เมอร์เซเดส-เบนซ์ ตอกย้ำแผนการตลาดใหม่ในชื่อ Retail of the Future ที่ปรับเปลี่ยนการทำการตลาดในประเทศไทยด้วยการวิธีการใหม่ ซึ่งประเทศไทยเป็นประเทศที่ 11 ที่ใช้การขายรูปแบบใหม่นี้ หลังจากทดลองใช้งานในประเทศอื่น ๆ อย่างออสเตรเลียและอินเดียมาก่อนหน้านี้ และได้รับผลตอบรับที่ค่อนข้างดี และนี่คือ 5 กลยุทธ์ที่เมอร์เซเดส-เบนซ์จะก้าวต่อไป
กลยุทธ์แรกคือการเข้าถึงรถยนต์ที่ใช่ได้ถึง 3 ช่องทาง ได้แก่ โชว์รูมของเมอร์เซเดส-เบนซ์กว่า 33 แห่งทั่วประเทศ หรือหากใครไม่สะดวกยังมีช่องทางออนไลน์ผ่านทางเว็บไซต์ mercedes.co.th และอีกช่องทางคือสามารถติดต่อได้ผ่าน Call Center ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ หมายเลข 1250 นั่นเอง
กลยุทธ์ที่ 2 คือเข้าถึงสต็อกกลาง หรือการใช้พื้นที่คลังสินค้าเดียวกันทุกดีลเลอร์ ทำให้ไม่ว่าลูกค้าจะซื้อรถเมอร์เซเดส-เบนซ์จากดีลเลอร์ไหนก็สามารถตรวจสอบรถในสต็อกจากแห่งเดียวกันได้ ทำให้ดีลเลอร์ทุกแห่งเพิ่มโอกาสขายมากขึ้น รวมถึงลูกค้าจะได้รถที่ตรงใจมากขึ้นในเวลาเดียวกัน นอกจากนี้ยังรองรับการจองรถล่วงหน้าตามลำดับเช่นกัน
กลยุทธ์ที่ 3 คือการเข้าถึงราคาและแคมเปญพิเศษพร้อมกันทุกแห่ง พูดง่าย ๆ ว่า เมอร์เซเดส-เบนซ์จะขายรถในราคาเดียวกัน และสิทธิพิเศษเดียวกันในทุกดีลเลอร์ เพื่อมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังสามารถซื้อผ่านไฟแนนซ์ โดยร่วมกับ 3 สถาบันการเงิน ได้แก่ ธนาคารของเมอร์เซเดส-เบนซ์, ธนาคารกรุงศรี และ ธนาคารธนชาติ หรือ TTB
กลยุทธ์ที่ 4 การเข้าถึงการทำงานหลังบ้านรูปแบบใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ระบบดิจิทัลมากขึ้น การใช้งานระบบ ID Card Reader ช่วยอ่านบัตรประชาชน การจัดการใบจองและใบเสร็จกำกับภาษีรูปแบบดิจิทัลผ่านทางอีเมล เพื่อลดการใช้กระดาษ (แต่ยังสามารถขอแบบกระดาษได้) ในการทำธุรกรรมต่าง ๆ
และกลยุทธ์สุดท้ายคือการเข้าสู่การครอบครองรถคันใหม่ ซึ่งจะมี Retail Partner ที่มีคุณภาพในการเตรียมรถยนต์เพื่อส่งมอบ รวมถึงประสบการณ์พิเศษในการรับรถที่ไม่เหมือนที่ไหน ภายใต้มาตรฐานเดียวกันของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะช่วยยกระดับการบริการของเมอร์เซเดส-เบนซ์ให้เข้าถึงและตรงใจลูกค้าที่สุด
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส