3 กรกฎาคม 1991 คือวันที่หนัง ‘Terminator 2 : Judgement Day’ หรือ ‘คนเหล็ก 2029 ภาค 2’ ออกฉายถล่มบ็อกซ์ออฟฟิศและสร้างปรากฎการณ์เป็นหนังทำเงินไปทั่วโลก ซึ่งแม้จะได้ชื่อว่าเป็นหนังภาคต่อแต่เรื่องราวของเจ้าหุ่น T-800 ที่ต้องปกป้อง ซาราห์ และ จอห์น คอนเนอร์ จาก T-1000 หุ่นสังหารมหาประลัยตายยากที่เต็มไปด้วยฉากแอ็กชันอันน่าจดจำจากฝีมือการกำกับของพระบิดาแห่งความโม้อย่าง เจมส์ คาเมรอน (James Cameron) ก็ยังคงอยู่ในความทรงจำของแฟนบอยตลอดมา

วันนี้ Beartai – Buzz ขอพาทุกท่านย้อนเวลา (แบบเสื้อผ้าอยู่ครบ) อ่านเบื้องลึกเบื้องหลัง 30 เกร็ดน่ารู้และชวนทึ่งของหนังแอ็กชันสุดมันตลอดกาลเรื่องนี้

30. Edward Furlong เกืิอบไม่ได้เป็น John Conner

นอกจากพระเอกกล้ามโตอย่าง อาร์โนลด์ ชวาซเซเนกเกอร์ (Arnold Schwarzenegger) แล้วภาพของเด็กหนุ่มหัวขบถผมแสกกลางหน้าใสอย่างบท จอห์น คอนเนอร์ (John Conner) ก็อยู่ในความทรงจำของคอหนังไม่แพ้กัน แต่ใครจะคิดว่าพ่อหนุ่มหน้าใสอย่าง เอ็ดเวิร์ด เฟอร์ลอง (Edward Furlong) เกิือบจะชวดบทในตำนานนี้เสียแล้ว

เนื่องจากวันที่เจ้าตัวไปแคสติงร่วมกับ ลินดา ฮามิลตัน (Linda Hamilton) ปรากฎว่าเจ้าตัวเกิดอาการเขินดาราขึ้นมาต่อหน้า มาลิ ฟินน์ (Mali Finn) ที่เป็นแคสติงไดเร็กเตอร์ (Casting Director) จนเกือบ “ถูกขีดฆ่าชื่อ” ออกจากลิสต์นักแสดงแต่สุดท้ายเขาก็เลือกที่จะทำงานร่วมกับแอ็กติงโค้ช (Acting Coach) จนสามารถให้การแสดงแบบที่ เจมส์ คาเมรอน ต้องการได้

Beartai Buzz 30 ปี Terminator 2 Judgement Day
Edward Furlong ในบท John Conner

29. John Conner บทที่ตรงกับชีวิตของ Edward Furlong อย่างไม่น่าเชื่อ

ยังอยู่ที่เรื่องของเฟอร์ลอง เพราะในปี 2020 ที่ผ่านมาเอ็ดเวิร์ด เฟอร์ลองได้ให้สัมภาษณ์กับรายการพ็อคคาสต์หนึ่งว่าชีวิตช่วงวัยรุ่นของเขาก็เป็นเด็กหนีออกจากบ้านและไปอยู่กับบ้านลุงและป้าซึ่งเหมือนกับชีวิตของตัวละครที่เขาแสดงแบบทาบกันได้สนิทเลย

28. ฉาก T-1000 พรางตัวเป๋็นทางเดินลายตารางหมากรุกเกือบไม่ได้อยู่ในบทหนัง

เจมส์ คาเมรอน เคยให้สัมภาษณ์ตอนโปรโมตหนังว่าไอเดียฉากหุ่น T-1000 พรางตัวเป็นทางเดินและเครื่องกาแฟหยอดเหรียญเคยถูกตัดออกในทรีตเมนต์แรก (ทรีตเมนต์คือการเขียนโครงเรื่องขยายก่อนจะเขียนเป็นบทหนังสมบูรณ์) เพราะตอนเขียนในยุค 80s เขายังมองไม่ออกว่าจะมีเทคโนโลยีไหนมาทำให้มันเป็นไปได้ อีกอย่างคือไอเดียนี้ดูคล้าย ‘The Thing’ หนังสยองขวัญของ จอห์น คาร์เพนเตอร์ (John Carpenter) มากไปหน่อย

Beartai Buzz 30 ปี Terminator 2 Judgement Day
ฉากพรางตัวที่เกือบไม่ได้อยู่ในหนัง

27. สตูดิโอเคยอยากให้ Arnold Schwarzenegger เป็น Kyle Reese

นับเป็นความโชคดีที่เจมส์ คาเมรอนเลือกจะขบถต่อสตูดิโอที่อยากให้ อาร์โนล์ด ชวาร์เซเนกเกอร์ รับบทพระเอกอย่าง ไคล์ รีส สำหรับหนัง ‘Terminator’ ภาคแรกแต่ด้วยเจตจำนงค์ของชวาร์เซเนกเกอร์ที่อยากจะรับบทผู้ร้ายอย่างหุ่น T-800 ดังนั้นการกลับมารับบทเดิมแต่มี ‘ความนึกคิด’มากขึ้นในภาค 2 เลยไม่ได้ขัดกับความตั้งใจของทั้งคาเมรอนและชวาร์เซเนกเกอร์แต่อย่างใด

26. Arnold Schwarzenegger เคยขอควบ 2 บทแต่โดน James Cameron เบรกไว้ก่อน

ด้วยสปีริตนักแสดงของอาร์โนลด์ ชวาร์เซเนกเกอร์ เขาเคยเสนอตัวรับบททั้ง T-800 และ T-1000 แต่เจมส์ คาเมรอนคิดแล้วว่าแนวคิดนี้มันดูขี้งกเอ้ย..สุดโต่งไปหน่อยแถมอาจจะยังทำให้การถ่ายทำล่าช้าเพราะต้องมานั่งเมกอัปชวาร์เซเนกเกอร์คนเดียวทั้ง 2 บท

25. เกือบ “พังค์พลาด”เอา Billy Idol มารับบท T-1000

เดิมทีบท T-1000 หุ่นเหล็กหลอมเหลวทางเจมส์ คาเมรอนวางบทนี้ไว้ให้นักร้องเพลงพังค์อย่าง บิลลี ไอดอล (Billy Idol) แต่แล้วพอบิลลีเกิด “พังค์พลาด” ประสบอุบัติเหตุจนไม่สามารถถ่ายทำได้ไอเดียนี้เลยถูกพับไป

Beartai Buzz 30 ปี Terminator 2 Judgement Day
Billy Idol ที่เกือบได้เป็น T-1000

24. เมกอัปคนเหล็กใช้เวลาถึง 5 ชั่วโมง + ล้างออกอีก 1 ชั่วโมง

อาร์โนลด์ ชวาร์เซเนกเกอร์บอกเองเลยว่าตอนถ่ายทำ ‘Terminator : Judgement Day’ เขาต้องเริ่มให้ช่างแต่งหน้าเอฟเฟกต์คนเหล็กปะติดชิ้นส่วนให้ดูเหมิือนหุ่นยนต์หุ้มหนังมนุษย์ตั้งแต่บ่าย 3 ถึง 2 ทุ่มครึ่งรวมเวลาคือ 5 ชั่วโมงและต้องวนเวียนกับการแต่งหน้าแบบนี้ถึง 43 วัน และพอถ่ายทำเสร็จตอน 6 โมงเช้าทีมเมกอัปต้องใช้เวลาอีก 1 ชั่วโมงในการเคลียร์เมกอัปเอฟเฟกต์ต่าง ๆ

Beartai Buzz 30 ปี Terminator 2 Judgement Day
เมกอัพเอฟเฟกต์ที่ใช้เวลาถึง 5 ชั่วโมง

23. Robert Patrick ได้สวมแค่กางเกงลิงตัวเดียวพร้อมถูกวาดตารางเต็มตัว

เพื่อให้ทีมวิชวลเอฟเฟกต์สามารถสร้างผิวหนังดิจิทัลเหล็กหลอมเหลวนักแสดงอย่างโรเบิร์ต แพตทริกเลยต้องสวมใส่แค่กางเกงในสีขาวตัวเดียวแล้วถูกทีมงานวาดตารางขนาด 2X2 ทั่วตัวอย่างกับจะให้ใครมาเล่นหมากรุกบนตัวเขายังไงยังงั้นซึ่งตารางที่ว่าก็เพื่อเป็นจุดมาร์กให้ทีมงานเอาไปสร้างวิชวลเอฟเฟกต์ในคอมพิวเตอร์ต่อไป

Beartai Buzz 30 ปี Terminator 2 Judgement Day
ภาพโรเบิร์ต แพตทริกในกองถ่าย

22. ใช้เวลา 8 สัปดาห์เพื่อสร้างเอฟเฟต์ภาพทุก 5 วินาทีในแต่ละช็อต

‘Terminator 2 : Judgement Day’ ถูกจารึกในฐานะหนังที่เป็นหัวหอกด้านการปฏัวัติด้านวิชวลเอฟเฟกต์ในวงการภาพยนตร์ ซึ่งในหนังมีซีนที่ต้องใช้วิชวลเอฟเฟกต์คอมพิวเตอร์ 47 ช็อตซึ่งหากเทียบกับหนังสเกลใหญ่อย่างหนังซูเปอร์ฮีโรมาร์เวลก็ถือว่าน้อยนิดมาก ๆ แต่ด้วยเทคโนโลยีสมัยนั้นทางไอแอลเอ็ม (ILM-Industrial Light and Magic) ใช้เวลาในการสร้างเอฟเฟกต์แต่ละช็๋อตในคอมพิวเตอร์ถึง 8 สัปดาห์เพื่อให้ภาพบนจอเพียง 5 วินาทีในแต่ละช็อตออกมาสมจริงที่สุด

21. ฉากเปิดแพงกว่าหนังทั้งเรื่อง

ฉากนิวเคลียร์ล้างโลกตอนต้นเรื่องของหนังใช้ทุนสร้างมากกว่าหนัง ‘The Terminator’ ที่ออกฉายปี 1984 ที่ใช้ทุนสร้างเพียง 6.4 ล้านเหรียญ

อ่านต่อกดหน้า 2 ได้เลย

20. โมเดลฉากเปิดเรื่องทำจากของกิน

ยังอยู่ที่ฉากเปิดเรื่องของหนังที่ทีมงานต้องสร้างเอฟเฟกต์ฉากระเบิดนิวเคลียร์ล้างโลกโดยอาศัยการสร้างโมเดลเมืองและทีมงานก็พบว่าขนาดของตึกและสิ่งก่อสร้างที่ต้องถูกทำลายสามารถใช้ คอร์นเฟล๋ก แครกเกอร์ และเศษธัญพืชมาประกอบสร้างโมเดลดังกล่าวได้ ซึ่งก็โชคดีที่ไม่มีทีมงานหิวจนหน้ามืดเราเลยได้เห็นฉากนิวเคลียร์ล้างโลกยิ่งใหญ่ตระการตาอย่างที่เห็น

Beartai Buzz 30 ปี Terminator 2 Judgement Day
โมเดลที่ทำจากของกิน

19. ฉากแรกที่ Robert Patrick มากองถ่ายถูกตัดออก

โดยวันแรกในกองถ่ายของ ‘Terminator 2 : Judgement Day’ โรเบิร์ต แพตทริกผู้รับบท T-1000 จะต้องเข้าไปสำรวจห้องของจอห์น คอนเนอร์เพื่อเก็บข้อมูลต่าง ๆ หลังจากฉากฆ่าหมาในตำนานแล้ว ซึ่งสุดท้ายเหลือแค่ฉากฆ่าหมาส่วนฉากเสียมารยาทดังกล่าวถูกตัดออก

18. ปริศนารูปร่างของ Arnold Schwarzenegger ในภาคต่อ

โดยคนที่เปิดประเด็นดังกล่าวก็ไม่ใช่ใครแต่เป็น วิลเลียม วิชเชอร์ (William Wisher) คนเขียนบทหนังที่เคยให้สัมภาษณ์ว่าอาร์โนลด์ ชวาร์เซเนกเกอร์ลดน้ำหนักลง 40 ปอนด์เพื่อรับบทในภาคต่อซึ่งขัดแย้งกับบทสัมภาษณ์ของชวาร์เซเนกเกอร์ในปี 1991 ที่ว่าเขารักษาน้ำหนักตัวเองให้อยู่ระหว่าง 215 ปอนด์มาตั้งนานแล้ว ซึ่งขณะนี้ก็ยังไม่มีคำตอบที่แท้จริงว่ารูปร่างของเขาเปลี่ยนแปลงจริงหรือไม่ในภาคต่อแต่คอหนังก็คงเห็นตรงกันว่ารูปร่างของหุ่น T-800 ของชวาร์เซเนกเกอร์ในภาคต่อดูลีนมากกว่าภาคแรกเยอะจริง ๆ

17. จากบาร์ที่หุ่น T-800 กรรโชกทรัพย์สู่ห้องสมุดในปัจจุบัน

เดอะคอร์แรลบาร์ (The Corral Bar) ที่เป็นที่สถิตย์ของสิงห์มอเตอร์ไซค์ตอนต้นเรื่องที่หุ่น T-800 มาชอปปิงเสื้อผ้า แว่นกันแดดและมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ ในปัจจุบันพื้นที่ดังกล่าวได้กลายเป็นห้องสมุดเลควิวเทอร์เรซ(Lake View Terrace Library)

Beartai Buzz 30 ปี Terminator 2 Judgement Day
ฉาก The Corral Bar ในตำนาน

16. ไอเดียใส่เพลง “Bad To The Bone” เป็นของคนเขียนบท

วิลเลียม วิชเชอร์ได้แนะนำให้เจมส์ คาเมรอนใส่เพลง “Bad To The Bone” ของ จอร์จ ธอรอกูดและเดอะเดสทรอยเยอร์ส (George Thorogood & The Destroyers) ตอนแพนกล้องรับภาพอาโนล์ด ชวาร์เซเนกเกอร์สวมชุดหนังเป็นไบค์เกอร์แล้ว คาเมรอนกลับปฏิเสธ แต่เมื่อคาเมรอนชวนเขาไปห้องตัดต่อผู้กำกับจอมโวกลับโชว์ไอเดียใส่เพลง “Bad To The Bone” ตรงจุดเดียวกับที่วิชเชอร์แนะนำไว้เป๊ะ ๆ ซึ่งวิชเชอร์ก็ท้วงว่านี่เป็นไอเดียเขาแต่คาเมรอนจำไม่ได้ สรุปวิชเชอร์เลยปล่อบให้คาเมรอนคิดว่าเป็นไอเดียตัวเองต่อไปแบบเอาที่เอ็งสบายใจก็แล้วกัน !

15. สร้างคาแรกเตอร์ T-1000 ไม่กะพริบตาและหายใจทางจมูกเท่านั้นเวลาวิ่ง

โรเบิร์ต แพตทริก ให้สัมภาษณ์กับพอดแคสต์ของนิตยสารเอ็มไพร์ (Empire) ว่าเขากับคาเมรอนตัดสินใจร่วมกันที่จะให้ตัวละคร T-1000 ไม่กะพริบตาและหายใจทางจมูกเท่านั้นเวลาวิ่งเพื่อโชว์ความบ้าระห่ำของหุ่นเหล็กสังหารมหาประลัยตัวนี้

Beartai Buzz 30 ปี Terminator 2 Judgement Day
T-1000 กับช่องโหว่ของบทหนัง

14. T-1000 ในร่างของตำรวจกับช่องโหว่ของบทหนัง

เป็นที่สังเกตของคอหนังมาตลอดว่าบทหนังของ ‘Terminator 2 : Judgement Day’ มีช่องโหว่รูเบ้อเริ่มโดยเฉพาะกรณีของหุ่น T-1000 ที่เลือกแปลงกายเป็นตำรวจ LA แถมยังขโมยรถมาใช้อีกซึ่งในความเป็นจริงหากตำรวจคนใดหายไปติดต่อไม่ได้และรถตำรวจถูกขโมยทางการจะต้องมาตามล่าตามจับแน่นอน แต่ว่าก็ว่าเถอะ..หากหนังเป๊ะขนาดนั้นก็คงไม่มีฉากมัน ๆ อันเป็นตำนานหรอกจริงมั้ย ?

13. เอฟเฟกต์หุ่น T-1000 ถูกยิงไม่ได้ใช้ CGI

ฉากที่หุ่น T-1000 ถูกยิงแล้วเหล็กหลอมระเบิดบานออกแท้จริงแล้วไม่ใช่ฉากที่ใช้คอมพิวเตอร์ในการสร้างเอฟเฟกต์แต่อย่างใด แต่เป็นการประดิษฐ์ของทีมงานโดยใช้ ไมลาร์ (Mylar) หรือฟิล์มโพลิเอสเตอร์มาทำเป็นรูปทรงดอกไม้และใช้รีโมตสำหรับควบคุมเวลาต้องถ่ายฉากหุ่นถูกยิง

เอฟเฟกต์หุ่น T-1000 ถูกยิง

12. ฉากหุ่น T-1000 ปลอมเป็นยามในสถาบันจิตเวชใช้นักแสดงฝาแฝดจริง ๆ

ฉากที่หุ่น T-1000 ปลอมตัวเป็นยามในสถาบันจิตเวชที่ซาราห์ คอนเนอร์อยู่แล้วพบยามที่หน้าเหมือนตัวเองไม่ได้ใข้ซีจีแต่อย่างใด แต่หนังใช้นักแสดงฝาแฝดคือดอน สแตนตันและแดน สแตนตัน (Don Stanton and Dan Stanton)

Beartai Buzz 30 ปี Terminator 2 Judgement Day
Don Stanton และ Dan Stanton ฉากที่ T-1000 ปลอมตัวเป็นยาม

11. ฉาก T-1000 ปลอมเป็น Sarah Conner ก็ใช้ฝาแฝดของ Linda Hamilton เหมือนกัน

อีกฉากที่มีการใช้นักแสดงฝาแฝดคือฉากที่หุ่น T-1000 ปลอมตัวเป็นซาราห์ คอนเนอร์เพื่อหลอกจอห์น คอนเนอร์แต่ซาราห์ตัวจริงโผล่มาเพื่อช่วยเขา ซึ่งฉากนี้ทางทีมงานก็ได้ เลสลี ฮามิลตัน (Leslie Hamilton) ฝาแฝดของลินดา ฮามิลตันมาแสดงด้วยเช่นกัน

Beartai Buzz 30 ปี Terminator 2 Judgement Day
Leslie Hamilton ฝาแฝดของ Linda Hamilton ร่วมแสดงในฉากนี้

อ่านต่อกดหน้า 3 ได้เลย

10. เอฟเฟกต์เสียงฉากหุ่น T-1000 ทะลุลูกกรง

มีการเปิดเผยในปี 2015 โดยเว็บไซต์ไวร์ด (Wired) ว่าฉากที่หุ่น T-1000 เดินทะลุลูกกรงแล้วมีเสียงเหมือนเนื้อค่อย ๆ ผ่านกรงเหล็กแท้จริงแล้วมีการออกแบบเสียงด้วยการทำโฟลีย์ (การทำเสียงเอฟเฟกต์ประกอบภาพในสตูดิโอ) โดยใช้วิธีการอัดเสียงเทอาหารหมาจากกระป๋องนั่นเอง

Beartai Buzz 30 ปี Terminator 2 Judgement Day
ฉากนี้ใช้เสียงเทอาหารหมามาเป็น ซาวด์ เอฟเฟกต์

9. ฉากเตาหลอมโลหะสุดย้อนแย้งกับอากาศสุดเย็นยะเยือก

ฉากไคลแม็กซ์ตอนท้ายเรื่องที่ตัวละครต้องไฝ่ว์กันในโรงงานหลอมโลหะสุดร้อนแรง แต่นักแสดงกลับนึกภาพไม่ออกว่าจะร้อนกันอีกท่าไหนเพราะต่อให้ทีมงานเซ็ตฉากมีโลหะหลอมเหลวเป็นบ่อแต่อากาศในวันถ่ายกลับลดลงเหลือแค่ 5 องศาเซลเซียสเท่านั้น

8. โลหะหลอมเหลวฉบับเล่นกับอาหาร (อีกแล้ว)

ในฉากไคลแม็กซ์เช่นกันที่เราเห็นโลหะหลอมเหลวสีเหลืองทองสุดร้อนแรงแท้จริงแล้วทีมงานทำมาจาก น้ำมัน น้ำตาลผงและน้ำมากวน ๆ เข้ากัน

Beartai Buzz 30 ปี Terminator 2 Judgement Day
ฉากเตาหลอมโลหะในตำนาน

7. เรื่องน่าปวดหัวของทีมงานในการทำฉากโลหะหลอมเหลวกลับมาขึ้นรูปเป็น T-1000

เป็นอีกหนึ่งฉากในตำนานตอนท้ายเรื่องเมื่อหุ่น T-800 แช่แข็งหุ่น T-1000 โดยใช้ไนโตรเจนเหลวแล้วระเบิดร่างด้วยช็อตกันแต่ทันใดนั้นความร้อนของเตาหลอมโลหะก็ทำให้หยดน้ำปรอทกลับมาคืนรูปและคืนชีพให้วายร้ายตายยากอีกครั้ง ซึ่งแน่นอนว่าไอเดียบรรเจิดย่อมเกิดการสร้างงานให้ทีมทำสเปเชียลเอฟเฟกต์

โดยแต่แรกทางทีมงานได้ทดลองโดยการสร้างโต๊ะที่มีรูบุ๋มตรงกลางและเทปรอทเหลวเพื่อสร้างภาพลวงตาว่าหยดน้ำกำลังรวมตัวกันเป็นรูปร่างแต่ทดลองเท่าไหร่ก๋็ไม่เกิดผล เลยลองพ่นกาวสเปรย์ลงบนโต๊ะเมื่อปรอทเหลวเจอกาวจึงหยุดกลิ้งไปกลิ้งมาเราเลยได้เห็นเอฟเฟกต์สุดเจ๋งในหนังเรื่องนี้

6. แค่เสนอเอฟเฟกต์ James Cameron เล่นซะเละคามือ

ฉากที่ T-1000 ใช้คานเหล็กทุบหัวหุ่น T-800 ของเราจนหนังหลุดลอกเห็นกระโหลกเหล็ก เบื้องหลังฉากนี้ดุเดือดกว่าที่คิด เดิมทีทางทีมงานของ สแตน วินสตัน (Stan Winston) นักทำหุ่นเอฟเฟกต์ระดับตำนานทำหัวหุ่นยางของอาร์โนล์ด ชวาร์เซเนกเกอร์มาเสนอกับเจมส์ คาเมรอนซึ่งแน่นอนว่าสำหรับเขามันดูปลอมเกินไป ดังนั้นทางทีมงานเลยเสนอให้ใช้หัวหุ่นกลไกที่ใช้แทนหัวของอาร์โนลด์ ชวาร์เซเนกเกอร์ และเพื่อให้แน่ใจคาเมรอนเลยลองใช้คานเหล็กทุบมันจริง ๆ สุดท้ายหัวหุ่นนั้นก็เจ๊งและทีมงานต้องทำหัวหุ่นกลไกขึ้นมาใหม่

นอกจากนี้ด้วยความเป็นมนุษย์เพอร์เฟกต์ของคาเมรอนในปี 2017 ที่เขาตั้งใจนำหนังออกฉายโรงอีกครั้งก็มีการแก้ไขภาพด้วยวิช่วลเอฟเฟกต์สมัยใหม่ทั้งแก้ไขความต่อเนื่องในฉากไล่ล่าต้นเรื่องที่ T-1000 ขับรถบรรทุกชนสะพานจนหลังคาและกระจกหน้าพังหลุดออกมา ซึ่งของเดิมมีความผิดพลาดเพราะหลังจากเราเห็นกระจกหน้าพังลงมาแล้วปรากฎว่าช็อตต่อมากระจกหน้าและหลังคากลับเป็นเหมือนเดิมอย่างปาฏิหาริย์ หรือจะเป็นการใส่ซีจีหน้าของอาร์โนล์ด ชวาร์เซเนกเกอร์ลงไปแทนหน้าของสตันท์แมนเพื่อความแนบเนียนที่ีทำไม่ได้ในหนังต้นฉบับอีกด้วย

Beartai Buzz 30 ปี Terminator 2 Judgement Day
ภาพหัวหุ่นกลไกที่สร้างโดยทีมของสแตน วินสตัน Cr. Stan Winston School of Character Arts

5. ฉากจบที่ต่างจากบทหนัง

วิลเลียม วิชเชอร์ ได้กล่าวกับ สคริปต์ อพาร์ต (Script Apart) ว่าเดิมทีฉากจบที่เขาเขียนไว้หุ่น T-800 จะพูดแค่ว่าเขากลัวมากและกระโดดลงเตาหลอมโลหะเลย แต่เจมส์ คาเมรอนเปลี่ยนเป็น T-800 ขอให้ซาราห์ คอนเนอร์ค่อย ๆ หย่อนเขาลงไปแทน

ในส่วนของบทหนังยังมีอีกเรื่องคือในบทภาพยนตร์ต้นฉบับเขียนไว้ว่าซาราห์ คอนเนอร์ได้มองจอห์น ลูกชายของเธออย่างมีความสุขแต่ทาง คารอลโค (Carolco) นายทุนคิดแล้วว่ามันจะตัดโอกาสในการสร้่างภาคต่อพวกเขาเลยให้เจมส์ คาเมรอนเปลี่ยนตอนจบเป็นอย่างที่เราได้ดูกัน

4. ฉากจบที่ Linda Hamilton ไม่ซึ้งด้วย

ฉากที่หุ่น T-800 ค่อย ๆ จมไปในบ่อหลอมโลหะแล้วยกนิ้วโป้งเหมือนที่จอห์น คอนเนอร์เคยสอนเขากลายเป็นฉากจบที่หลายคนประทับใจ แต่ไม่ใช่สำหรับลินดา ฮามิลตันที่รับบทซาราห์ คอนเนอร์และทิม มิลเลอร์(Tim Miller) ผู้กำกับ Terminator : Dark Fate ภาคล่าสุดของหนังคนเหล็กที่มองว่าเป็นฉากจบที่พยายามให้ซึ้งจนเสร่อไปหน่อย

Beartai Buzz 30 ปี Terminator 2 Judgement Day
ฉากจบในตำนาน

3. ในหนังภาคต่อ Arnold Schwarzenegger ได้พูดทั้งหมด 700 คำ

ใน ‘The Terminator’ อาร์โนล์ด ชวาร์เซเนกเกอร์ พูดไปทั้งหมด 58 คำในหนังทัั้งเรื่อง พอมาภาคต่อเขาพูดไปทั้งหมด 700 คำในหนังความยาว 137 นาที หากหารจากค่าตัว 15 ล้านเหรียญแล้วแค่เขาพูดประโยคทองอย่าง “I’ll be back” เขาก็ได้เงินไปเหนาะที่ 64,287 เหรียญแล้ว

2. ปัญหาเรื่องจำบทไม่ได้ของ Arnold Schwarzenegger และเรื่องเสียงของ Edward Furlong

หลังจากที่เราพูดถึงเรื่องจำนวนคำที่ อาร์โนล์ด ชวาร์เซเนกเกอร์ พูดไปแล้วใครจะคิดว่าแม้จะมีบทพูดไม่เยอะเลยแต่พ่อหุ่น T-800 ของเรากลับจำไม่ได้ซะอย่างนั้นโดยเฉพาะฉากที่ต้องเล่าเรื่องราวของ Skynet และไมล์ส ไดสันให้ซาราห์ คอนเนอร์ฟังจนทีมงานต้องติดบทเป็นการ์ดไว้ตรงที่ปัดน้ำฝนเพื่อให้พ่อหุ่นยนต์ของเราอ่านบทแทน ส่วนเอ็ดเวิร์ด เฟอร์ลองหรือจอห์น คอนเนอร์ของเราก็ประสบปัญหาเส้นเสียงแตกในขณะถ่ายทำจนต้องกลับมาพากย์เสียงตัวเองใหม่อีกครั้งซึ่งตอนหนังฉายครั้งแรกประสบปัญหาเสียงของเฟอร์ลองกระโดดข้ามซีนด้วยซ้ำ

Beartai Buzz 30 ปี Terminator 2 Judgement Day
Arnold Schwarzenegger และ Edward Furlong

1. Terminator 2 : Judgement Day เป็นหนังคนเหล็กภาคเดียวที่ได้รับรางวัลออสการ์

หนังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ถึง 6 สาขาและสามารถคว้ามาได้ 4 รางวัลได้แก่ สาขาแต่งหน้ายอดเยี่ยม บันทึกเสียงยอดเยี่ยม ตัดต่อเสียงยอดเยี่ยมและวิชวลเอฟเฟกต์ยอดเยี่ยม นอกจากนี้ยังเป็นหนังภาคต่อเรื่องเดียวที่ได้เข้าชิงรางวัลออสการ์ในขณะที่หนังภาคแรกอย่าง ‘The Terminator’ ยังไม่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลเลยสักสาขา

อ้างอิง

Inverse

warpedfactor

TheRinger

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส