เมื่อเดือนสิงหาคม ปี 2015 มีภาพหนึ่งจากเมืองเบรุต, เลบานอน ถูกแชร์ขึ้นบนโลกโซเชียล เป็นภาพของชายวัยกลางคนผู้หนึ่ง อุ้มลูกสาวที่กำลังหลับอยู่บนบ่าของเขา ในมือซ้ายของเขานั้นเต็มไปด้วยปากกาลูกลื่นสีน้ำเงินหลายด้าม เห็นแค่นี้ทุกคนก็รู้แล้วว่าชายคนนี้แกขายปากกาลูกลื่นเพื่อเลี้ยงชีพ แม้จะเป็นภาพนิ่งแต่สีหน้าของเขาที่สื่อได้ชัดถึงอารมณ์ที่อัดอั้นอยู่ภายใน แม้จะยากลำบากตรากตรำเพียงใดแต่ต้องสู้ทนเพื่อปากท้องของลูกสาวและตัวเอง เป็นภาพที่สะเทือนอารมณ์ต่อผู้พบเห็นอย่างมาก
บาางคนเห็นภาพนี้แล้วก็เลื่อนผ่านไป แต่ไม่ใช่กับ กิสเซอร์ ซิโมนาร์ซัน (Gissur Simonarson) หนุ่มสัญชาตินอร์เวย์ที่เห็นภาพนี้แล้วรู้สึกว่าเขาจะต้องทำอะไรสักอย่าง จึงออกสืบหาว่าชายในภาพนี้เป็นใครอยู่ที่ไหน ด้วยเหตุที่ซิโมนาร์ซันทำงานให้กับเว็บไซต์ข่าว Conflict News ก็เลยมีสมัครพรรคพวกในแวดวงข่าวสารช่วยสืบหาได้ภายในเวลาแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น แล้วเขาก็รู้ว่าชายในภาพนี้ชื่อ อับดุล ฮาลิม อัตทาร์ (Abdul Halim Attar) เป็นผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ เพิ่งย้ายถิ่นฐานมาจากเมืองยามูค ในซีเรีย
อับดุลเล่าว่าวันนี้เขาได้อยู่ห่างไกลจากยามูคบ้านเดิมมาไกลมากแล้ว ครั้งหนึ่งเขาต้องไปใช้ชีวิตในแคมป์ผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ ที่อยู่ชายแดนทางใต้ของกรุงดามัสกัส ที่นี่เขาได้ทำงานในโรงงานช็อกโกแลต แต่วันนี้แคมป์ได้ถูกทำลายไปแล้ว จากเหตุการสู้รบในประเทศ อับดุลยังเล่าว่าเขาเป็นชาวปาเลสไตน์ แม้ว่าเขาจะมาจากประเทศซีเรีย แต่เขาก็ไม่ได้มีสถานะเป็นประชาชนชาวซีเรีย
เมื่อตามจนพบตัวแล้ว ซิโมนาร์ซันก็เริ่มขั้นตอนต่อไป ด้วยการเปิดรับบริจาคเงินช่วยเหลืออับดุลและลูกสาวผ่านทางทวิตเตอร์ เขาคาดหวังว่าถ้าผ่านไป 15 วันแล้วน่าจะได้เงินซัก 5,000 เหรียญสหรัฐฯ แค่นั้นพอ แต่กลับกลายเป็นว่าเขาได้เงินตามเป้าหมายภายใน 30 นาที และเมื่อผ่านไป 22 ชั่วโมง ยอดเงินบริจาคก็พุ่งไปถึง 60,752 เหรียญสหรัฐฯ ไม่มีวี่แววว่าจะแผ่วลงเลยด้วย สุดท้ายตัวเลขตอนปิดรับบริจาคก็ไปจบที่ 191,000 เหรียญสหรัฐฯ
“ผมประหลาดใจมากที่เรื่องราวนี้ได้รับความสนใจจากผู้คนอย่างไม่น่าเชื่อ ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก ผมต้องพยายามเข้าใจกับสถานการณ์ว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป ยอดเงินมันมหาศาลมาก มันเกินระดับที่คาดหวังไปไกลแล้ว”
ซิโมนาร์ซัน กล่าวกับสื่อ
เงินจำนวนมหาศาลเปลี่ยนชีวิตชายวัย 33 ปี จากที่ต้องพา รีม ลูกสาววัย 4 ขวบระหกระเหเร่ร่อนขายปากกาลูกลื่นเพื่อยังชีพ 6 เดือนผ่านไป อับดุลเป็นเจ้าของร้านเบเกอรี่ถึง 2 แห่ง ร้านขายเคบับอีก 1 ร้าน และภัตตาคารเล็ก ๆ อีก 1 แห่ง เขาจ้างงานผู้ลี้ภัยชาวซีเรียได้ถึง 16 คน
“มันไม่เพียงแค่เปลี่ยนชีวิตผมเท่านั้น แต่เปลี่ยนชีวิตลูกของผมให้ดีขึ้นด้วย รวมไปถึงชีวิตของชาวซีเรียอีกหลายคนที่ผมได้ช่วยเหลือไว้”
อับดุลกล่าวกับสื่อ เขายังเผยอีกว่าได้ส่งเงินจำนวน 25,000 เหรียญ ไปให้กับญาติและเพื่อน ๆ ที่ยังอยู่ในซีเรีย
เงินบริจาคจำนวนมหาศาลนั้นได้ทำให้ตัวเขาและครอบครัวที่อยู่ด้วยกันในเบรุต มีสภาพชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้นในพริบตา ส่วนภรรยาของเขาขอเดินทางกลับไปซีเรีย
อับดุลพานักข่าวไปดูอพาร์ตเมนต์ใหม่ของเขา ที่ค่อนข้างอึกทึก และยังดูโล่งว่างเพราะยังตกแต่งไม่เสร็จ แต่รีมหนูน้อยที่นอนหลับบนหัวไหล่พ่อในภาพที่กลายเป็นไวรัลนั้น ก็ภูมิใจกับบ้านใหม่ของเธอ เธอเอาของเล่นที่เป็นเครื่องครัวพลาสติก และตุ๊กตาหมีตัวโปรดของเธอมาอวดนักข่าวด้วย รีมยังมีพี่ชายอีกคนชื่อ อับดุลเลลา วัย 9 ขวบ ที่ได้กลับไปเรียนหนังสืออีกครั้ง หลังจากต้องหยุดเรียนไปถึง 3 ปี
แม้ว่าวันนี้อับดุลจะเป็นเจ้าของถึง 4 กิจการ แต่ทั้งหมดนี้ก็มาจากเงินเพียงแค่ 40% จากยอดบริจาคทั้งหมด เพราะว่าเงินบริจาคจะมาถึงอับดุลได้นั้นต้องผ่านระบบของ Paypal ที่หักค่าดำเนินการไปมากถึง 20,000 เหรียญ ที่ตัวเลขค่าดำเนินการค่อนข้างสูงนั่นก็เพราะ Paypal ไม่ได้มีพื้นที่ทำการในเลบานอน แล้วเวลาจะถอนเงินแต่ละครั้ง อับดุลก็ต้องให้เพื่อนของเขาทยอยไปเบิกเงินจากดูไบมาครั้งละนิดละหน่อย พอซิโมนาร์ซันผู้ริเริ่มโครงการช่วยเหลือ ได้รู้เรื่องปัญหาการเบิกเงินของอับดุล เขาก็ไม่สบายใจ
“การได้เห็นเขามีกิจการร้านอาหารตัวเองแล้วลูก ๆ ของเขาได้รับการดูแลดีอย่างนี้ผมก็มีความสุขมากแล้ว แต่พอได้รู้ปัญหาเรื่องการเบิกเงินที่ค่อนข้างยุ่งยาก และขั้นตอนซับซ้อนที่ไม่อนุญาตให้ผู้ลี้ภัยเปิดบัญชีธนาคารในเลบานอนได้อีก ผมว่าผมจะไม่ทำโครงการระดมทุนอีกแล้ว”
แต่สำหรับอับดุลนั้น ถึงแม้ว่าเขาจะต้องเจอกับปัญหาการเบิกเงินบริจาค และไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เขาจะถอนเงินบริจาคที่เหลือทั้งหมดออกมาได้ แต่ถึงแค่นี้เขาก็รู้สึกซาบซึ้งอย่างมากแล้ว เขาพึงพอใจมาก ๆ ที่กิจการเบเกอรี่เขารุดหน้าไปได้ดี เขาได้รับยอดสั่งซื้อเพิ่มขึ้นทุกวัน ด้วยการสนับสนุนจากเหล่าคนงานและครอบครัวคนงานในละแวกนั้นที่ชื่นชอบขนมปังและชาวาร์มาจากร้านเขา (เป็นอาหารตะวันออกกลางที่มีเนื้อหั่นเป็นชิ้นบาง ๆ ตั้งทับกันเป็นรูปทรงกรวย และย่างบนเครื่องย่างแบบหมุนที่หมุนช้า ๆ )
“ผมจำเป็นต้องใช้เงินบริจาคที่ได้มาลงทุนไปกับกิจการต่าง ๆ ไม่งั้นมันจะสูญหายไปกับอย่างอื่นหมด”
อับดุลยังบอกอีกว่าตัวเขาและคนงานอีก 16 คนนั้นโชคดีกันมาก ที่ได้มีที่ทำกินในเลบานอนนี้ เพราะยังมีผู้ลี้ภัยชาวซีเรียอีกกว่า 1.2 ล้านคนในเลบานอน ที่ยังต้องดิ้นรนหางานทำ และจะมีเพียง 1 ใน 3 เท่านั้น ที่จะถูกจ้างงาน
ทุกวันนี้อับดุลเริ่มคุ้นชินกับบ้านใหม่ของเขาในเลบานอนนี้แล้ว เขารู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนนี้ไปแล้ว ทั้งชาวเลบานอนและชาวซีเรียอพยพทุกคนต่างก็มีไมตรีจิตที่ดีต่อเขา
“พวกเขาทักทายผมอย่างสนิทสนมเวลาที่พวกเขาเห็นผม ผมได้รับความเคารพเกรงใจมากขึ้นแล้วในวันนี้”
อับดุลกล่าวทิ้งท้ายพร้อมกับยิ้มกว้าง
เมตตาธรรมจากมนุษย์ต่อเพื่อนร่วมโลกเป็นเรื่องสวยงามเสมอ ไม่ว่าจะเกิดบนแห่งหนใดในจักรวาลนี้