ภายหลัง Hyundai เปิดตัว IONIQ 5 ในงาน Motor Expo 2023 พร้อมเปิดราคาในรุ่นเริ่มต้นที่ 1.699 ล้านบาท ถือเป็นการปรับภาพลักษณ์ของแบรนด์ Hyundai อย่างจริงจังภายใต้บริษัทแม่จากประเทศเกาหลี หลังจากนั้น Hyundai ต่อยอดความสำเร็จด้วยการเปิด Hyundai Lab ครั้งแรกในโลกที่ทรู ดิจิทัล พาร์ค อวดโฉมรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่และนวัตกรรมต่าง ๆ ที่สำคัญยังมาพร้อม IONIQ 5 N รถไฟฟ้าหัวใจรถแข่งอีกด้วย
ภายใน Hyundai Lab จัดแสดง Hyundai IONIQ 5 รถยนต์ไฟฟ้าตระกูลเอสยูวี ดีไซน์ไร้กาลเวลาได้แรงบันดาลใจจาก Pony Coupe เมื่อ 45 ปีก่อน แต่ไฮไลต์จริง ๆ อยู่ที่ Hyundai IONIQ 5 N ซึ่งเป็นรถไฟฟ้ารุ่นแรกของตระกูล N แบรนด์รถสมรรถนะสูงของ Hyundai นั่นเอง ชื่อชั้นของ N บอกเลยว่าไม่ธรรมดา เพราะสามารถคว้ารางวัลแชมป์โลก WRC ในปี 2019 – 2022 รวมถึง WTCR ได้อีก 4 สมัยด้วย ในปี 2023 ก็ยังได้เปิดตัว Elantra N และ IONIQ 5 N ให้แก่แฟน ๆ อีกด้วย
Hyundai IONIQ 5 N มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ 2 ตัว ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD ให้กำลังสูงสุด 650 แรงม้า แรงบิด 740 นิวตันเมตร พร้อมแบตเตอรี่ขนาด 84 kWh ขับขี่สูงสุด 435 กม. (มาตรฐาน WLTP) มีอัตราเร่ง 0 – 100 กม./ชม. ภายใน 3.4 วินาที ทำความเร็วสูงสุด 260 กม./ชม.
สิ่งที่ทำให้ Hyundai IONIQ 5 N น่าสนใจไม่ใช่แค่รูปลักษณ์และกำลังของมอเตอร์ แต่เป็นเรื่องการทำงานของระบบไฟฟ้าภายใน ที่ยังคงสมรรถนะแรงสูงสมชื่อของตระกูล N ตามปรัชญา 3 ด้าน ได้แก่ การเข้าโค้งเป็นเลิศ (Corner Rascal), สมรรถนะเหมือนอยู่ในสนามแข่งโดยไม่ปรับแต่งอะไรเลย (Racetrack Capability) และความสปอร์ตในชีวิตประจำวัน (Everyday Sportscar)
สิ่งเหล่านั้นแสดงออกผ่านระบบการทำงานของตัวรถ IONIQ 5 N ไม่ว่าจะเป็นรถ ระบบการเข้าโค้ง AWD รวมถึง N Pedal และ N Drift optimizer นอกจากนี้ยังมีระบบเตรียมแบตเตอรี่ให้พร้อมสำหรับ drag mode และระบบ N grin boost เสมือนยานออกตัวได้ทุก ๆ 10 วินาที ไปจนถึง N e-shift ระบบเปลี่ยนเกียร์เสมือนจริง ให้อารมณ์เหมือนกับแข่งรถ และยังมาพร้อมระบบเสียง N active sound+ ที่ปรับแต่งได้ตามการขับขี่ ทั้งหมดนี้ทำให้ IONIQ 5 N แตกต่างจากรถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูงทั่วไป
ภายในห้องโดยสารใกล้เคียงกับรุ่น INOIQ 5 แต่มีการออกแบบให้สปอร์ตมากขึ้น สังเกตได้จากปุ่มสีส้มบนพวงมาลัยคือปุ่ม N grin boost ที่เหมือนการกดไนตรัสเร่งความเร็วทันที แต่ต้องเว้นช่วงทุก ๆ 10 วินาที วัสดุภายในได้จากการรีไซเคิล เพื่อลดการผลิตคาร์บอนกว่า 70% แม้ตัวรถจะมีความสปอร์ต แต่ยังคงคอนเซ็ปต์ของห้องนั่งเล่น ที่นั่งสบายเหมือนอยู่บ้าน เสียดายตรงคอนโซลกลางไม่ได้เป็น Universal Island หรือคอนโซลกลางสไลด์ได้ใน IONIQ 5 แต่โดยรวมก็ถือว่าใกล้เคียงกันไม่น้อย
Hyundai IONIQ 5 N รองรับการชาร์จ AC กำลังไฟสูงสุด 11 kW ภายในเวลา 6 ชั่วโมงและการชาร์จ DC สูงสุด 350 kW จาก 10 – 80% ในเวลาเพียง 18 นาที ที่สำคัญยังเป็นเวอร์ชันพวงมาลัยขวาครั้งแรก และอาจมีลุ้นได้ขายในไทยปี 2024 ด้วย
นอกจากนี้ด้านนอกของ IONIQ Lab ยังติดตั้งตู้ชาร์จกำลังไฟสูงสุด 350 kW จำนวน 2 ตู้ (ตู้ละ 1 หัวชาร์จ) สำหรับรองรับการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าของ Hyundai โดยเฉพาะ ซึ่งทางแบรนด์เคลมเรื่องน้ำหนักของหัวชาร์จ ที่เบากว่าคู่แข่งทั่วไป ผู้หญิงสามารถยกถือได้ง่าย ปัจจุบันยังเป็นต้นแบบอยู่ ไม่สามารถใช้งานได้จริง แถมการดีไซน์ Parametric Pixels ยังสะท้อนไปถึงช่องเสียบหัวชาร์จของ IONIQ 5 ที่แสดงผ่านแถบแสดงสถานะของแบตเตอรี่ว่าลดลงไปเหลือเท่าไหร่แล้วด้วย
ใครที่สนใจรถคันจริงของ Hyundai IONIQ 5 N และ IONIQ 5 มาสัมผัสเทคโนโลยีพลังงานไฟฟ้าได้แล้วที่ IONIQ Lab ณ ทรู ดิจิทัล พาร์ค ชั้น 1 ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส