๆ นี้ หนูก็อยากให้มันค่อย ๆ เดินต่อไปเรื่อย ๆ

งั้นจุดเริ่มต้นของ “ต๊ะต่อนยอน…Hurry Up!” เริ่มต้นจริงๆเมื่อไหร่ครับ

ปัญ : เนื่องจาก Covid-19 ด้วยหรืออะไรต่าง ๆ ก็พวกเราก็มีคุยกันว่าเมื่อไหร่จะมีเรียกคุยกันอีกนะ มาอีกทีก็น่าจะช่วงปลายปีมั้งคะหรือต้นปี เป็นช่วงที่สถานการณ์เริ่มดีขึ้น ก็มีประชุมทั้งเรื่อง LYRA Galaxy ด้วย ทั้งเรื่องเปลี่ยนแปลงเมมเบอร์ด้วย หรือว่าเรื่องเพลงนี้ด้วย เรื่องพี่ซันนี่ หรือว่าเพลง “เมโลดี้..ที่คิดถึง” ก็มีการประชุม มีการคุยกันตลอด เหมือนพวกเรื่องเพลงก็จะอุบเป็นความลับนิดนึง แล้วก็จะได้มารู้กันในห้องนี้ (ห้องที่สัมภาษณ์) แต่ก็จะได้ยินแว่ว ๆ ว่าเพลงชื่อ “ต๊ะต่อนยอน” นะ แต่ยังไม่ได้ฟังเพลง และก็มาได้ฟังอีกทีคือในห้องนี้เลยคือเปิดเพลงให้ฟัง และทุกคนก็ชอบเพลงนี้ไม่ได้มีใครไม่ชอบ ก็เลยตกลงว่าเป็นเพลงนี้

ตอนที่ได้ยินว่าเพลงชื่อ “ต๊ะต่อนยอน” คิดว่ามันจะเป็น “โดดดิด่ง 2” ไหม

เจนนิษฐ์ : ไม่เลยค่ะ “โดดดิด่ง” คือเป็นลูกทุ่งเลยแต่ของ ต๊ะต่อนยอน น่าจะเอามาผสม ๆ มากกว่า ก็เลยไม่ได้รู้สึกว่ามันจะซ้ำกัน


ครั้งแรกที่ได้ฟังรู้สึกอย่างไรกันบ้าง

นิกี้ : คือตอนแรกหนูยังไม่ได้ฟังยังไม่ได้ดูรายละเอียดอะไรมาก แต่ว่าก็ปัดเนื้อเพลงทิ้งไปก่อน ดู Feeling ของเพลงก่อน พอฟังก็รู้สึกสนุกดี เป็นเพลงที่น่าค้นหาน่าติดตาม พอมาฟังรอบที่ 2 ก็เริ่มเจาะลึกแบบวิเคราะห์นู้นนี่ว่าเพลงนี้มันเป็นยังไง เราร้องยังไง ก็เป็นเพลงที่สนุกดี

ฟ้อนด์ : ครั้งแรกที่ฟังหนูอ่ะคือ ไม่ได้รู้สึกอะไรเลย เพราะหนูรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ฟังเพลงใหม่อ่ะค่ะ มันก็เลยเหมือนต้องฟังหลาย ๆ รอบ พอฟังไปเรื่อย ๆ รู้สึกว่ามันเป็นเพลงที่มันต้องฟังหลาย ๆ รอบ มันหยุดฟังไม่ค่อยได้ ซึ่งตอนนี้ถามว่าเพลงปล่อยออกมาแล้ว หนูก็ฟังหลายรอบอยู่ค่ะน่าจ่ะเกิน 10รอบด้วยซ้ำ

นิกี้ : ไม่ได้ฟังเองนะ แม่เปิด

ฟ้อนด์ : ใช่ ๆ แม่เปิดเหมือนกัน 

ปัญ : เพื่อน ๆ ในวง BNK48 ก็บอกว่าชอบมาก ติดหูมาก เวลาเราไปงาน โมบายก็เปิดเพลง “ต๊ะต่อนยอน” คือเขาชอบมาก หรือว่าเพื่อนคนอื่นๆ มี Feedback กับเพลงนี้ค่อนข้างดี

ฟ้อนด์ : หนูรู้สึกว่ามันร้องตามง่าย จำเนื้อง่าย

นิกี้ : ด้วยความที่มันเป็นเมโลดี้แบบ “ค้างคาวกินกล้วย” มันเลยทำให้รู้สึกแบบว่าน่จะติดหู

นิว : สำหรับหนู หนูรู้สึกว่า มันค่อนข้างที่จะสนุกมากกว่า เพราะว่าเพลงนี้ฟังครั้งแรกรู้สึกว่ามันสนุกมากกว่ากว่า คราวนี้พอแบ่งท่อนอะไรเสร็จแล้ว ก็ไปเรียนร้องกัน ฟีลส่วนใหญ่ก็รู้สึกสนุกมากกว่า ถ้าถามว่ายากไหม หนูว่ามันหนักไปเรื่องของ Feeling มากกว่าเพราะอยากให้คนฟังสนุกตามไปกับเราด้วย

ช่วยเล่าถึงการทำงานกับโปรดิวเซอร์ทั้ง 2 ทีมของ 2 ซิงเกิลแรกกับซิงเกิลล่าสุดหน่อยสิ  

ฟ้อนด์ : ไม่มีใครดุเลยค่ะ ทั้งคู่เลย (ยิ้ม) หนูรู้สึกดีใจมากที่ได้ทำงานกับศิลปินที่เราปลื้ม แม่หนูก็ปลื้ม หนูรู้สึกว่าดีใจที่ได้ทำงานด้วยกัน เพราะว่าอย่างที่พี่เจนนิษฐ์เคยพูดว่าการทำงานกับพวกเขาได้สร้างแรงบันดาลใจหลาย ๆ อย่าง เวลาทำงานกับพี่เจ (มณฑล จิรา โปรดิวเซอร์ “LYRA” , “Vanilla”) ก็จะ Inspire จากสิ่งที่เขาพูด ส่วนทำงานกับพี่กอล์ฟ (ณัฐวุฒิ ศรีหมอก) เราก็รู้สึกอยากจะเป็นแรปเปอร์ขึ้นมาอ่ะค่ะ (หัวเราะ) โดยรวมก็คือรู้สึกว่าได้อะไรดี ๆ จากคนที่เขาเก่งมาก ๆ และมีประสบการณ์ค่ะ

นิว : หนูว่าการทำงานกับทั้งสองทีม มันค่อนข้างที่จะมีความแตกต่าง แต่ว่ามันก็จะมีความสนุกในแบบของมัน ในของแต่ละทีม อย่างของทีมพี่กอล์ฟ ตอนที่เราเข้าไปอัดเพลง หนูรู้สึกว่ามันสนุกมันมันส์มาก แต่ว่าของพี่เจก็จะเป็นอีกฟีลนึง แต่ก็สนุกเหมือนกันค่ะ

แล้วกับการทำงานกับ Sunnee ล่ะเป็นอย่างไรบ้าง

ปัญ : จริง ๆ ตอนแรกจะได้ร่วมงานกับพี่ซันนี่ตั้งแต่ตอนเพลง “Vanilla” แล้ว แต่ว่าเนื่องด้วยสถานการณ์อะไรต่าง ๆ ทำให้ถูกเลื่อนออกมา พี่ซันนี่ก็เลยได้มาร่วมงานกันในเพลงนี้ ซึ่งหนูว่ามันลงตัวกว่าการไปร่วมงานกันในเพลง “Vanilla” พี่ซันนี่ก็เป็นคนที่พวกเราและผู้ใหญ่ก็มองไว้อยู่แล้วว่า จะเป็นคนที่อยากให้เราร่วมงานด้วย เพราะว่าความเข้ากันได้ในเรื่องต่าง ๆ รวมถึงเรื่องการขยายฐานแฟนในประเทศจีน หรือทางพี่ซันนี่ก็ได้ขยายฐานมาในประเทศไทยด้วย

เจนนิษฐ์ : พี่ซันนี่ก็อัดเสียงมาจากจีนค่ะ 

ปัญ : MV ก็ถ่ายจากจีนส่งมา

นิกี้ : แต่ก็ดูเข้ากันดี 


พอได้ฟังเพลย์แบ็กที่เป็นเวอร์ชันเดียวกับที่ออกมาแล้วรู้สึกอย่างไรบ้าง
เจนนิษฐ์ : ครั้งแรกที่ฟังมันเป็น Demo ก็จะมาแบบเท่ ๆ ทั้งเพลง แต่พอมันเป็นเสียงของเราที่เป็นเสียงของใครของมันแล้วมันรู้สึกมันเข้ากว่าด้วยรู้สึกว่ามี Dynamic มากขึ้น รู้สึกว่าชอบเวอร์ชั่นนี้

นิกี้ : หนูก็รู้สึกคล้ายพี่เจนนิษฐ์เลย มันดูมี Dynamic แบบดูเป็นเพลงของเรา

น่าสนใจที่ทั้งเจนนิษฐ์และนิกกี้พูดถึงประเด็นเรื่องเสียงของเราหรือเพลงของเรางั้นขอถามต่อไปอีกว่าถึงตอนนี้แล้วเสียงหรือเพลงที่เป็น VYRA ในมุมของเจนนิษฐ์นี่เป็นยังไง

เจนนิษฐ์ : ถ้าเป็น ณ ตอนนี้ หนูรู้สึกว่ามันเริ่มมีคนมองเราเป็นกลุ่มที่เรียกว่าT-Pop มากยิ่งขึ้น แล้วก็เขาเริ่ม และเขาน่าจะเห็นความแตกต่างของเรากับพาร์ตตอนที่เป็น BNK48 ว่าตั้งแต่แรกแล้ว และเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งสำหรับหนูนะคะหนูรู้สึกว่าน่าจะเป็นเพลงหรือสไตล์ที่ต่างออกไป เหมือนฉีกออกมามากขึ้นเรื่อย ๆ แล้วก็น่าจะเป็นวงที่เขามองว่ามันค่อย ๆ ลงตัวแล้ว อย่างที่ผ่านมามีการเปลี่ยนเมมเบอร์จาก 6 คนเป็น 5 คน ขณะเดียวกันก็มีเปลี่ยนสไตล์เพลง ค่อย ๆ เป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น

ขอขยับออกมาพูดถึงงานต๊ะต่อนยอน…Hurry Up! Feat. Sunnee MV Premiere Event with VYRA” บ้างถ้าพูดถึงงานนั้นภาพแรกที่แว้บขึ้นมาในหัวคือภาพไหน

ฟ้อนด์ : ภาพแรกเลยก็คือภาพเรา 5 คนยืนอยู่บนเวที พอจบจากงานหนูก็กลับไปเช็ก Feedback ใน Social ส่วนใหญ่ก็จะเห็นภาพนั้น

นิวเยียร์ล่ะ

Vyra : (พร้อมกัน) นิวเยียร์…ไม่ได้ยินชื่อนี้มานาน

นิว : อุ๊ย ภูมิใจจังมีคนเรียกนิวเยียร์ด้วย (ยิ้มกว้าง) ภาพแรกเหรอคะ ภาพแรกของหนูคือภาพนั่งรถกอล์ฟเข้ามาในงาน นอกจากนั้นส่วนใหญ่ก็จะเป็นภาพแฟน ๆ ที่มาในงานมากกว่า

ปัญ : (นิ่งคิด) เป็นป้ายไฟข้างหลังแล้วกันค่ะ เพราะว่าเป็นครั้งแรกที่แฟนคลับเห็นเราในนาม VYLA และก็เป็นครั้งแรกที่ได้กลับมาเจอกันกับแฟนคลับในครั้งแรกของทุก ๆ งานเลย เนื่องจากตลอดเวลาที่มี COVID-19 ก็ไม่ได้เจอแฟนคลับเลย งานนั้นก็น่าจะเป็นงานแรกเลยที่ได้เจอตัวเป็น ๆ อีกครั้งนึงค่ะ ซึ่งแฟนคลับไปเตรียมทำป้ายไฟอยู่ข้างหลังตัวใหญ่มาก “V-Y-R-A” ข้างหลัง เลยน่าจะเป็นภาพที่อยู่บนเวทีแล้วเห็นชัดที่สุด  

นิกี้ : ของหนูเหมือนของพี่ปัญเลยค่ะ คืออย่างแรกที่นึกออกก็คือป้ายไฟ เพราะว่าน่าจะเห็นชัดที่สุดด้วยแค่มองจากทางเวที เพราะว่ามันคือตัว “V-Y-R-A” เพราะว่าแฟนคลับตั้งใจทำขึ้นมา

ปัญ : อย่างตอนงานเปิดตัว LYRA ครั้งแรกสุดเลยเนี่ย ก็มีป้ายไฟเหมือนกันค่ะ ซึ่งตอนนี้พอเปลี่ยนชื่อก็มีการทำขึ้นมาใหม่

ฟ้อนด์ : ของหนูก็มีภาพนั้นขึ้นมาด้วยนะคะ ลืมบอก เห็นป้ายไฟด้วยค่ะ
เจนนิษฐ์ : สำหรับหนู ความที่เราไม่ได้มีคอนเสิร์ตหรืออีเวนต์มานานแล้ว ภาพแรกเลยจึงน่าจะเป็นภาพแฟนคลับมาดูนั่นแหละค่ะ ก่อนหน้านี้จะไม่มีเลย ส่วนใหญ่จะเป็นงานถ่ายหรือว่าไลฟ์หมดเลยเหมือนเป็นภาพ Reunion ได้กลับมามีอีเวนต์ที่ได้แสดงบนเวทีแล้วก็มีแฟนคลับอีกครั้งนึงค่ะ  


ไหนๆก็พูดถึงเรื่องอีเวนต์แล้วอยากให้พูดถึง “LYRA Galaxy Experience” โปรเจกต์ส่งท้ายในชื่อ LYRA หน่อยครับ

ฟ้อนด์ : จริง ๆ แล้วงาน “LYRA Galaxy Experience” เนี่ยเราดำเนินโปรเจกต์นี้กันมานานมาก ๆ แล้ว มีการระดมความคิดกันนานมาก ๆ เลยค่ะ ตั้งแต่ในห้องนี้เหมือนกันค่ะ พี่เขาก็มาเสนอ Idea Concept แล้วก็ให้การบ้านเรามาว่า ให้ไปดีไซน์ห้องของแต่ละคนมาค่ะ แล้วก็ทำการบ้านส่ง ซึ่งก็ดำเนินการมานานมาก ๆ แล้วพอเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาก็ได้ไปดูจริง ๆ รู้สึกว่าชอบ ตรงConcept เลย แล้วโดยส่วนตัว หนูเนี่ยอยากที่จะเข้าไปถ่ายรูปในนิทรรศการมานานแล้ว และครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่หนูได้มาเข้างานอะไรแบบนี้ แล้วงานนี้ยิ่งเป็นงานที่เราเป็นคนดีไซน์แล้วยิ่งแบบรู้สึกภูมิใจมาก ๆ เลยค่ะ แล้วก็ชื่นชมทุก ๆ คน ที่ช่วยกันทำค่ะ เพราะมันนานมาก ๆ ค่ะกว่าจะออกมาเป็นงาน LYRA Galaxy Experience อย่างที่ได้เห็นกัน

นิว : หนูเองก็รู้สึกโอเคมากเลยค่ะกับงานที่ออกมา เพราะอย่างที่บอกคือเตรียมการมานานมาก แล้วพอเข้าไปเห็นของจริง แล้วอยากจะให้แฟน ๆ ได้เข้ามาเร็ว แล้วก็อยากจะให้แฟน ๆ ได้เห็นว่าพวกเนี่ยตั้งใจและอยากจะ Representให้แฟน ๆ ได้เห็น

เจนนิษฐ์ : หนูชอบ ๆ

ฟ้อนด์ : หนูจะบอกว่าหนูเห็นแล้วหนูก็เปิดให้พี่เจนนิษฐ์ดูด้วย มันจะมีรูปที่พี่เจนนิษฐ์นอนบนไฟที่พื้น แล้วแฟนคลับก็ Cover เหมือนเป๊ะ หนูประทับใจมากเลยเพราะวันนี้หนูก็เข้าไปส่องแท็กค่ะ (#LYRAGalaxyExperience) คือหนูอยากเห็น หนูชอบดูเวลาใคร Coverเป็นเรา แล้วหนูก็เข้าไปดูแฟนคลับหมดทุกคนเลย 

ปัญ : แฟนคลับเราส่วนใหญ่อาจจะเป็นสายกล้องอยู่แล้ว ทำให้รูปที่ออกมามันสวยมากเลยค่ะ อาจจะเพราะว่าเขารู้วิธีการปรับหรือการดึงจุดเด่นของห้องแต่ละห้องของคนแต่ละคนออกมาได้

นิกี้ : เรานี่แหละต้องไปถ่ายตามเขา

Part II

เอาล่ะเรามาเข้าโหมดซีเรียสกันบ้าง

VYRA : เมื่อกี้ก็ซีเรียสแล้วนะคะ (หัวเราะ)

สิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นมาตลอดนับจาก LYRA มาสู่ VYRA คือความเปลี่ยนแปลงคิดว่าสิ่งที่เราได้เรียนรู้มากที่สุดจากความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นคืออะไร  

นิกี้ : หนูมีความรู้สึกว่ามันก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมากมายขนาดนั้นนะคะ แต่พอมีสมาชิกหายไปคนนึงก็คือหายไป LYRA ก็คือ VYRA นี่แหละค่ะ ไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิมมากเท่าไหร่ เป้าหมายก็ยังคงเหมือนเดิม 

ปัญ :  สิ่งที่หนูได้เรียนรู้มากที่สุดก็คือ เรื่องของความรู้สึกของเมมเบอร์เป็นเรื่องสำคัญที่สุด ถ้าเราแฮปปี้งานก็จะออกมาแฮปปี้ด้วย

ฟ้อนด์ : สำหรับหนูก็เรียนรู้ได้ว่าควรจะยอมรับกับสิ่งที่เปลี่ยนแปลง แล้วก็ใช้ชีวิตและปฏิบัติหน้าที่ของเราต่อไปให้ดีที่สุด หนูก็ได้อะไรจากตรงนี้ แทนที่เราจะมานั่งเสียใจ เหมือนให้ไปมองข้อดีของการเปลี่ยนแปลงมากกว่า แล้วเราก็ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดแค่นั้นก็พอแล้ว

นิว : สำหรับหนูมันก็เป็นเรื่องที่ยากสำหรับการมาทำตรงนี้ แต่มันก็เป็นสิ่งที่หนูอยากจะเป็นอยู่แล้ว ก็อยากจะลองดูในเมื่อเราได้รับโอกาสตรงนี้มาแล้วก็ต้องลอง เรารู้ว่าต้องเจออะไรบ้างถ้าเราเข้ามาเป็นตรงนี้ ถ้าถามว่ายากไหมก็ยากค่ะ ก็ได้รับความกดดัน แต่ก็ได้รู้ว่าการได้รับการกดดันมันเป็นอะไรที่ดี แล้วก็อยากจะทำให้มันได้ สำหรับหนูนะ เพราะว่าถ้าเราอยากเป็นตรงนี้ เราก็ต้อง Active ตัวเองให้มากขึ้น

ซึ่งก็ตรงกับคอนเซ็ปต์ไอดอลที่ว่าไม่ได้เน้นความเก่งมาตั้งแต่วันแรกแต่เน้นเรื่องความพยายามและพัฒนาการขณะที่ VYRA คนภายนอกกลับมองเหมือนศิลปิน K-Pop ที่ต้องค่อนข้างมีความแกร่งในทุกๆด้านกว่าที่จะเดบิวต์เป็นศิลปินได้

นิกี้ : หนูมองว่าไม่ว่าใครจะมองยังไงมันก็ไม่ใช่เรื่องผิด ไม่ว่าคุณจะมองว่าไอดอลอาจจะไม่ต้องเก่งมาตั้งแต่วันแรก หรือจะมองว่าศิลปินก็ไม่ต้องเก่งมาตั้งแต่วันแรกก็ได้เหมือนกันค่ะ เราจะมองยังไงก็ได้ ส่วนตัวศิลปินจะเก่งหรือไม่เก่งก็แล้วแต่คุณเลย แล้วแต่เขาจะมองค่ะ หนูว่ามันไม่ผิด

ยากไหมครับนิกกี้กับสวมหมวกทั้ง 2 ใบนี้

นิกี้: สำหรับหนูไม่ยากค่ะ เพราะเราก็ไม่ได้มี 2 คนอยู่แล้ว เราคือคน ๆ เดียวที่ทำงานอยู่ระหว่าง 2 ฝ่าย ระหว่าง BNK48 และ VYRA ซึ่งเราก็ต้องแบ่งเวลาให้ได้ ก็แค่นั้น แต่บางคนก็ชอบพูดนะ ‘เฮ้ย! นิกกี้ร่างนี้นิกกี้ BNK48 ร่างนี้นิกกี้ VYRA’’ ซึ่งหนูมองว่ามันเป็นสไตล์มากกว่า BNK48 ก็มีอีกสไตล์นึง VYRA ก็มีอีกสไตล์นึง แต่สุดท้ายมันก็คือคน ๆ เดียว หนูก็ยังเป็นหนู ไม่ได้มีความยากง่ายอะไรเพิ่มเข้ามา

แล้วในแง่ประสบการณ์ที่ได้เยอะที่สุดจากการเป็น VYRA คิดว่าเป็นมุมไหน  

เจนนิษฐ์ : สำหรับหนูคิดว่าได้ทาง Physical นะคะ เพราะตั้งแต่เข้าบ้าน LYRA ก็ต้องซ้อมอย่างหนักหน่วง คือก็เลยได้ร้องเพลงเยอะขึ้น เต้นเยอะขึ้นมาก ๆ เลย เกินขีดจำกัดความปกติไปเยอะมาก หลาย ๆ คนก็ชมนะหลังจากซ้อม LYRA เสร็จแล้ว กลับไปเต้นเธียร์เตอร์แล้วแข็งแรงขึ้น แล้วก็ทำให้ร้องไปด้วยเต้นไปด้วยเหนื่อยน้อยลง

มอง 1 เดือนที่อยู่บ้าน LYRA ตรงนั้นอย่างไรบ้าง   

เจนนิษฐ์ : เหนื่อยค่ะ เพราะว่าตื่นเช้าทุกวันเลย

ไม่โรแมนติกเลย

เจนนิษฐ์ : ไม่โรแมนติกค่ะ เพราะมันเป็นช่วงเวลาที่ทรหดอย่างนึง

นิกี้ : ตื่น 7-8 โมงทุกวัน

เจนนิษฐ์ : เหมือนเขาตั้ง Routine ให้เราทุกวัน เป็น Mission ให้ 1 เดือนต้องสำเร็จ แต่ผ่านไปได้ก็สบายแล้วค่ะ

ปัญ : หนูไม่ได้มอง 1 เดือนนั้นเป็นก็เชิงแบบว่าเป็น 1 เดือนแห่งการเทรนซะทีเดียว แต่มันจะเหมือนเรื่องกึ่ง ๆ ถ่ายทำด้วย คือเราใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันจริง ๆ ที่ทุกคนเห็นก็คือเรื่องจริง แต่มันก็จะมีการถ่ายทำด้วย เหมือนกับเราต้องเหนื่อย 2 เท่า เพราะว่าซ้อมเราก็ต้องซ้อม แต่ก็มีถ่ายด้วย แทนที่เวลาที่เราซ้อมเสร็จจะได้พัก ก็มีถ่ายทำต่อว่าความรู้สึกวันนี้เป็นอย่างไร หรือว่าต้องเล่นเกมส์เพื่อสร้างความ Entertainให้กับ Variety ก็เลยเหมือนกับว่าต้องควบ 2 งานด้วย รวมไปถึงช่วง COVID-19 เราก็ต้องซ้อมเธียร์เตอร์ด้วยเพราะว่าตอนนั้นเธียร์เตอร์ BNK48 ยังไม่เปิด นั่นก็เป็นเหนื่อยเท่านึงแล้ว วันเสาร์อาทิตย์ที่เป็นวันพักของLYRA ก็ต้องไปถ่าย Photo Set หรืองานต่าง ๆ ของ BNK48 ก็เท่ากับว่า 1 เดือนเต็ม คือไม่มีวันไหนที่เราสามารถนอนอยู่เฉย ๆ ได้เลย ซึ่งรู้สึกว่าแอบเสียดายโมเมนต์ เพราะว่าการที่เรา 6 คน อยู่ในบ้านหลังเดียวกัน ถือว่าเป็นอีกโมเมนต์นึงที่ดีมาก ๆ แต่ก็โชคดีที่มีคืนสุดท้ายที่ได้ว่ายน้ำด้วยกัน ก็รู้สึกว่าสนุกมาก และ Completed 

เจนนิษฐ์ : ตอนแรกก็จะว่ายด้วยกันตั้งนานแล้วแต่ไม่ได้ว่ายด้วยกันสักที 

ปัญ : เพราะพูดตั้งแต่วันแรกที่ไปถึงว่าอยากว่ายน้ำ ก็ได้ว่ายวันสุดท้าย รู้สึกเสียดายนิดนึงที่ไม่ได้มีเวลาว่างที่สามารถทำอะไรแบบนี้ได้ เพราะว่ามีการสอบด้วย พอมีเวลาว่างเราก็อยากซ้อมเพราะกังวลว่าผลสอบจะออกมาได้ไม่ดี

ปัญ : อาจจะสนุกขึ้น แต่ครั้งนี้ที่ไปก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ และความทรงจำอันดี

ฟ้อนด์ : เอาตรง ๆ หนูสึกว่าดีใจนะคะ จริง ๆ หนูเคยบอกกับเมมเบอร์นะว่า ถ้าสมมติในอนาคตสัก 20 ปี มองกลับมาตอนนี้เราโคตรเก่งเลย ทำได้ยังไง มันเหนื่อยมาก ๆ เมื่อเทียบกับเพิ่งอายุเท่านี้แล้วต้องมาเจออะไรแบบนี้ จากที่เราเคยคิดว่าต้องเป็นคนที่มีอายุเป็นผู้ใหญ่เท่านั้นถึงจะได้มาเจออะไรแบบเดียวกันนี้ หนูเคยที่ดูสารคดีก่อนที่ศิลปินจะได้เดบิวต์เขาจะต้องซ้อมหนัก แล้วมีความกดดัน ความเครียด แล้วเราก็ได้ไปเจอจริง ๆ ซึ่งทำให้หนูรู้สึกดีใจนะที่ได้สัมผัสอะไรแบบนี้ อย่างตอนที่อยู่แคมป์ ตอนนั้นหนูก็เครียดและกดดัน แต่สุดท้ายเราก็ผ่านมาแล้ว ก็เหมือนเราได้ลองประสบการณ์ที่ตอนเด็ก ๆ เราเคยอยากลอง แล้วก็ได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมันก็ดีค่ะ เพราะว่าไม่เคยอยู่ห่างจากบ้านเป็นเดือนขนาดนี้มาก่อนเลย แล้วพอได้มาอยู่ 1เดือน ก็รู้สึกว่าอยากไปอเมริกา อยากไปอยู่เป็นเดือนแบบแพลนในตอนแรกที่พวกเราจะได้ไปอยู่แคมป์ที่อเมริกา แต่ก็ต้องเปลี่ยนแผนเพราะ COVID-19 ถึงอย่างนั้นหนูก็คงยังหวังอยากไปอเมริกาอยู่นะคะ

นิว : ถ้าย้อนกลับไป หนูอยากชมตัวเองมากว่า โคตรเก่งเลย เพราะว่าก็จากที่เต้นไม่ได้ พอเข้าไปก็รู้สึกว่าตัวเองเพิ่ม Skill มากยิ่งขึ้น แล้วก็อยากแอบอยากขอบคุณตัวเองตอนนั้นเหมือนกันค่ะ ที่อดทน พยายามไม่คิดลบ ณ ตอนนั้นค่ะ

นิกี้ : หนูรู้สึกว่าก็ภูมิใจที่ผ่านมาได้ค่ะ เพราะว่าตอนนั้นมันเหนื่อย เหมือนว่าตอนนั้นใกล้ ๆ ช่วงเดือนพฤษภาคม เหมือนจะเป็นช่วงเปิดเทอมค่ะ ไม่ค่อยแน่ใจแต่ก็มีเรื่องพอสมควร มีทั้งซ้อมเสตจ BIII ด้วยที่ต้องคลิป แล้วก็ส่งเสียงอัดร้องอะไรอีกเยอะแยะไปหมด COVID-19 ถ่ายทำต่าง ๆ สอบด้วย สอบที่ต้องคิดท่าเต้นเองด้วย มันเลยเหมือนกับรุมเร้าทุกอย่าง ตอนนั้นมีงานในหัวเยอะแยะไปหมด ไม่รู้จะทำงานไหนก่อน แต่ก็ผ่านมาแล้ว 

เป้าหมายต่อไปในฐานะของ VYRA ของแต่ละคนเป็นอย่างไร  

เจนนิษฐ์ : มีเพลงที่แมส ๆ มั้งคะ ขั้นต่ำก็ 10 ล้านวิวขึ้นไป เพลงที่แมสแบบที่คนไม่ต้องรู้จัก VYRA ก็ได้ แต่ว่ารู้จักเพลงนี้ ก็จะน่าเป็นจุดเริ่มต้นต่อไปที่ดีค่ะ

ปัญ : ถ้าเป้าหมายอันใกล้นี่ ด้วยความที่เราได้พี่ซันนี่มา Featuring ด้วย ก็รู้สึกว่าถ้าได้ขยายฐานไปที่จีนก็น่าจะดี และก็อาจจะเป็นหนึ่งในเป้าหมายที่ก็อาจจะเห็นได้ชัด ด้วยความที่อยากให้เพลงเราไปต่างประเทศอยู่แล้ว ในทุก ๆ ประเทศเลย เริ่มจากประเทศจีน เพราะว่ามีพี่ซันนี่อยู่ก็อาจจะเป็น 1ในเป้าหมายอันใกล้ที่มีความเป็นไปได้ที่อยากให้มันเกิดขึ้น หรือก็อาจจะยังเลือนรางอยู่เพราะว่าการเข้าถึงสื่อไทยของจีน อาจจะยากนิดนึงเพราะว่า YouTube หรืออะไรต่าง ๆ ก็อาจจะไม่ได้เป็นที่นิยมในจีน แต่ว่าหนูก็คิดว่ามีความเป็นไปได้อยู่เหมือนกัน

แต่ซันนี่เขาไปลงลิงก์ MV ให้ในโซเชียลมีเดียของเขาที่จีนก็ Feedback ดีมากเลย

ปัญ : ใช่ค่ะ ลง Weibo แป๊บเดียวขึ้น 1 ล้านวิวเลย ก็ขอบคุณพี่ซันนี่ แฟนคลับพี่ซันนี่ แล้วก็พี่กลัฟ (คณาวุฒิ ไตรพิพัฒนพงษ์- พระเอก MV “” ต๊ะต่อนยอน…Hurry Up! Feat. Sunnee”) รวมถึงแฟนคลับพี่กลัฟด้วย เพราะว่าทุก ๆ คนช่วยผลักดันเพลงนี้กันมากเลย เหมือนว่าศิลปินส่วนใหญ่ที่มีแฟนคลับเยอะ ๆ เวลาที่ไป feat ส่วนใหญ่ก็จะตามแค่เขา แต่ว่าแฟนคลับของพี่ 2 คนนี้ มาพูดถึงเราในทางที่ดีกันมาก ๆ สนับสนุนเพลงเรามาก ๆ ไม่แค่มาพูดถึงศิลปินของตนเอง 3 แฟนคลับ ต่างช่วยกันสนับสนุน พี่ ๆ เขาเองก็จะคอยบอกแฟนคลับว่า อยากให้ให้เกียรติ VYRA นะ เพลงนี้ก็เป็นเพลงของน้อง ๆ นะ แฟนคลับก็จะใช้คำว่าลูกของเราแค่มา Featuring นะ หรือลูกของเราแค่มาเป็นพระเอก MV นะ อยากให้ทุกคนไม่ไปหวีดลูกของเราเยอะขนาดนั้น แค่อยากให้มาให้เกียรติน้อง ๆ สนับสนุนน้อง ๆ มันทำให้รู้สึกดีใจมาก ๆ เลยค่ะ ที่ได้มีโอกาสร่วมงานพี่ ๆ ทั้ง 2 ท่าน เพราะว่าแฟนคลับก็น่ารักมาก ๆ เลย


คนอื่นละครับเป้าหมายต่อไปในฐานะ VYRA คืออะไร

ฟ้อนด์ : อยากได้ของพี่ปัญและพี่เจนนิษฐ์รวมกันมากเลยค่ะ เพราะถ้าแว้บแรกอยากให้วงเราขอสักเพลงแหละที่แมส ทุกคนฟังกันทั่วบ้านทั่วเมืองจริง ๆ อยากได้ยินเสียงของเราแล้วทุกร้อง Cover ไปที่ไหนก็เจอหมด อยากมีสักครั้งนึงค่ะ แล้วก็อยากให้ยอดวิวสักเพลงนึงไม่ต่ำกว่า 10 ล้านวิว แล้วก็อยากให้มีคนต่างประเทศรู้จักเรามากยิ่งขึ้น อย่างเช่นคอมเมนต์ใน YouTube ก็อยากเห็นเป็นภาษาต่างประเทศ เพราะเวลาที่เห็นหนูก็รู้สึกใจฟูมากเหมือนกัน แบบ หึ้ยเขารู้จักเราด้วย’ ก็เลยรู้สึกว่าอยากให้มีอีกเยอะ ๆ ค่ะ จากเพลงนี้ที่เรามีแฟนคลับจากทั้งพี่ซันนี่และพี่กลัฟแล้วก็ของเรา หนูก็เห็นความสัมพันธ์ของเราเหมือนกัน แล้วหนูก็รู้สึกดีใจมาก ๆ มันน่ารักมาก ๆ และอยากที่จะขยายมันไปอีกเรื่อย ๆ ให้มันเกิดปรากฏการณ์อย่างนี้อีกเรื่อย ๆ เพราะหนูรู้สึกว่ามันมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งมาก 

ปัญ : แน่นแฟ้น ๆ

ฟ้อนด์ : (หัวเราะ) ก็เลยรู้สึกว่า อยากเห็นไปอีกเยอะ ๆ เลยค่ะ ก็คือชาวต่างชาติได้รับรู้มากยิ่งขึ้น

นิว : ของหนู หนูก็อยากจะให้ทั้งคนไทยนี่แหละค่ะพูดถึงว่า รู้จักวง VYRA ไหม นี่เขามีเพลงดังมากเลยนะ ก็คืออยากจะให้เพลงมันแมสด้วย แล้วก็อยากจะให้เป็นที่รู้จักของชาวต่างชาติ ไม่รู้ว่ามันจะมากน้อยแค่ไหน แต่ก็อยากให้รู้สักนิดนึงก็ยังดีค่ะ อยากจะให้ชาวต่างชาติรู้ว่าวงนี้มาจากประเทศไทยนะ และก็อยากจะให้ VYRA เป็นที่รู้จักของใครหลาย ๆ คน

ฟ้อนด์ : ขอเติมนิดนึงได้ไหมคะ อยากให้ VYRA ทำให้ชาวต่างชาติรู้จัก T-Pop ด้วย คือไม่ใช่แต่วงเราแต่เข้ามาสนใจT-Popมากยิ่งขึ้น อยากให้เราได้แสดงเอกลักษณ์ของเราจริง

นิกี้: หนูขอตอบรวม ๆ ของทุกคนเลยแล้วกันค่ะ อย่างแรกเลยคือหนูอยากให้เพลงแมส คนทั่วบ้านทั่วเมืองร้องกันได้ หรืออย่างน้อยก็เปิดตามร้านอาหาร หรือสถานบันเทิงหรือเอาไปremixใหม่ได้ ให้คนเต้นกันได้ แล้วก็ด้วยความที่เพลงนี่ ต๊ะต่อนยอน มีพี่ซันนี่และก็พี่กลัฟมาเป็นพระเอก MV รวมถึงด้อมของเรา ทั้ง 3 ด้อมด้วยเกื้อกูลกันไป ช่วยสนับสนุนกันไป

ปัญ : ขอเสริมได้ไหมเพราะทั้งหมดเนี่ยเป็นเป้าหมายภายนอกหมดเลย แต่สำหรับเป้าหมายภายในหนูก็อยากให้ VYRA เก่งขึ้นอีก การเต้นเพอร์ฟอร์แมนซ์ที่เป๊ะ ๆ ไม่ได้ถึงการเต้นเหมือนกัน100% แต่หมายถึง สามารถเอาเวทีอยู่หรือเอาคนดูอยู่ หรือว่าการร้องการแร็ปที่ทุกคนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวก็ยังมีความเป็น Unity อยู่ สามารถแสดงสดได้ไม่เหนื่อย ซึ่งเป็นไปได้ยากมากเพราะอย่างเพลงต๊ะต่อนยอน คือเหนื่อยมาก ถ้าในอนาคตเราจะมีคอนเสิร์ตที่ใช้เวลาถึง 2 ชั่วโมงมันต้องทำให้ได้จริง ๆ ก็อยากให้เราฝึกแบบพัฒนาศักยภาพศักยภาพไปจนถึงจุดนั้นให้ได้ เราก็อยากให้คาแรกเตอร์ของทุกคนยิ่งแสดงออกมาชัดขึ้นเรื่อย ๆผ่านเพลงแล้วก็ Single ต่อ ๆ ไปของพวกเรา นี่ก็คงเป็นอีก 1 เป้าหมายภายในของ VYRA ที่เราอยากให้เกิดขึ้น

แค่ผ่าน “Oogoe Diamond ก็ชอบให้รู้ว่าชอบมาแล้วเพลงอื่นไม่น่าจะเหนื่อยกันมากแล้วละ

เจนนิษฐ์ : Oogoe ไม่เหนื่อยเลยค่ะ

แล้วเพลงไหนเหนื่อยที่สุดใน BNK48 ล่ะ

ปัญ : ถ้าที่แว้บแรกเลยก็คือ “Warota People” เพราะว่ามันกระโดดเยอะ จริง ๆ ทุกเพลงที่กระโดดเยอะจะเหนื่อยมาก แล้วยิ่งร้องรัว ๆ ด้วย เพลง “ต๊ะต่อนยอน” ก็ถือว่าเป็นอีกเพลงนึงที่กระโดดเยอะ วิ่งเยอะ ร้องเยอะ แล้วก็ Entertain เยอะ มันก็เลยเหนื่อย คือบางทีเพลงที่มันท่าเต้นเยอะ ๆ มันอาจจะไม่ได้เหนื่อยเท่ากับเพลงนี้ที่ท่า Freestyle มันเยอะ เลยต้องใช้พลังงานแล้วมันยิ่งเหนื่อยขึ้นไปอีก อาจจะดูเหมือนไม่เหนื่อย

สุดท้ายแล้วแต่ละคนอยากฝากอะไรถึงชาว PYN เชิญเลยครับ

นิกี้ : ก็ขอบคุณ PYN ทุกคนเลยค่ะ ที่คอยอยู่เคียงข้างเรามาโดยตลอด ตั้งแต่จุดเริ่มต้นจนมาถึงวันค่ะ หรือตั้งแต่ตอนที่มีการเปลี่ยนแปลงหลาย ๆ อย่าง แต่ก็ขอบคุณที่ยังคอยสนับสนุนเรา คอยอยู่เคียงข้างเรามาโดยตลอดค่ะ

เจนนิษฐ์ : ก็ขอให้รอติดตาม Single ใหม่ ๆ ต่อไปเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นแนวไหน เพราะว่าพวกหนูก็ลุ้นเหมือนกัน ฝากเอาเพลงไปเปิดกันเยอะ ๆ นะคะ

นิว : ฝากให้ทุกคนไปช่วยกันปั่นเพลง “ต๊ะต่อนยอน” ค่ะ ช่วยดูช่วยฟังค่ะ ยังไงก็ฝากด้วยนะคะ

ฟ้อนด์ : ขอบคุณที่ทำให้เราไม่เหงาเลยค่ะ เพราะว่ามันก็จะมีหลายช่วงเลยที่เราแทบไม่ได้โผล่ออกมาเลย ถ้าไม่มี Content หรืออะไร แต่ว่า PYN ทุกคนคือทำให้เราไม่เหงา รู้สึกว่าเหมือนเราออกอีเวนต์ตลอดเวลา เพราะว่าเขาจะชอบปั่นเทรนด์หรือว่า Active ทวิตถึงเราหรือพูดเราตลอดเวลา บางทีก็มี MVทิพย์ บ้าง ซึ่งหนูชอบมากหนูรู้สึกว่ามันไม่เหงา รู้สึกสนุกค่ะ อ่านแล้วก็สนุก ขอบคุณที่ไม่เคยทิ้งกัน

ปัญ : ก็คล้าย ๆ กันค่ะ ก็ขอบคุณที่คอยอยู่กับพวกเรามาตลอด แล้วก็ดีใจมาก ๆ ที่ทุกคนอยากเห็นพวกเราไปได้ไกล ๆ และอยากดันพวกเราไปได้ไกลที่สุดเท่าที่พวกเขาจะทำได้ สนับสนุนทางไหนได้เขาก็อยากทำไม่ว่าอยากจะให้พวกเราได้ขึ้นบิลบอร์ดเพื่อที่จะได้ให้คนได้เห็นมากขึ้นว่าเด็กกลุ่มนี้มันคืออะไร หรือว่าการที่อยากให้เราได้รับรางวัลจากเวทีต่าง ๆ หรือว่าอยากให้เราไปออกรายการนู้นรายการนี้ เขาพยายามผลักดันให้เราได้มีพื้นที่สื่อมากยิ่งขึ้น มีทั้งคำแนะนำบ้าง คำติชมบ้าง ให้กำลังใจเราบ้าง หนูรู้สึกว่าการที่ทุกคนให้ความใส่ใจกับวงเราเป็นสิ่งที่ดีมาก ๆ เลยค่ะ เราก็อยากจะขอบคุณสำหรับทุก ๆ แรงสนับสนุนที่ทุกคนมีให้มาเสมอนะคะ

VYRA : (พร้อมกัน) ขอบคุณค่า

ขอบคุณเช่นกันครับ

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส