หลังจากเหตุการณ์โศกนาฏกรรม Boeing 737 Max 9 ของสายการบิน Lion Air อินโดนีเซีย และ Ethiopian Airlines เครื่องบินตก รวมไปถึงชิ้นส่วนประตูข้างของสายการบิน Alaska Airlines หลุดออกระหว่างทำการบินก็ทำให้ Boeing นั้นถึงกับเหงื่อตก และถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่องของความปลอดภัย ล่าสุดวิศวกรของโบอิ้งได้ขึ้นเป็นพยานต่อหน้า คณะกรรมการความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของวุฒิสภา (United States Senate Committee on Homeland Security and Governmental Affairs) แฉว่าเครื่องบินรุ่น 787 Dreamliners ได้ซุกปัญหาความปลอยภัยเอาไว้
โดยวิศวกรโบอิ้งคนนี้มีชื่อว่า แซม ซาเลห์ปูร์ (Sam Salepour) ได้ขึ้นเป็นพยานต่อหน้าคณะกรรมการความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของวุฒิสภา และเรียกร้องให้โบอิ้งประกาศให้สายการบินทั่วโลกหยุดใช้เครื่องบินรุ่น 787 Dreamliner ทุกลำทันที พร้อมกับเตือนว่าเครื่องรุ่นดังกล่าวมีปัญหาทางด้านความปลอดภัยที่อาจเป็นอันตรายกับผู้โดยสาร
ซาเลห์ปูร์ ได้ให้ข้อมูลว่า โบอิ้งได้ลัดวิธีการผลิตเครื่อง Boeing 787 Dreamliners และ 777 โดยในปี 2013 รุ่น 787 พบกับปัญหาของช่องว่างระหว่างการประกอบตัวเครื่องที่อาจให้เกิดแรงตึงเครียดในชิ้นส่วนต่าง ๆ และอาจก่อให้เกิดโศกนาฏกรรมเครื่องบินฉีกขาดระหว่างทำการบิน
นอกจากนี้ซาเลห์ปูร์ยังบอกว่า เขาได้ทำงานร่วมกับโบอิ้งมากกว่า 10 ปี โดนข่มขู่ และกีดกันจากการประชุมบ่อยครั้งหลังจากหยิบยกประเด็นเรื่องของปัญหาความปลอดภัย และช่องว่างชิ้นส่วนต่าง ๆ ลำตัวเครื่องบิน 787 Dreamliner
อย่างไรก็ตามทางด้านโบอิ้งก็ได้ออกมาโต้แย้งกับประเด็นดังกล่าวว่า เรามีความมั่นใจในเรื่องของคุณภาพ และความปลอดภัยเครื่องบินรุ่น 787 ระยะยาวเป็นอย่างมาก โดยพวกเราได้ให้บริการ 787 มาแล้วกว่า 13 ปี ขนส่งผู้โดยสารทั่วโลกมากกว่า 850 ล้านคนบน 4.2 ล้านเที่ยวบิน และในปัจจุบันเครื่องบินกว่า 700 ลำที่ยังให้บริการทั่วโลกไม่พบปัญหาโครงสร้างตัวเครื่องแต่อย่างใด
หลังจากนี้ก็ต้องรอดูต่อไปว่าจะมีคำตัดสินอะไรออกมาเครื่องบินรุ่น 787 จะต้องหยุดให้บริการทั่วโลกหรือไม่ หากถูกให้หยุดบริการจริงจะส่งผลกระทบกับสายการบินทั่วโลกอย่างจัง และการบินไทยก็พึ่งมีคำสั่งซื้อ 787 Dreamliners มากกว่า 45 ลำ