หลายคนรู้จัก Mercedes-Benz G-Class ในฐานะรถยนต์เอสยูวีขนาดใหญ่ ที่มีรูปทรงเอกลักษณ์ทรงกล่องสี่เหลี่ยม แต่รู้ไหมว่า G-Class เป็นหนึ่งในรุ่นที่ยืนหยัดมานานกว่า 4 ทศวรรษ ในฐานะรถยนต์ของสมเด็จพระสันตะปาปาผู้เคร่งครัด รถสมบุกสมบันประจำกองทัพ ไปจนถึงรถหรูประจำตัวดาราฮอลลีวูด ซึ่งเราปฏิเสธความสำเร็จด้วยยอดขายกว่า 500,000 คันไปเสียมิได้ เพื่อเฉลิมฉลองให้ความยิ่งใหญ่นั้น ขอย้อนกลับไปยังวันวานด้วย 5 สิ่งที่คุณอาจไม่เคยรู้เกี่ยวกับไอคอนิกของอุตสาหกรรมยานยนต์คันนี้
G-Class คันแรกมาจากชาห์แห่งอิหร่าน
ความเกี่ยวโยงระหว่างพระเจ้าชาห์แห่งอิหร่านกับ Mercedes-Benz คือ ชาห์เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท Daimler ในศตวรรษที่ 70 เขาต้องการรถบรรทุกกว่า 20,000 คัน เพื่อใช้ในการทหารภายในประเทศ ทาง Mercedes-Benz จึงได้ร่วมกับผู้ผลิตยุทโธปกรณ์ของออสเตรีย พัฒนารถยนต์ที่สามารถใช้ขับขี่ลุยพื้นที่ทะเลทรายยันอาร์กติกเซอร์เคิลได้ จนเป็นที่มาของ G-Wagon มีให้เลือกทั้งรุ่นฐานล้อสั้นและฐานล้อยาวสำหรับบรรทุกของในปี 1979 และได้มีการรีแบรนด์ใหม่ให้เป็นรถตระกูลพรีเมียมในชื่อ G-Class ในปี 1998 นั่นเอง
G-Class ทุกคันผลิตขึ้นด้วยมือในโรงงานเดียว
รู้หรือไม่ว่ารถ G-Class ทุกคันผลิตและประกอบขึ้นในโรงงาน Magna Steyr Automobile Company ในเมืองกราซ (Graz) ประเทศออสเตรีย ซึ่งแมกนา สไตร์ (Magna Steyr) เป็นผู้ผลิตรถยนต์เก่าแก่ที่สุดเจ้าหนึ่งของออสเตรีย โดยผลิตรถให้กับ BMW, Jaguar และ Toyota รวมถึง G-Class มากกว่า 30,000 คันต่อปี (แบ่งเป็นรถเพื่อกองทัพ 5,000 คันต่อปี) ปัจจุบันมียอดผลิตทะลุ 500,000 คันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
G ย่อมาจาก Gelandewagen แปลว่าออฟโรด
เคยสงสัยไหมว่าอักษรย่อของ Mercedes-Benz ที่เป็นตัว E, S, G นั้นย่อมาจากอะไร วันนี้จะได้รู้กันครับ โดย E ย่อมาจาก Einspritzmotor ในภาษาเยอรมันแปลว่า ระบบเครื่องยนต์หัวฉีด ส่วนตัว S ย่อมาจาก Sonderklasse แปลว่า ความพิเศษ จึงแทนรถหรูตระกูลพรีเมียม และสุดท้าย G ย่อมาจาก Geländewagen แปลว่าพาหนะสำหรับทุกพื้นที่หรือรถตระกูลออฟโรดนั่นเอง
ห้องโดยสารกว้างขวางเพื่อกิจการกองทัพ
เนื่องจาก G-Class แต่เดิมออกแบบมาเพื่อการทหารและยังคงเป็นเช่นนั้นใน 40 กว่าประเทศ เนื่องจากมีการออกแบบห้องโดยสารให้กว้างขวางเพียงพอกับนายทหารที่แต่งองค์ทรงเครื่องเต็มยศพร้อมยุทโธปกรณ์ต่าง ๆ และสามารถขับขี่บนถนนออฟโรดทุกสภาพพื้น โครงสร้างและช่วงล่างของตัวรถในวันนี้จนถึงวันนี้จึงแทบไม่เปลี่ยนแปลงไป
G-Class ทุกคันต้องผ่านทางบนเขา Schöckl
การทดสอบสมรรถนะของรถ G-Class ทุกคันต้องผ่านเส้นทาง 5.6 กิโลเมตรรอบภูเขา Schöckl ใกล้กับเมืองกราซ ซึ่งเป็นหนึ่งในเส้นทางที่ท้าทายเทคโนโลยีและทักษะของมนุษย์ เพราะถนนมีความชันถึง 60% และลาดเอียงกว่า 40% โดย G-Class แต่ละคันจะขับวนเวียนทดสอบสมรรถนะและฟังก์ชันต่าง ๆ ของตัวรถอยู่ในเทือกเขานี้เป็นระยะทางกว่า 2,000 กิโลเมตร จึงจะสามารถการันตีความแข็งแกร่งของรถและส่งมอบถึงมือลูกค้าได้
สำหรับใครที่อ่านบทความนี้แล้วสนใจ Mercedes-Benz G-Class ขึ้นมา ประเทศไทยก็มีจำหน่ายรุ่น Mercedes-AMG G63 อยู่ที่ 17,920,000 บาท เท่านั้นเอง
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส