24 มกราคม เทสลาประกาศว่าได้ลงทุนมากกว่า 3,600 ล้านเหรียญ (117,927 ล้านบาท) ในการสร้าง 2 โรงงานใหม่เพิ่มเติมในจิกะเนวาดา (โรงงานขนาดใหญ่แห่งแรกของเทสลา) ประกอบด้วย โรงงานผลิตเซลล์แบตเตอรี่ 4680 เพื่อผลิตแบตเตอรี่ให้เพียงพอสำหรับรถยนต์ขนาดเบา (รถเก๋ง รถ SUV และรถกระบะ) ที่ 2 ล้านคันต่อปี และโรงงานผลิตรถเทรลเลอร์ไฟฟ้า Semi ในปริมาณมากแห่งแรก รวมทั้งมีการเพิ่มพนักงานใหม่ 3,000 คน
จิกะเนวาดาเป็นโรงงานขนาดใหญ่แห่งแรกของเทสลาที่ตั้งอยู่ในเมืองรีโน รัฐเนวาดา ซึ่งเป็นแหล่งประกอบแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ เช่น Powerwall ระบบสำรองไฟฟ้าภายในบ้าน
1 ธันวาคม เทสลาได้เปิดตัวรถเทรลเลอร์ไฟฟ้า Semi คันแรกในงาน Semi Delivery ที่จิกะเนวาดา และได้ส่งมอบรถเทรลเลอร์ไฟฟ้า Semi ชุดแรกให้กับ Pepsi (เป๊ปซี่) หลังจากที่เทสลาได้เปิดตัว Semi เมื่อปี 2017 ซึ่งมีเป้าหมายปล่อยสู่ตลาดครั้งแรกในปี 2019 แต่ได้เลื่อนแผนการผลิตมาหลายครั้ง และเดือนตุลาคม 2022 ได้เริ่มการผลิตเพื่อเริ่มส่งมอบให้กับเป๊ปซี่ (Pepsi) ในเดือนธันวาคม
Tesla Semi ได้ผ่านการทดสอบขับขี่ในระยะทาง 500 ไมล์ (804 กิโลเมตร) พร้อมด้วยการบรรทุกน้ำหนักอย่างเต็มเหนี่ยวถึง 81,000 ปอนด์ (36,740 กิโลกรัม) ซึ่งปกติรถเทรลเลอร์คลาส 8 ทั่วไป มีมาตรฐานการบรรทุกหนักที่ 33,001 ปอนด์ (14,969 กิโลกรัม) ขึ้นไป และ Semi อาจจะได้รับเครดิตภาษีจากรัฐบาลกลางสหรัฐฯ มูลค่า 40,000 เหรียญ (1,310,420 บาท) อีกด้วย
ในงานประกาศผลประกอบการเมื่อเดือนตุลาคม 2022 เทสลาตั้งเป้าหมายว่าจะผลิตรถเทรลเลอร์ไฟฟ้า Semi ให้ได้ 50,000 คันในปี 2024 อีกทั้งบริษัทเป๊ปซี่ได้วางแผนที่จะเปิดตัว Tesla Semi จำนวน 100 คัน ในปี 2023 นอกจากนี้เทสลายังมีบริษัทอีกหลายแห่งที่สั่งจอง Semi เอาไว้ ก็คือ Anheuser-Busch, Walmart และ UPS ส่วนคู่แข่งของ Tesla Semi ก็คือ Freightliner ของ Daimler รวมทั้งรถเทรลเลอร์ไฟฟ้าจากค่าย Volvo และ Nikola
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส