หลังจากเข้ามาของรถ EV จีน หลายคนน่าจะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมรถยนต์ไม่มากก็น้อย โดยเฉพาะผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นกับเจ้าตลาดเดิมอย่างประเทศญี่ปุ่น ที่ยอดขายลดลงอย่างชัดเจน จนหลายแบรนด์ถอนตัวจากการทำตลาดในบางประเทศ รวมถึงประเทศไทยด้วย หนึ่งในแบรนด์ที่ได้รับผลกระทบหนักมากอย่าง Nissan ก็หาหนทางรอด นั่นคือผนึกกำลังกับแบรนด์ยักษ์ใหญ่อย่าง Honda ดีลนี้จะเกิดขึ้นจริงหรือไม่
Honda และ Nissan กำลังเจรจาเพื่อจัดตั้งบริษัทโฮลดิง (Holding Company) จากการรายงานของ Nikkei Asia ระบุว่า ทั้งสองบริษัทจะร่วมกันแบ่งปันทรัพยากรและความรู้ในการพัฒนารถยนต์ รวมถึงการลดต้นทุนการผลิตลง เพื่อแข่งขันในอุตสาหกรรมรถยนต์ระดับโลกที่มี Tesla และรถ EV จีน ได้อย่างมีศักยภาพมากขึ้น
ก่อนหน้านี้ Nissan เคยประสบปัญหาการเงินมาแล้วครั้งหนึ่งในปี 1999 ก่อนที่จะกลับมาฝันร้ายอีกครั้งในปี 2024 เนื่องจากผลกำไรทั่วโลกติดลบ จนนำมาสู่มาตรการลดต้นทุน ปลดพนักงาน ปรับฐานเงินเดือน ไปจนถึงอาจอยู่รอดต่อไปได้เพียง 12 – 14 เดือน หากยังไม่มีนักลงทุนรายใหม่เข้ามาช่วยเหลือบริษัทในระยะยาว ปัจจัยสำคัญมาจากการลดจำนวนหุ้นของ Renault ที่แต่เดิมเป็นผู้ถือหุ้น Nissan กว่า 46% ก่อนที่จะปรับลดเหลือ 40% และอาจปรับลดลงอีกในอนาคต
ภายใต้การเจรจาดังกล่าวยังไม่มีรายละเอียดเปิดเผยต่อสาธารณะ อย่างไรก็ตามในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา Honda และ Nissan ต่างมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นต่อกันมากขึ้น สองบริษัทมียอดขายรถรวมกันกว่า 7.4 ล้านคันในปี 2023 ทั้งนี้การเข้ามาของรถยนต์ไฟฟ้าและความต้องการรถยนต์ที่ลดลงในตลาดยุโรปและอเมริกา ทำให้ผู้ผลิตรถหลาย ๆ แบรนด์ต้องปรับตัวมากขึ้น จึงเป็นที่มาของความเป็นไปได้ในการร่วมมือครั้งนี้ เพื่อส่งเสริมจุดแข็งของกันและกันมากขึ้น
ปัจจุบัน Honda เป็นผู้ผลิตรถใหญ่เป็นอันดับ 2 ของญี่ปุ่น มีมูลค่าบริษัทอยู่ที่ 38,800 ล้านเหรียญฯ ในขณะที่ Nissan เป็นผู้ผลิตรถอันดับ 3 ของญี่ปุ่น มีมูลค่าบริษัท 7,600 ล้านเหรียญฯ ซึ่งหากเกิดการร่วมกันจะมีมูลค่ารวมมากกว่า 46,400 เหรียญฯ ทั้งนี้ยังไม่เทียบเท่าการจับมือครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์รถยนต์ของ Stellantis ที่มาจากการควบรวม Fiat Chrysler และ PSA เป็นมูลค่ารวมกว่า 52,000 ล้านเหรียญฯ ในปี 2021 ซึ่งการควบรวมบริษัทเป็นวิธีการหนึ่งที่จะทำให้บริษัทย่อยสามารถอยู่รอดและเติบโตต่อไปได้ในอนาคต