แบไต๋เคยเขียนเรื่อง Aion ES ที่เปิดตัวในงาน Motor Expo 2023 ไปแล้วหนนึง รอบนี้ทีมงานแบไต๋มีโอกาสได้มาทดสอบประสิทธิภาพการขับขี่ของ Aion ES ที่จะเป็นแท็กซี่ไฟฟ้าในปีหน้า ทั้งการใช้งานและฟีเจอร์ที่ให้มากับตัวรถ จะเป็นอย่างไร ชอบไม่ชอบอะไรบ้าง

Aion ES รถซีดานไฟฟ้าเวอร์ชันที่ปรับมาเพื่อการขนส่งสาธารณะหรือรถแท็กซี่นั่นเอง ตัวรถมีมิติตัวถังขนาด 4,810 x 1,880 x 1,545 มิลลิเมตร มาพร้อมฐานล้อ 2,750 มิลลิเมตร เพียงพอต่อการโดยสารสูงสุด 4 ที่นั่ง (ไม่รวมผู้ขับขี่)

Aion ES ให้กำลังสูงสุด 136 แรงม้า แรงบิด 225 นิวตันเมตร แต่ระบบล็อกความเร็วสูงสุดไว้ที่ 130 กม./ชม. ซึ่งจริง ๆ แล้วสามารถทำความเร็วได้มากกว่านี้ (สังเกตเกตไมล์ความเร็วไปได้ถึง 220 กม./ชม.) แต่เขาเซตไว้ที่ 130 กม./ชม. หากความเร็วเกินกว่านั้นตัวรถจะลดความเร็วลง มาพร้อมแบตเตอรี่ 55.2 kWh สามารถขับขี่ได้สูงสุด 442 กม. (มาตรฐาน NEDC) ขับจริงก็น่าจะได้ประมาณ 400 กม. แหละ

ภายในห้องโดยสารให้ออปชันเริ่มต้นมาพร้อมติดตั้งมิเตอร์รถมาให้ในตัวรถ ปุ่มปรับเกียร์อยู่ตรงกลางคอนโซล หน้าจอดิจิทัลขนาด 7 นิ้ว มีระบบปรับอากาศให้ผู้โดยสารแถวหลัง พร้อมช่องเสียบ USB-A ด้านหน้า 2 ช่อง และด้านหลัง 2 ช่อง (ไม่มีช่องเสียบ USB-C)

ฟิลลิ่งหลังจากทดสอบ

เราได้ทดสอบประสิทธิภาพการขับขี่ ตั้งแต่อัตราเร่งในระยะทางสั้น ๆ ให้พอทำความเร็วจาก 0 – 60 กม./ชม. ได้ แต่รู้สึกว่ารถอัตราเร่งค่อนข้างช้าพอสมควร ไม่ได้รู้สึกปรู๊ดปร๊าดเหมือนกับรถยนต์ไฟฟ้าทั่วไป รวมถึงเรื่องของพวงมาลัยไฟฟ้า (steer by wire) ที่มีความหน่วงในระดับหนึ่ง เราทดสอบในฐานสลาลอม ทั้งในความเร็วต่ำ 25 กม./ชม. และเพิ่มขึ้นเป็น 40 กม./ชม. พบว่าผู้ขับขี่ต้องออกแรงหักพวงมาลัยมากกว่าปกติ ตัวรถถึงจะตอบสนองได้ทันใจ และต้องอาศัยความเคยชินสักเล็กน้อย

นอกจากนี้เรายังได้ทดสอบแรงสะเทือนจากพื้นถนนขรุขระ รวมถึงสถานีเปลี่ยนเลนฉุกเฉินพบว่า Aion ES มีอาการยวบยาบให้เห็นอยู่บ้าง และเป็นรถที่ตอบสนองช้าไปหน่อย ฟิลลิ่งไม่เหมือนรถยนต์ไฟฟ้าหลาย ๆ รุ่นที่ค่อนข้างตอบสนองไว แต่รุ่นนี้กลับให้ความรู้สึกราบเรียบ นุ่มนวลเหมือนรถบ้าน แต่ก็เป็นข้อดีว่าเราอาจได้เห็นแท็กซี่หัวร้อนบนท้องถนนน้อยลงก็เป็นได้

ภายในห้องโดยสารไม่ได้ให้ออปชันอะไรมาก โหมดการขับขี่ปรับได้แค่ 3 โหมดบนหน้าจอคือ Eco, Normal และ Sport ซึ่งเรายังได้ทดสอบในระยะจำกัดและไม่เพียงพอต่อการแยกความแตกต่างของแต่ละโหมด เสียดายที่ไม่มีให้ปรับระดับพวงมาลัย (ปรับได้แค่ระดับการรีเจนของพลังงาน) ที่ออกจะตอบสนองได้ช้ากว่าที่ควรจะเป็นมาก ทั้งนี้ข้อดีคือให้ระบบ i-pedal ที่ใช้เพียงแป้นคันเร่งในการควบคุมตัวรถมานั่นเอง

Aion ES ราคา 850,000 บาท (สำหรับลูกค้าทั่วไป) พร้อม Home Charger ฟรีค่าติดตั้ง และการรับประกันแบตเตอรี่ 8 ปี หรือ 200,000 กม. และ 929,900 บาท (เฉพาะแท็กซี่ EVme จำกัด 2,000 คัน) จะได้อัปเกรดการรับประกันแบตเตอรี่เป็น 9 ปี หรือ 900,000 กม. สำหรับใครที่สนใจอยากทดสอบตัวรถ Aion ES เขาเปิดให้ทดสอบได้ฟรีที่ Bravo BKK หรือ Show DC เก่าจนถึงวันที่ 25 ธันวาคมนี้นะ

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส