แม้ Tesla จะเป็นแบรนด์ที่ครองอันดับ 1 ของตลาดรถยนต์ไฟฟ้า แต่สิ่งที่ไม่ธรรมดาของ Tesla คือกำลังผลิตที่อาศัยเทคโนโลยีเข้ามาช่วยขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ เห็นได้จากความสามารถผลิตที่โรงงาน Gigafactory ในเซี่ยงไฮ้ ที่สามารถผลิตตัวถัง Tesla Model Y 1 คันได้เฉลี่ยทุก ๆ 40 วินาที
อย่างที่ทราบกันว่า Tesla จะไม่ได้เป็นแบรนด์ผลิตรถยนต์โดยตรง แต่ก็มีจุดเด่นตรงที่นำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ สังเกตได้จาก ‘Giga Casing’ หรือเครื่องจักรอัตโนมัติที่ใช้ผลิตตัวถังของ Tesla หลาย ๆ รุ่น ซึ่งเป็นการประกอบโลหะขนาดใหญ่ไม่กี่ชิ้นเข้าด้วยกัน แทนที่จะใช้ชิ้นส่วนย่อยหลาย ๆ ชิ้น ที่มีความซับซ้อนและกินเวลาในการประกอบนานกว่านั่นเอง ทำให้มีสถิติระบุว่า Tesla ใช้เวลาผลิตตัวถังก่อนพ่นสี (Body in white) ของ Model Y 1 คันได้ทุก ๆ 40 วินาทีเท่านั้น
สำนักข่าว Reuters รายงานว่า โรงงาน Tesla ที่เมืองเซี่ยงไฮ้ก่อตั้งขึ้นในช่วงปลายปี 2019 และจนถึงตอนนี้สามารถผลิตรถยนต์ได้มากกว่า 1 ล้านคันแล้ว ทั้งนี้ Tesla เพิ่งจะอัปเกรดสายพานการผลิตแบตเตอรี่ของ Tesla Model Y และ Model 3 ก่อนที่จะเตรียมส่งออกไปยังประเทศออสเตรเลียต่อไป
รถยนต์ไฟฟ้า Tesla คันที่ 1 ล้านได้ออกจากโรงงานเซี่ยงไฮ้ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา แม้โรงงานแห่งนี้จะอยู่ท่ามกลางข้อจำกัดของการล็อกดาวน์ภายใต้มาตราการโควิดเป็นศูนย์ แต่ลูกค้าของ Tesla ที่สั่งซื้อรถยนต์ไฟฟ้า Model Y และ Model 3 จะใช้เวลารอรับรถเฉลี่ยไม่เกิน 4 เดือน เนื่องจากมีกระบวนการผลิตที่รวดเร็ว อีกทั้ง Tesla ยังกระตุ้นยอดขายด้วยการลดราคาของรถยนต์ไฟฟ้าทั้ง 2 รุ่น ในประเทศจีน ทั้ง Model 3 เริ่มต้นที่ 1.13 ล้านบาท และ Model Y เริ่มต้นที่ 1.28 ล้านบาท (ถูกลงกว่า 600,000 บาท)
จากสถิติยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าที่ขายดีที่สุด 5 อันดับแรกของประเทศออสเตรเลียล้วนผลิตในจีนทั้งสิ้น หนึ่งในนั้นก็คือ Tesla โดยในปี 2022 มียอดขายรถยนต์ไฟฟ้ารวมกว่า 122,845 คัน หรือประมาณ 3 เท่าของรถยนต์สันดาปที่ผลิตในเยอรมัน นอกจากนี้ Tesla ยังมีแผนเปิดตัวแพลตฟอร์มรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ ที่มีขนาดเล็กลงและราคาถูกลงกว่าเดิม โดยเริ่มต้นที่ 40,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 1.3 ล้านบาท ในเดือนมีนาคมนี้ ยิ่งตอกย้ำให้เห็นว่าพลังงานไฟฟ้าจะเป็นอนาคตของวงการยานยนต์อย่างแน่นอน
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส