วันจันทร์ที่ 24 ตุลาคม หุ้นของเทสลา (TSLA) ได้ร่วงลง 5% ในการซื้อขายช่วง Pre-market ซึ่งเป็นสัญญาณก่อนเปิดตลาดตามปกติพอจะบอกได้ว่าวันนี้แนวโน้มราคาจะเป็นอย่างไร หลังจากที่เทสลาได้ปรับลดราคารถยนต์ไฟฟ้าระดับเริ่มต้นในประเทศจีน ซึ่งรถยนต์ซีดานไฟฟ้า Model 3 ลดลงจากราคา 279,900 หยวน (1,471,122 บาท) เหลือ 265,900 หยวน (1,397,540 บาท) และรถยนต์ SUV ไฟฟ้า Model Y ลดลงจากราคา 316,900 หยวน (1,665,590 บาท) เหลือ 265,900 หยวน (1,517,867 บาท)
การปรับลดราคารถยนต์ไฟฟ้าของเทสลาบางส่วนเป็นการกลับคืนราคาจากการปรับขึ้นเมื่อช่วงต้นปีทั้งในประเทศจีนและสหรัฐฯ เนื่องจากสงครามยูเครน – รัสเซียได้กดดันราคาวัตถุดิบและการขนส่งเพิ่มขึ้นมาอย่างมาก
นอกจากนี้สัปดาห์ที่แล้ว อีลอน มัสก์ ซีอีโอของเทสลาได้เผยว่าจีนกำลังประสบกับภาวะถดถอย ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ จึงเชื่อว่ามัสก์คงรู้ดีในภาวะเศรษฐกิจถดถอยจะส่งผลต่อความต้องการซื้อของผู้บริโภค เนื่องจาก GDP ในไตรมาส 3 ของจีนเพิ่มขึ้น 3.9% จากปีที่แล้ว ซึ่งน้อยกว่าเป้าหมายที่ 5.5%
19 ตุลาคม เทสลาได้เผยแพร่รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 3 ปี 2022 สามารถส่งมอบรถยนต์ 343,000 คัน ทำกำไรได้ 3,300 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (126,216 ล้านบาท) และมีรายรับ 21,450 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (820,408 ล้านบาท) แต่ทั้งนี้ไม่สามารถทำได้ตามที่นักวิเคราะห์คาดการณ์เอาไว้
แม้เทสลาไม่ได้แจกแจงยอดการส่งมอบรถยนต์ของไตรมาสที่ 3 ในประเทศจีน แต่สมาคมรถยนต์นั่งส่วนบุคคลแห่งประเทศจีน (CPCA) รายงานว่าเทสลาได้ทำสถิติส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตในจีนของเดือนกันยายนจำนวน 83,135 คัน ส่วนเดือนสิงหาคมอยู่ที่ 76,965 คัน และเดือนกรกฎาคมจำนวน 28,217 คัน สรุปรวมยอดส่งมอบในประเทศจีนทั้งไตรมาสอยู่ที่ 188,317 คัน (คิดเป็น 54.90% ของยอดส่งมอบทั้งหมด)
ช่วงต้นปี BYD และ Xpeng คู่แข่งของเทสลาในประเทศจีนได้ปรับขึ้นราคารถยนต์ไฟฟ้าเช่นเดียวกับเทสลา เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น
ล่าสุด BYD รายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ที่เติบโตขึ้นสามารถทำยอดขายรวม 9 เดือน ได้ 1,180,000 คัน อ้างว่าแซงหน้าเทสลาที่ทำได้แค่ 900,000 คัน นอกจากนี้ XPeng ทำยอดขายเพิ่มขึ้นรวม 9 เดือนได้ 98,553 คัน และ Nio ทำยอดขายเพิ่มขึ้นรวม 9 เดือนได้ 249,504 คัน ซึ่งนี่ก็น่าจะเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่เทสลาได้ลดราคารถยนต์ไฟฟ้าในระดับราคาเริ่มต้น
ที่มา : cnbc
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส