แม้เทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติหรือ 3D Printing จะไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ก็ต้องยอมรับว่ามาไกลกว่าเดิมมาก โดยเฉพาะสิ่งที่เกิดขึ้นกับแบรนด์ NILA ที่อาศัยการพิมพ์ 3 มิติ สร้างรถยนต์ไร้คนขับ ที่ไม่ต้องมีพวงมาลัย ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า และยังใช้ AI ควบคุมการทำงานของรถทั้งคัน แล้วยังสั่งการด้วยเสียงอีกด้วย

สตาร์ทอัปผู้อยู่เบื้องหลังบริษัท NILA คือ Niebla กล่าวถึงการออกแบบพิมพ์ 3 มิติว่า แม้ชิ้นส่วนจะดูมีความเหลี่ยมคมและแข็งกระด้าง แต่พื้นผิวจะให้ความรู้สึกนุ่มเหมือนฟองน้ำ ซึ่งรูปร่างของมันได้แรงบันดาลใจมาจากทิวทัศน์ของเมืองลอสแองเจลิสนั่นเอง (จะว่าไปหน้าตาก็คล้าย Cybertruck อยู่นะเนี่ย)

ตัวรถยนต์ไร้คนขับคันนี้จะมีเพียง 3 ล้อเท่านั้น คือ ด้านหน้า 2 ล้อและด้านหลัง 1 ล้อ ปิดทับด้วยหลังคากระจกบานเดียว ให้อารมณ์เหมือนนั่งอยู่ในห้องโดยสารของนักบิน ภายในรองรับที่นั่งโซฟาแถวยาว นั่งได้สูงสุด 2 ที่นั่ง มาพร้อมจอแสดงผลยาว หรือแผง UI/UX ที่มาแทนจอแสดงผลติดรถแบบเดิม ๆ มีชื่อเรียกว่า ‘The Terminal’ ซึ่งทำงานผ่านระบบสั่งการด้วยเสียง หรือสัมผัสหน้าจอได้โดยตรง ไม่ว่าจะใช้สตรีมดูหนัง หรือสั่งอาหารมารับประทานบนรถก็ทำได้

อีกสิ่งที่ทำให้ NILA น่าสนใจคือการเลือกใช้ กุญแจสตาร์ทรถผ่านแอปพลิเคชัน ซึ่งตัวแอปเข้ามาช่วยวางแผนการเดินทาง ช่วยจอดรถในช่องจอด ไปจนถึงขับขี่ไปสถานีชาร์จใกล้ที่สุดได้อีกด้วย แน่นอนว่ารถยนต์ไร้คนขับคันนี้ยังอยู่ในช่วงทดสอบและพัฒนาเกี่ยวกับ AI ซึ่งทาง NILA ตั้งเป้าให้เป็นรถยนต์ใช้งานในราคาย่อมเยา ที่พร้อมจะขับขี่ในเมืองลอสแองเจลิสช่วงต้นปี 2024 หรืออีกแค่ครึ่งปีเท่านั้น
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส