หลายคนอาจคุ้นเคยกับ Aion Y Plus ที่เปิดตัวในไทยมาก่อน 2 รุ่นย่อยคือ Aion Y plus 490 Elite และ 550 Ultra ถึงแม้ว่า Aion Y Plus จะขายดีเป็นอันดับที่ 6 ของรถ EV จีนในปี 2023 ด้วยจำนวนกว่า 235,000 คัน แต่ในตลาดไทยถือว่ายังไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ทางบริษัทแม่อย่าง GAC จึงแก้เกมด้วยการเปิดตัวรุ่นกลาง Aion Y plus 490 Premium พร้อมการอัปเกรดใหม่กว่า 24 รายการ เพื่อหวังชิงส่วนแบ่งการตลาดกลับคืนมา วันนี้เรามีโอกาสได้มาทดสอบสมรรถนะของตัวรถ จะเป็นยังไงไปดูกัน
ทำความรู้จัก Aion Y plus 490 Premium กันสักหน่อย รุ่นนี้เป็นรุ่นต่อยอดที่อัปเกรดฟังก์ชันและฟีเจอร์กว่า 24 รายการ ให้เทียบเท่ากับรถรุ่นอื่น ๆ ในเซกเมนต์เดียวกัน ภายนอกยังคงดีไซน์ไฟหน้าแบบปีกนางฟ้า (Angel Wing) พร้อมระบบไฟสูงอัจฉริยะ และเปิดปิดฝาท้ายแบบไฟฟ้า
จุดเด่นของ Aion Y Plus คือขนาดตัวรถที่ใหญ่ที่สุดในเซกเมนต์เดียวกันคือ 4,535 x 1,870 x 1,650 มิลลิเมตร พร้อมฐานล้อยาว 2,750 มิล ทำให้ได้พื้นที่ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง อีกทั้งยังสามารถปรับเบาะเอนราบเป็นเตียงคู่ยาว 1.8 เมตรได้ด้วย
Aion Y plus 490 Premium ยังรองรับระบบสั่งการด้วยเสียงทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ (ต้องกดผ่านปุ่มบนพวงมาลัย) เพื่ออำนวยความสะดวกระหว่างขับขี่ ทั้งยังมาพร้อมแบตเตอรี่ LFP ขนาด 63.2 kWh ขับขี่ไกลสุด 490 กม. ซึ่งมีการทดสอบความปลอดภัยด้วยการยิงปืนเข้าแบตเตอรี่โดยตรง ผลที่ได้คือมีควันขึ้นแต่ไม่เกิดการระเบิด
การขับขี่เราใช้เส้นทางกทม. สู่เขาใหญ่เป็นระยะทางประมาณ 280 กม. ฟังก์ชันการใช้งานส่วนใหญ่อัดอยู่ในจอกลางตัวรถ ทั้งการเลือกโหมดขับขี่ 4 โหมด (ประหยัด, ทั่วไป, สปอร์ตและ i-pedal) เปิดปิดฟีเจอร์ช่วยขับขี่และความปลอดภัยต่าง ๆ แผนที่ รวมถึงระบบความบันเทิง (ปัจจุบันยังไม่รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto แต่กำลังเร่งพัฒนาซอฟต์แวร์ตัวใหม่ที่ใช้งานได้ แต่ยังต้องผ่านสาย USB-A อยู่)
การขับขี่บนถนนประเทศไทยพบว่าช่วงล่างค่อนข้างแน่นเฟิร์ม แม้ตัวรถจะดูใหญ่แต่ไม่มีอาการโยนให้รู้สึกได้ ระบบการควบคุมพลังงานค่อนข้างราบรื่น พวงมาลัยปรับระดับได้ทั้งแบบเบาหวิว จนถึงหนักเหมือนรถสปอร์ต ทำงานร่วมกับ ACC ได้ดี จับเส้นถนนได้ เวลาเข้าโค้งตัวรถบบจะช่วยเบรกชะลอให้เล็กน้อย จึงอาจไม่ตอบโจทย์ในเส้นทางที่โค้งเล็กเยอะ ๆ ที่บางช่วงอาจไม่จำเป็นต้องกดแป้นเบรกก็ได้
สิ่งที่ต้องระวังคือระบบความปลอดภัยที่ค่อนข้างแอ็กทีฟแบบหนักหน่วง เช่น ระบบช่วยให้ตัวรถอยู่ในเลน มีให้เลือกทั้งแบบตอบสนองและช่วยดึงพวงมาลัยให้ทันที ซึ่งดึงค่อนข้างแรงจนอาจทำให้ผู้ขับขี่ตกใจได้ การจับเส้นเลนก็ทำได้ค่อนข้างดี มีบางจังหวัดที่ถนนบ้านเราเส้นทับกัน ก็ทำให้ตัวรถงงแล้วเกิดอาการเหวี่ยงได้ ผู้ขับขี่จึงยังต้องจับพวงมาลัยไว้ตลอดเวลา แม้ว่าระบบ ACC จะสามารถปล่อยมือได้ระยะหนึ่งก็ตาม
เราลองทดสอบการกินไฟพบว่าหากมีผู้โดยสารนั่งเต็มคัน 4-5 คน อัตรากินไฟอยู่ที่ประมาณ 18-20 kW/100 กม. แต่ตอนขากลับรถเราเหลือ 3 คนพบว่ากินไฟน้อยลงตามไปด้วยอยู่ที่ 14-15 kW/100 กม. ซึ่งการใช้งานในชีวิตประจำวันจะสามารถขับขี่ได้ประมาณ 450 กม.เลยทีเดียว ส่วนเรื่องราคาของ Aion Y Plus 490 Premium อยู้ที่ 995,900 บาท ถือว่าเป็นราคาที่ผ่านกระแสตอบรับของผู้ใช้มาแล้ว ราคาต่ำล้านนี้คุ้มสุดในเซกเมนต์เดียวกัน
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส